หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ราชวงศ์กัมพูชา

โพสท์โดย แพงพวย

 

 

           พระราชวงศ์เขมรในสมัยต้นรัตนโกสินทร์นั้น มีความผูกพันใกล้ชิดกับไทยและ พระราชวงศ์ไทย ยิ่งกว่าพระราชวงศ์ชาติอื่นๆ พระราชวงศ์เขมรที่เข้ามาอยู่ในกรุงรัตนโกสินทร์ ภายใต้ร่มพระบารมีพระเจ้าแผ่นดินไทยนั้น ถึง ๓ รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่รุ่นปู่ คือ นักองเอง (สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดี) 
รุ่นลูก ๒ องค์ คือ นักองจันทร์ (สมเด็จพระอุทัยราชา) ขึ้นครองราขย์ก่อน จึงถึงอนุชาคือนักองด้วง (สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี) และรุ่นหลาน ๒ องค์ คือ นักองราชาวดี (สมเด็จพระนโรดม) และอนุชา คือ นักองศรีสุวัตดิ (สมเด็จพระศรีสวัสดิ์มณีวงศ์) ทั้ง ๕ องค์ ล้วนแต่เคยอยู่ในเมืองไทยก่อนเสด็จไปครองเขมรหรือประเทศกัมพูชา ( องค์ประกันนั้นเองไม่ต่างอะไรกับพระนเรศวร ) ดังนั้นการแต่งกาย พิธีการต่างๆ จึง เหมือนกับไทยมาก เช่น รูปแบบวัง วัดพระแก้ว การละคร ยศเจ้านาย 

 

กษัตริย์กัมพูชา

รัชกาลที่ 1  นักองเอง (สมเด็จพระนารายณ์ราชาธิราช)

รัชกาลที่ 2  นักองจันทร์ (สมเด็จพระอุไทยราชาธิราช)

รัชกาลที่ 3  นักองด้วง (สมเด็จพระหริรักษ์ราชาธิบดี)

รัชกาลที่ 4  นักองราชาวดี (สมเด็จพระนโรดม  โอรสใหญ่ ร.๓)

รัชกาลที่ 5  นักองศรีสุวัตถ  (สมเด็จพระศรีสวัสดิ์)

รัชกาลที่ 6  สมเด็จพระมณีวงศ์  (ถึง ร.๖ นี้ เขมรตกเป็นของฝรั่งเศส แล้ว  การสืบราชสันตติวงศ์หันกลับไปทางสายเหลนของนักองราชาวดี คือเจ้าชายสีหนุ อายุ ๑๘ ปี)

รัชกาลที่ 7  พระเจ้านโรดมสีหนุ  (ถึง ร.๗ ต่อมาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เจ้าชายสีหนุสละราชบัลลังก์ถวายพระราชบิดา  การสืบราชสันตติวงศ์จึงย้อนขึ้นจากลูกขึ้นไปหาพ่อ (พระองค์สุรามฤต)  ซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การสืบราชสมบัติ)

รัชกาลที่ 8  พระองค์สุรามฤต (ลูกของพระองค์สุธารส  ซึ่งเป็นลูกของ ร.๔ อีกที)

พระเจ้านโรดมสีหนุ  กับมาครองราชอีกครั้ง

สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี  กษัตริย์ ปัจจุบัน ลูกชายของ พระเจ้านโรดมสีหนุ  

 

พระเจ้าแผ่นดินเขมรนั้นตั้งแต่ ร.๑ - ร.๕ ล้วนอยู่วังในกรุงเทพฯ และตั้งแต่ ร.๑ - ร.๔ ได้รับอภิเษกจากพระเจ้าแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์ให้ขึ้นครองราชย์ทุกพระองค์จนกระทั่งตกอยู่ในอำนาจของฝรั่งเศส   

แผนผังราชวงศ์นโรดม
 
 
 
 
 
 
 
 
ยศของเจ้านายกัมพูชา เหมือนกับ สยามมาก
เพราะเอาแบบอย่างจากสมัยรัตนโกสินทร์ไปใช้ อยู่หลายอย่าง
 
