ราชวงศ์กัมพูชา
พระราชวงศ์เขมรในสมัยต้นรัตนโกสินทร์นั้น มีความผูกพันใกล้ชิดกับไทยและ พระราชวงศ์ไทย ยิ่งกว่าพระราชวงศ์ชาติอื่นๆ พระราชวงศ์เขมรที่เข้ามาอยู่ในกรุงรัตนโกสินทร์ ภายใต้ร่มพระบารมีพระเจ้าแผ่นดินไทยนั้น ถึง ๓ รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่รุ่นปู่ คือ นักองเอง (สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดี)
รุ่นลูก ๒ องค์ คือ นักองจันทร์ (สมเด็จพระอุทัยราชา) ขึ้นครองราขย์ก่อน จึงถึงอนุชาคือนักองด้วง (สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี) และรุ่นหลาน ๒ องค์ คือ นักองราชาวดี (สมเด็จพระนโรดม) และอนุชา คือ นักองศรีสุวัตดิ (สมเด็จพระศรีสวัสดิ์มณีวงศ์) ทั้ง ๕ องค์ ล้วนแต่เคยอยู่ในเมืองไทยก่อนเสด็จไปครองเขมรหรือประเทศกัมพูชา ( องค์ประกันนั้นเองไม่ต่างอะไรกับพระนเรศวร ) ดังนั้นการแต่งกาย พิธีการต่างๆ จึง เหมือนกับไทยมาก เช่น รูปแบบวัง วัดพระแก้ว การละคร ยศเจ้านาย
กษัตริย์กัมพูชา
รัชกาลที่ 1 นักองเอง (สมเด็จพระนารายณ์ราชาธิราช)
รัชกาลที่ 2 นักองจันทร์ (สมเด็จพระอุไทยราชาธิราช)
รัชกาลที่ 3 นักองด้วง (สมเด็จพระหริรักษ์ราชาธิบดี)
รัชกาลที่ 4 นักองราชาวดี (สมเด็จพระนโรดม โอรสใหญ่ ร.๓)
รัชกาลที่ 5 นักองศรีสุวัตถ (สมเด็จพระศรีสวัสดิ์)
รัชกาลที่ 6 สมเด็จพระมณีวงศ์ (ถึง ร.๖ นี้ เขมรตกเป็นของฝรั่งเศส แล้ว การสืบราชสันตติวงศ์หันกลับไปทางสายเหลนของนักองราชาวดี คือเจ้าชายสีหนุ อายุ ๑๘ ปี)
รัชกาลที่ 7 พระเจ้านโรดมสีหนุ (ถึง ร.๗ ต่อมาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เจ้าชายสีหนุสละราชบัลลังก์ถวายพระราชบิดา การสืบราชสันตติวงศ์จึงย้อนขึ้นจากลูกขึ้นไปหาพ่อ (พระองค์สุรามฤต) ซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์การสืบราชสมบัติ)
รัชกาลที่ 8 พระองค์สุรามฤต (ลูกของพระองค์สุธารส ซึ่งเป็นลูกของ ร.๔ อีกที)
พระเจ้านโรดมสีหนุ กับมาครองราชอีกครั้ง
สมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์ ปัจจุบัน ลูกชายของ พระเจ้านโรดมสีหนุ
พระเจ้าแผ่นดินเขมรนั้นตั้งแต่ ร.๑ - ร.๕ ล้วนอยู่วังในกรุงเทพฯ และตั้งแต่ ร.๑ - ร.๔ ได้รับอภิเษกจากพระเจ้าแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์ให้ขึ้นครองราชย์ทุกพระองค์จนกระทั่งตกอยู่ในอำนาจของฝรั่งเศส
ความสัมพันธ์ไทยกับเขมร การเกี่ยวข้องสายเลือด
สมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีหม่อมเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง เป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสายโลหิตระหว่างเชื้อพระวงศ์เจ้ากรุงสยาม กับเจ้าครองนครเขมร คือหม่อม เจ้าหญิงฉวีวาด ไม่ถูกกันกับ รัชกาลที่ 5 ในสมัยเด็กเคยขัดพระบาท รัชกาลที่ 5 ล้มจบบาทเจ็บ เจ้าหญิงฉวีวาด มีฉายา ว่า ลูกเจ้าปลอม จากการที่ รัชกาลที่ 4 ทรงรักดังลูกสาว
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด เป็นพระธิดาของพระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ (โอรสของรัชกาลที่ 2 ท่านเป็นต้นราชสกุล ปราโมช) กับมารดา คือ หม่อมราชวงศ์ดวงใจ ปราโมช
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด นั้น เดิมท่านหมั้นกับ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ซึ่งเป็นพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ 4 แต่เนื่องจากพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล มีหม่อมอยู่ในวังแล้ว คือ หม่อมสุ่น เป็นเหตุให้หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดไม่พอพระทัย ขอยกเลิกการหมั้นนั้น
