10 อันดับพยาธิที่อันตรายที่สุด (ใจไม่ถึงห้ามดู)
วันนี้มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันตามเคยครับ
สำหรับครั้งนี้ก็เป็นการจัดอันดับเรื่องใกล้ตัวเลย ก็คือ
พยาธิครับ พยาธิในแต่ละอันดับจะอันตราย น่ากลัว
และน่าขยะแขยงขนาดไหนกัน ไปดูกันเล้ยยย
อันดับ 10 Taeniasis (Tapeworm)
พยาธิตัวตืด มีอยู่ 2 ชนิดที่สามารเข้าร่างกายของคนได้ คือ ตัวตืดวัว และตัวตืดหมู ลักษณะโดยทั่วไป คือ ตัวแบน คล้ายเส้นข้าวซอย มีความยาวหลายเมตร ลำตัวเป็นปล้องๆ สีขาวขุ่น ที่สยองก็อย่างที่เห็นในภาพคือมันจะหลุดปนออกมากับอุจจาระ หรืออาจจะคืบคลานออกมาจากทวารหนัก สยองหนักไปอีกคือภายในตัวมันจะมีไข่พยาธิ วัวหรือหมูกินไข่พยาธิเข้าไปแล้ว ไข่จะโตเป็นระยะตัวอ่อนเรียก เม็ดสาคู เมื่อคนกินเนื้อหมู วัวแบบดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ตัวอ่อนก็จะโตเป็นพยาธิตัวแก่ในลำไส้เล็กของคน จากนั้นก็ชอนไชไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง ตา หัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการอาการหิวบ่อย รับประทานอาหารมาก แต่ร่างกายผอมลง รู้สึกอ่อนเพลีย อาการทางประสาท นอนไม่หลับหรือเวียนศีรษะ มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ไม่สบายท้อง และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย เนื่องจากคนถูกตัวตืดแย่งอาหาร บางทีรุนแรงอาจถึงตายได้ !! O_o
อันดับ 9 Bot Fly Larva
แมลงวันตัวเบียน เป็นแมลงที่พบเห็นได้ทั่วโลก ส่วนมากจะอยู่ในแถบแอฟริกา กลางและใต้ มีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแมลงวันตัวเบียนม้า, แมลงวันตัวเบียนกวาง แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือแมลงวันตัวเบียนคนโดยแมลงวันตัวเบียนคนนี้จะวางไข่บนยุงหรือแมลงอะไรก็ตามที่บินเกาะคนอยู่บ่อยๆ เมื่อยุงดูดเลือดคน ไข่ของแมลงวันตัวเบียนจะย้ายมาอยู่บนผิวหนัง แล้วเมื่อมันเจริญเติบโตจากดักแด้และก็มาเป็นหนอนดักแด้อยู่ใต้ผิวหนัง จากนั้นมันจะกินน้ำเลี้ยงและเนื้อบางส่วนของผิวหนังของเรา วันดีคือดีมันอาจซอนไซเพื่อกินอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรา เช่น สมอง, ลูกนัยต์ตา,อัณฑะ พอถึงเวลาโตเต็มที่ก็จะดันตัวออกมา เสมือนเอเลี่ยนโผล่จากร่างกายของคนยังไงอย่างงั้น และเราขอเตือนว่าอย่าพิมพ์คำว่า Bot Fly Larva ลงใน google เพื่อหารูปเด็ดขาด เพราะไม่งั้นคุณจะเจอภาพที่สยดสยองจนคุณลืมไม่ลง (ก็มีรูปหนอนแมลงวันอยู่ในสมองเอย, รูปหนอนในผิวหนัง, หนอนในดวงตา นิดๆ หน่อยๆ) เฮืออออก !! O__o
อันดับ 8 Ascaris infection
คุณเห็นภาพนี้อาจอ้วกได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่านี้คือเรื่องจริง และมันเกิดขึ้นแล้วในรอบตัวเรา พยาธิที่เห็นคือพยาธิไส้เดือน ว่ากันว่าเป็นพยาธิที่เข้าไปอยู่ร่างกายคนถึงหนึ่งในสี่ของประชากรโลก มักเกิดขึ้นในเขตร้อน และเข้าไปสู่ร่างกายของเราจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไข่พยาธิ และเมื่อไข่เจริญเติบโตที่ลำไส้เล็ก ตัวเมียจะออกไข่ประมาณ 200,000 ฟองต่อวัน!!(คิดดูสิในท้องเราเต็มไปด้วยพวกนี้จะสยองขนาดไหน) บางส่วนอาจออกมาพร้อมอุจจาระ แต่ในขณะที่บางส่วนสยองกว่านั้นคือมันชอนไชผ่านผนังลำไส้ เข้าไปสู่ปอด และออกมายังทางเดินหายใจ ก่อนจะถูกกลืนกลับเข้าไปและเจริญเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ซึ่งมีความยาวถึง 30 เซนติเมตร เกาะติดกับผนังของลำไส้(ตัวเต็มวัยมีอายุถึง 1- 2 ปี) ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการอักเสบ ไข้ และท้องเสีย ปวดท้อง(ท้องมานโต) และมีอาการแทรกซ้อนจากการไชไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายของพยาธิตัวอ่อน เช่นเคยอย่าพิมพ์คำว่า Ascaris infection ใน google เพื่อดูรูปเด็ดขาด เราเตือนคุณแล้ว !! O__o
อันดับ 7 Onchocerciasis
หรือชื่อไทยว่า ตาบอดแถบแม่น้ำ (River blindness, onchocerciasis) เนื่องจากว่าแหล่งเพาะเชื้อนี้อยู่ที่แม่น้ำ โดยพาหะนำเชื้อคือ ริ้นดำ ที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามน้ำไหล โดยวางไข่บนผิวน้ำ หรือใต้ผิวน้ำและเมื่อเกิดมาก็เป็นตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมชนิด Onchocerca volvulus อาศัยอยู่ตามลำธารใกล้ก้อนหินและวัตถุอื่นๆ มีการเคลื่อนไหวคล้ายหนอนคืบ และเมื่อมาสู่คนโดยเข้าทางตา หนอนจะเข้าไปในตาคน ทำให้สายตาเสียและตาบอด โรคนี้ระบาดมากในชนบทของแอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ สำหรับในประเทศไทยยังไม่พบการระบาด แต่กระนั้นยังสงสัยอยู่เมื่อค้นหา google พบว่าประเทศที่เกิดโรคนี้มันมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย !!
โรคเท้าช้าง เป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค มีอาการที่เห็นได้ชัด คือ ขา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง โรคนี้มักเกิดมากในเขตร้อนเช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา โดยจะเกิดการอุดกั้นหลอดน้ำเหลือง
พยาธิกีนีเป็นพยาธิที่พบมากที่แอฟริกา อเมริกาใต้ และเอเชีย อินเดีย ปากีฯ ซาอุ เยเมน จัดเป็นพยาธิที่เก่าแก่ที่สุดตัวหนึ่งที่โลกรู้จักมาแต่โบราณ โดยพยาธิตัวร้ายนี้เวลาเป็นตัวอ่อนมันจะอาศัยอยู่ในน้ำ ถ้ามีคนกินน้ำดิบที่มีมันเข้าไป ตัวอ่อนจะไชผ่านผนังลำไส้ออกมาอยู่ที่ขา ซึ่งพยาธิตัวเมียเส้นยาว 70 ถึง 120 เซนติเมตร พอมันจะวางไข่มันจะทำให้เกิดแผลที่ ขา ข้อเท้า หรือ เท้า ซึ่งจะปวดแสบปวดร้อนมากจนมันมีอีกชื่อว่า fiery serpent ทำให้ผู้ป่วยทนไม่ได้ต้องเอาเท้าไปแช่น้ำ มันก็จะปล่อยไข่ออกมาสู่แหล่งน้ำ วิธีการรักษาที่นิยมคือผ่าเอาออก หรือเมื่อมันโผล่ออกมาจากแผลเปิดให้เอาไม้เล็กๆ พันปลายของมันแล้วค่อยๆม้วนดึงออกมาทีละนิดไม่ให้ขาด อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายวัน จนถึงหลายสัปดาห์กว่าจะดึงออกมากหมด(สยองมากๆ) ในปัจจุบันพยาธินี้หายากมากซึ่งจากการสำรวจพบผู้ป่วยเพียง 1% เท่านั้น !!
ลิชมานิเอซิสของผิวหนัง เป็นการติดเชื้อโปรโตซัว ที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการเป็นปรสิตของคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ เกิดจากริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อโรค กัดสัตว์ เช่น วัว สุนัข แมว หมู หนู กัดสู่คน เมื่อเชื้อเข้าไปในภายในเซลล์มันจะอาศัยอยู่ ทำให้เกิดโรค เริ่มจากมีตุ่มกลมแข็งขนาดเล็ก บนผิวหนัง แล้วมีขนาดใหญ่ขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแผลเปื่อยและมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย อันเป็นลักษณะทั่วๆไปของโรคนี้ รอยของโรคจะเป็นแผลเดียวหรือหลายแผลก็ได้ ในบางครั้งพบบางที่ ไม่มีร่องรอยหรือพบเพียงรอยแผลกระจายบางๆ ซึ่งรอยแผลนี้อาจจะหายไปเองได้ต้องใช้เวลานานนับหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน หรือเป็นปี หากไม่รักษาแบบถูกวิธีอาจตายได้ โรคนี้ไม่พบในประเทศไทย แต่พบชาวต่างชาติเข้ามารักษาในประเทศไทยมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ชาวปากีสถาน ชาวอินเดีย และชาวบังคลาเทศ
แมลงวันชอนไชแผลหรือแมลงวันหัวเขียวนั้นแหละ โดยทั่วไปแมลงวันธรรมดาก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่แมลงวันที่มีตาสีแดง ตัวสีน้ำเงิน-เขียวเงา ซึ่งมันจะวางไข่ที่บาดแผลของสัตว์รวมทั้งมนุษย์(โฮสท์) และสามารถวางไข่บนจมูก ปาก หูและตาของสัตว์ได้อีกด้วย หลังจากตัวหนอนฟักออกมาจากไข่ หนอนแมลงจำนวนมากจะอาศัยอยู่ในตัวสัตว์ที่มันวางไข่นั้นๆ(โฮสท์) เพื่อดูดกินเนื้อเยื่อ ของเหลว หรืออาหารที่กินเข้าไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นทุกจุดร่างกายไม่ว่าจะเป็น ผิวหนังหรือชั้นใต้ผิวหนัง(หนอนแมลงวันไต่ขึ้นบนแล้วมาดูดกินเลือด), ในทางเดินอาหาร, ในกระเพาะปัสสาวะ,ในอวัยวะสืบพันธุ์หญิง !!
โรคอัฟริกันทริปาโน(African Trypanosomiasis ) หรือโรคง่วงหลับ เป็นชื่อโรคร้ายแรงในแอฟริกา โดยสาเหตุเกิดจากติดเชื้อปรสิต Trypanosoma gambiense โดยมีพาหนะมาจากแมลง tsetseเวลากัดคนหรือสัตว์เลี้ยง ตัวปรสิตมัจจุราชนี้จะแพร่เข้าสู่ร่างกายคน และเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 8 ชั่วโมง มันจะเริ่มแบ่งตัว การแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วนี้มีผลทำให้คนที่ได้รับเชื้อมีไข้สูง ร่างกายสั่นหนาว มีอาการปวดศีรษะรุนแรงจนอาเจียน และเมื่ออาการไข้กำเริบมากคนไข้จะชัก พูดละเมอเพ้อคลั่งและกระสับกระส่าย หรือถ้าคนไข้ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที พิษไข้ก็จะระบาดถึงสมองทำให้เขาต้องหลับสนิทติดต่อกันจนเสียชีวิตในที่สุด และนี่ก็คือที่มาของชื่อโรคชนิด ปัจจุบันโรครนี้ยังคงอยู่ในแอฟริกา โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้น ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ซูดาน, แคเมอรูน, ซาเอียร์, แองโกลา, อูกันดา !!
ดูเหมือนหนังพวกเอเลี่ยนเกณฑ์ B ไม่มีผิด กับ อะมีบากินสมอง สายพันธุ์เน็กกลีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ประเภทโปรโตซัว ขนาดเล็กเพียง 7-20 ไมโครเมตร ความจริงมันไม่ได้กินสมองคน หากแต่ทำให้เกิดทางอาการสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อะมีบ้ากินสมองนั้นพบได้ตามธรรมชาติทั่วโลกตามแหล่งน้ำที่ไหลช้าๆ และในดินโคลน ในอุณหภูมิสูง 37 - 40 ํC จึงอาจพบได้ในน้ำพุร้อน สามารถเข้าสู่สมองโดยการที่มีการสำลักน้ำหรือสูดหายใจไอละอองน้ำ ที่มีเชื้อปะปนอยู่ และเมื่อเข้าสู่สมองคนมันแพร่พันธุ์แตกตัวกัดกินสมองจนผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุดโดยมีอาการเริ่มแรกคือปวดหัว มีไข้ ปวด ต่อมาคอแข็ง สับสนและซึมลง ตาพร่า แขนขาเป็นอัมพาต และส่วนใหญ่จะเสียชีวิต หากรักษาช้า และจะเสียชีวิตภายใน 10 วัน แม้อะมีบ้าชนิดนี้พบทั่วโลก แต่โรคนี้เกิดขึ้นน้อยมาก โอกาสที่เกิดน้อยมาก ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 ซะอีก และในประเทศไทยมีคนเป็นโรคนี้ 6 ราย เท่านั้น(และตายหมดทั้ง 6 ราย) !!