กษัตริย์
สมเด็จพระ  คงจะเทียบเท่า เจ้าฟ้า ของสยาม
พระองค์เจ้า
หม่อมเจ้า
หม่อมราชวงศ์
หม่อมหลวง     ไม่แน่ใจมีรึป่าวนะ 
 
ผิดผลาดประการใด มาแก้ไขกันด้วยนะตรงนี้
 
 
 

ความสัมพันธ์ไทยกับเขมร  การเกี่ยวข้องสายเลือด

            กรมพระราชวังบวรฯ วังหน้า ในสมัย รัชกาลที่ 1 ขอ นักองอี และ นักองเภา ไปเป็น พระชายา 
นักองอี มีให้กำเนิด 2 องค์หญิง คือ พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร และ พระองค์เจ้าหญิงวงศมาลา
นักองเภา ประสูติ 2 องค์ คือ พระองค์เจ้าหญิง สิ้นพระชนม์แต่ยังไม่มีพระนาม และ พระองค์เจ้าหญิงปุก
พระราชทานที่ดินให้อยู่อาศัยบริเวณ ตำบลคอกกระบือ หรือ คอกควาย ซึ่งปัจจุบันบริเวณคือ วัดยานนาวา ครั้นถึง พ.ศ.๒๓๒๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังพระราชทานที่ริมคลองคูพระนคร เยื้องปากคลองหลอดข้าม ที่บริเวณนั้นจึงเรียกว่า วังเจ้าเขมร สืบมา 
 
 
          เจ้าชายสุทธารส และ เจ้าหญิงพงางาม (หรือพังงางาม) ผู้เป็นปู่ย่า ของเจ้าชายสีหนุ นั้นเป็นโอรส ธิดาของสมเด็จนโรดม (นักองราชาวดี) ประสูติเมืองไทยที่วังเจ้าเขมรทั้งสององค์ และมีชนนีเป็นคนไทย เจ้าชายสุทธารสชนนี ชื่อเจ้าจอมมารดาเอี่ยม เป็นหลานลุงของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) ส่วนชนนีของเจ้าหญิงพงางาม ชื่อเจ้าจอมมารดานวล 

 

          สมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีหม่อมเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง  เป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสายโลหิตระหว่างเชื้อพระวงศ์เจ้ากรุงสยาม  กับเจ้าครองนครเขมร   คือหม่อม เจ้าหญิงฉวีวาด    ไม่ถูกกันกับ รัชกาลที่ 5 ในสมัยเด็กเคยขัดพระบาท รัชกาลที่ 5 ล้มจบบาทเจ็บ เจ้าหญิงฉวีวาด  มีฉายา ว่า ลูกเจ้าปลอม จากการที่ รัชกาลที่ 4 ทรงรักดังลูกสาว 

 

            หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด  เป็นพระธิดาของพระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ  (โอรสของรัชกาลที่ 2  ท่านเป็นต้นราชสกุล ปราโมช)   กับมารดา คือ หม่อมราชวงศ์ดวงใจ  ปราโมช

           หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด นั้น  เดิมท่านหมั้นกับ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ซึ่งเป็นพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4   แต่เนื่องจากพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล มีหม่อมอยู่ในวังแล้ว คือ หม่อมสุ่น  เป็นเหตุให้หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดไม่พอพระทัย  ขอยกเลิกการหมั้นนั้น 

            ต่อมา หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ได้สมรสกับพระราชโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้าเฉลิมลักษณวงศ์  ซึ่งเป็น พระอนุชาของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ  และกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญนี้ได้มีเรื่องราวบันทึกไว้   ในคราวเรื่องกบฏวังหน้า  และต่อเนื่องไปยังหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดต้องพลัดถิ่นฐานสยามประเทศ  ไปพำนักพักยังนครเขมร  ก่อเกิดสายสัมพันธ์ ในกาลต่อมา

กบฎวังหน้า ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2417)

           มีบันทึกไว้ว่า เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 23 พรรษา หลังจากที่เสด็จกลับจากชวา เกิดการวางเพลิงระเบิดขึ้นในวังหลวง

 ก่อนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้นั้น มีข่าวปล่อยว่าจะมีการลอบปลงพระชนม์กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ทำให้เกิดความระแวงกันขึ้นระหว่างวังหลวงกับวังหน้า และเมื่อหลังเหตุระเบิดไฟไหม้ที่ตึกดินในวังหลวง  มีการสอบสวนหาสาเหตุการระเบิด โดยเจ้านายในวังหลวง

          กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งเป็นผู้ที่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแต่งตั้ง  ให้การสนับสนุน  เป็นผู้มีอำนาจและกำลังทหารและอาวุธยุทธภัณฑ์ อยู่ในวังหน้า จึงเกรงภัยที่อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด  ได้หลบหนีออกจากวังหน้า ตรงไปที่สถานกงสุลอังกฤษ  มีท่านกงสุล คือนายทอมัส  นอกซ์    เมื่อจุลศักราช 1236 (พ.ศ. 2417)  และได้ทรงพักอยู่ที่สถานกงสุลอังกฤษนานถึง 2 อาทิตย์ 

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์  ได้ไปเชิญเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ออกจากสถานกงสุลอังกฤษ

เหตุการณ์หลังเกิดระเบิด

           กล่าวถึง หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด  ในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดไฟไหม้ตึกเก็บดินดำวังหลวงนั้น  หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ได้ขนทรัพย์สมบัติส่วนตัว  และคณะละครหลวง ของเจ้าจอมมารดาอำภา  ทั้งตัวรำ  เครื่องละครและดนตรีปี่พาทย์ต่าง ๆ   รวมเป็นคนหลายสิบคน   จ้างเรือสำเภาล่องลงตามแม่น้ำเจ้าพระยา ออกจากแผ่นดินสยาม  ผ่านเสาหินทางทิศใต้ที่ปักอยู่  ก่อนถึงพระประแดง มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองเขมร

          ฝ่ายรัฐบาลกรุงสยามได้ส่งทหารลงเรือกลไฟ แล่นไล่ตามจับเรือสำเภาของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด  เผอิญเรือกลไฟของรัฐบาลเกิดชำรุดเสียหาย จักรหัก  ต้องจอดทอดสมออยู่กลางน้ำ  เรือสำเภาของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดจึงชักใบแล่นเรือ  เดินทางสู่เขมรได้อย่างปลอดภัย

          ขณะนั้น มเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ (นักองด้วง ซึ่งประสูติและโตที่กรุงเทพฯ) เป็นเจ้าครองเขมร  และเป็นพระสหายของ หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด  ได้ต้อนรับและเชิญให้พำนักอยู่ที่นครเขมร

          หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดเข้าไปอยู่ในวังกับสมเด็จพระนโรดมนั้น มีคนในวังหน้าติดตามไปด้วยหลายคน เป็นเจ้านายวังหลวงคนหนึ่งคือหม่อมเจ้าหญิงปุก และลูกสาวคนรองของนายโรเบิร์ต น็อกส์  หม่อมเจ้าหญิงปุกประทับที่เมืองเขมรตลอดมาจนชรามาก และสิ้นชีพิตักษัยที่เมืองเขมรในรัชกาลที่ 7 

          หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดได้ช่วยฝึกการละครในวังเขมร   กระทั่งสมเด็จพระนโรดมฯ ได้แต่งตั้งหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด เป็นพระราชเทวี  มีพระราชบุตรด้วยกัน ๑ องค์ คือ"พระองค์เจ้าพานคุลี"

 

โทษทัณฑ์หลังออกจากกรุงสยาม

 

         การที่หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด  มีเหตุต้องหนีออกจากกำแพงวังนั้น ทางกรุงสยาม ถือว่าการที่ท่านออกนอกเขตวังโดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตเป็นความผิด  ทั้งท่านยังเป็นพระบรมวงศานุวงศ์  การเสด็จออกจากพระนครเกินเสาหินที่ปักเป็นอาณาเขตกรุงเทพพระมหานครทั้งสี่ทิศโดยไม่ได้กราบถวายบังคมลา  ถือว่าเป็นกบฏ เมื่อตามจับตัวหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดไม่ได้  ตามอาญาต้องจับมารดา คือหม่อมราชวงศ์ดวงใจ   ปราโมช  และพี่น้อง  ไปลงโทษแทน  ให้คุมขังและริบราชบาตร ได้รับความลำบากอยู่หลายปี ถึงพ้นโทษได้กลับมาอยู่วัง

ชีวิตบั้นปลายของหม่อมเจ้าหญิงฯ

           จนสิ้นแผ่นดิน รัชกาลที่ 5  เข้าสู่รัชสมัย รัชกาลที่ ๖ ครองราชย์  หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดจึงได้กลับมากรุงสยาม  และบวชชีหลายปีจึงสึก  ใช้ชีวิตสงบ  ยามวัยชราได้ช่วยเลี้ยงหลานชาย คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นลูกของน้องชาย (พระองค์เจ้าคำรบฯ)  อันเป็นที่มาที่ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ กล่าวเล่าความถึงท่านป้าในแง่มุมต่าง ๆ 

           พระองค์เจ้าพานคุลีนี้เคยเข้ามาเยี่ยมท่านแม่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่ง หลังจากที่ท่านป้าฉวีวาดกลับมาจากเมืองเขมรแล้วในรัชกาลที่ 6  และได้บวชชี  หลานๆ จึงเรียกท่านป้าฉวีวาดว่า “ท่านป้าแอหนัง” หรือ “ท่านยายแอหนัง” เพราะท่านเป็นนางเอกต้องระหกระเหินเหมือนนางบุษบาในเรื่องอิเหนา เมื่อนางบุษบาบวชชีก็มีชื่อว่า แอหนังติหลาอรสา หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดมีชีวิตบั้นปลายอยู่โดยสงบ  จนสิ้นชีพิตักษัย ด้วยวัย 80 ปี กว่า

 

 

 
 
รูปเจ้าเจ้านาย ต่าง ๆ
 
 
 

 
 
                                                                     สมเด็จนโรดมสีหนุ ราชาภิเษกครั้งเเรก
 
 
 
 
                                                                                 สมเด็จพระสีสุวัตถิ์
 
 
 
 
 
สมเด็จพระนโรดมสีหมุนี
 
 
 
สมเด็จพระนโรดม นรินทรพงษ์
น้อยชาย ของ สมเด็จพระนโรดมสีหมุนี
 
 
 
 
 
 
 
 
วังเขมรินทร์
 
 
 
 
 
พระแก้วมรกต ที่ กัมพูชา
 
 
 
ที่มา:
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
แพงพวย's profile


โพสท์โดย: แพงพวย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายรู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนเอกสารลับหลุดว่อน! "ฮุนเซน" ผวาหนัก ชาวเขมรแห่แชร์กฎหมาย "เด็ดหัวผู้นำ"ทหารไทย เจอ เสื้อชั้นในผู้หญิง ในฐานทหารกัมพูชา📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำเด็กชายวิ่งออกมาตัดหน้ารถกะทันหัน การรับมือของหญิงสาว กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ภาพมันฟ้อง !! กัมพูชาไม่สนมรดกโลก ตั้งฐานทหารบนยอดพระวิหาร ใกล้ตัวปราสาท ใช้โจมตีไทย แต่ถูกทหารไทยตอบโต้ ถล่มเละเหลือแต่ซาก"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบสยายปีกรับทรัพย์! เลขเด็ด "นกตาทิพย์" แนวทางรวยงวดใหม่ 2 มกราคม 2569
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เกาหลีแฉเอง! จีนเมินช่วยกัมพูชา ทัพฟ้าไทยจัดเต็มบินถล่มรังลับในเขมรนักร้องเคป็อประดับตำนานเผย "ผมไม่ค่อยชอบเพลงฮิตอย่าง APT ของโรเซ่""ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบทหารไทย เจอ เสื้อชั้นในผู้หญิง ในฐานทหารกัมพูชา10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิตส.ค.ส. บัตรอวยพรแห่งความทรงจำ จากปลายปากกาสู่โลกดิจิทัล
ตั้งกระทู้ใหม่