ต่อมา หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ได้สมรสกับพระราชโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระนามว่า พระองค์เจ้าเฉลิมลักษณวงศ์ ซึ่งเป็น พระอนุชาของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ และกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญนี้ได้มีเรื่องราวบันทึกไว้ ในคราวเรื่องกบฏวังหน้า และต่อเนื่องไปยังหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดต้องพลัดถิ่นฐานสยามประเทศ ไปพำนักพักยังนครเขมร ก่อเกิดสายสัมพันธ์ ในกาลต่อมา
กบฎวังหน้า ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2417)
มีบันทึกไว้ว่า เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 23 พรรษา หลังจากที่เสด็จกลับจากชวา เกิดการวางเพลิงระเบิดขึ้นในวังหลวง
ก่อนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้นั้น มีข่าวปล่อยว่าจะมีการลอบปลงพระชนม์กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ทำให้เกิดความระแวงกันขึ้นระหว่างวังหลวงกับวังหน้า และเมื่อหลังเหตุระเบิดไฟไหม้ที่ตึกดินในวังหลวง มีการสอบสวนหาสาเหตุการระเบิด โดยเจ้านายในวังหลวง
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ซึ่งเป็นผู้ที่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแต่งตั้ง ให้การสนับสนุน เป็นผู้มีอำนาจและกำลังทหารและอาวุธยุทธภัณฑ์ อยู่ในวังหน้า จึงเกรงภัยที่อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ได้หลบหนีออกจากวังหน้า ตรงไปที่สถานกงสุลอังกฤษ มีท่านกงสุล คือนายทอมัส นอกซ์ เมื่อจุลศักราช 1236 (พ.ศ. 2417) และได้ทรงพักอยู่ที่สถานกงสุลอังกฤษนานถึง 2 อาทิตย์
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้ไปเชิญเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ ออกจากสถานกงสุลอังกฤษ
เหตุการณ์หลังเกิดระเบิด
กล่าวถึง หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดไฟไหม้ตึกเก็บดินดำวังหลวงนั้น หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ได้ขนทรัพย์สมบัติส่วนตัว และคณะละครหลวง ของเจ้าจอมมารดาอำภา ทั้งตัวรำ เครื่องละครและดนตรีปี่พาทย์ต่าง ๆ รวมเป็นคนหลายสิบคน จ้างเรือสำเภาล่องลงตามแม่น้ำเจ้าพระยา ออกจากแผ่นดินสยาม ผ่านเสาหินทางทิศใต้ที่ปักอยู่ ก่อนถึงพระประแดง มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองเขมร
ฝ่ายรัฐบาลกรุงสยามได้ส่งทหารลงเรือกลไฟ แล่นไล่ตามจับเรือสำเภาของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด เผอิญเรือกลไฟของรัฐบาลเกิดชำรุดเสียหาย จักรหัก ต้องจอดทอดสมออยู่กลางน้ำ เรือสำเภาของหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดจึงชักใบแล่นเรือ เดินทางสู่เขมรได้อย่างปลอดภัย
ขณะนั้น สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ (นักองด้วง ซึ่งประสูติและโตที่กรุงเทพฯ) เป็นเจ้าครองเขมร และเป็นพระสหายของ หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ได้ต้อนรับและเชิญให้พำนักอยู่ที่นครเขมร
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดเข้าไปอยู่ในวังกับสมเด็จพระนโรดมนั้น มีคนในวังหน้าติดตามไปด้วยหลายคน เป็นเจ้านายวังหลวงคนหนึ่งคือหม่อมเจ้าหญิงปุก และลูกสาวคนรองของนายโรเบิร์ต น็อกส์ หม่อมเจ้าหญิงปุกประทับที่เมืองเขมรตลอดมาจนชรามาก และสิ้นชีพิตักษัยที่เมืองเขมรในรัชกาลที่ 7
หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดได้ช่วยฝึกการละครในวังเขมร กระทั่งสมเด็จพระนโรดมฯ ได้แต่งตั้งหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด เป็นพระราชเทวี มีพระราชบุตรด้วยกัน ๑ องค์ คือ"พระองค์เจ้าพานคุลี"
โทษทัณฑ์หลังออกจากกรุงสยาม
การที่หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด มีเหตุต้องหนีออกจากกำแพงวังนั้น ทางกรุงสยาม ถือว่าการที่ท่านออกนอกเขตวังโดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตเป็นความผิด ทั้งท่านยังเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ การเสด็จออกจากพระนครเกินเสาหินที่ปักเป็นอาณาเขตกรุงเทพพระมหานครทั้งสี่ทิศโดยไม่ได้กราบถวายบังคมลา ถือว่าเป็นกบฏ เมื่อตามจับตัวหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดไม่ได้ ตามอาญาต้องจับมารดา คือหม่อมราชวงศ์ดวงใจ ปราโมช และพี่น้อง ไปลงโทษแทน ให้คุมขังและริบราชบาตร ได้รับความลำบากอยู่หลายปี ถึงพ้นโทษได้กลับมาอยู่วัง
ชีวิตบั้นปลายของหม่อมเจ้าหญิงฯ
จนสิ้นแผ่นดิน รัชกาลที่ 5 เข้าสู่รัชสมัย รัชกาลที่ ๖ ครองราชย์ หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดจึงได้กลับมากรุงสยาม และบวชชีหลายปีจึงสึก ใช้ชีวิตสงบ ยามวัยชราได้ช่วยเลี้ยงหลานชาย คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นลูกของน้องชาย (พระองค์เจ้าคำรบฯ) อันเป็นที่มาที่ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ กล่าวเล่าความถึงท่านป้าในแง่มุมต่าง ๆ
พระองค์เจ้าพานคุลีนี้เคยเข้ามาเยี่ยมท่านแม่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่ง หลังจากที่ท่านป้าฉวีวาดกลับมาจากเมืองเขมรแล้วในรัชกาลที่ 6 และได้บวชชี หลานๆ จึงเรียกท่านป้าฉวีวาดว่า “ท่านป้าแอหนัง” หรือ “ท่านยายแอหนัง” เพราะท่านเป็นนางเอกต้องระหกระเหินเหมือนนางบุษบาในเรื่องอิเหนา เมื่อนางบุษบาบวชชีก็มีชื่อว่า แอหนังติหลาอรสา หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดมีชีวิตบั้นปลายอยู่โดยสงบ จนสิ้นชีพิตักษัย ด้วยวัย 80 ปี กว่า
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
เผยคลิป ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายบังเกอร์ทหารกัมพูชาบริเวณหน้าบ้านเรือนในพื้นที่บ้านหนองจาน หลังพบฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นฐานปฏิบัติการยิงปืน ค. ตอบโต้ฝ่ายไทย
ชายคนหนึ่งจับ "สัตว์ประหลาด" ในน้ำจืดขนาดมหึมาได้ 2 ครั้งในวันเดียว!!
เกาหลีแฉเอง! จีนเมินช่วยกัมพูชา ทัพฟ้าไทยจัดเต็มบินถล่มรังลับในเขมร
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
"ทรัมป์" หน้าแตกยับ เกาหลีหักดิบคำสั่ง! เลือกข้างกอดคอไทย ลุยถล่มเขมรเละ!
เสธ.เดือด มีแต่พื้นที่ของกูกับของมึง..เท่านั้น
สิ้นพระเกจิผู้เมตตา "หลวงพ่อเจริญ" ละสังขารอย่างสงบ
ทหารอีแตะกัมพูชา ลงคลิปยิงปืน ค. และเครื่องยิงลูกระเบิดโจมตีทหารไทยในแนวหน้า
ภรรยาของผู้นำกัมพูชา เข้าร่วมพิธีศwของบรรดาทหารที่เสียชีวิตในปะทะตามแนวชายแดนกับไทย
ทำไมหลายคนอกหักในวันเทศกาล ต้องเจ็บปวดเพราะโดนบอกเลิกในวันสำคัญ ควรรับมือยังไงถ้าต้องอกหักในวันพิเศษ
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
สิ้นพระเกจิผู้เมตตา "หลวงพ่อเจริญ" ละสังขารอย่างสงบ
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ













