ไปดูมาแล้ว!! Edge of Tomorrow ยังกับเล่นคุกกี้รันภาคไซไฟ!?? [ความเห็นหลังชม ไม่สปอยส์]
No.24
จั่วหัว : หนังไซไฟที่ดูแล้วมันส์สะใจ เสมือนกำลังเล่นเกม เมื่อGame Overแล้วก็รีสตาร์ทใหม่ได้ตลอดเวลา จนน่าลุ้นว่าจะไปเจอตัวBossยังไง?
Edge of Tomorrow : นักรบอมตะสู้สุดอนาคต
คมนิด จี๊ดเลย : แม้ว่าเราจะต้องพ่ายแพ้ แต่ถ้าหากยังไม่หมด(ลมหาย)ใจ ก็จงเริ่มต้นพยายามใหม่จนกว่าจะสำเร็จ
Napat's Rating : (B) , 8 /10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่า นั้น -
จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : มีใครเคยเล่นเกมอย่าง'คุกกี้รัน'บ้างมั้ยครับ? ถ้าไม่ ก็อาจจะนึกถึงเกมคลาสลิคอย่างพวกมาริโอ้ ก็ได้
คือดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่วนเวียนไปกับเกมพวก นี้เลยจริงๆ เนื่องจากมันเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องการทำภารกิจปราบเอเลี่ยนที่กำลังบุก กลืนกินโลก ด้วยการรีเซ็ทเวลาตัวเองไปออกรบใหม่จนกว่าจะชนะ และทุกครั้งที่รีเซ็ตใหม่นั้น ตัวเอกรวมทั้งคนดูอย่างเราก็จะได้ไปพบเจออะไรที่ใหม่ๆกว่าเดิม แต่ถ้าก้าวพลาดตรงจุดไหน ไม่ว่าจะเดินหน้าไปไกลเท่าไหร่ ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นที่ด่านแรกอยู่ดี (อารมณ์แบบเจ็บใจตอนที่ตัวเล่นในคุกกี้รันตายประมาณนั้นเลย)
หนังมีการดีไซน์วิชวลทางด้านภาพที่น่าสนใจ และพูดถึงภาพรวมหนังในตัวงานของผู้กำกับดั๊ก ไลแมน รอบนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ที่สามารถประคองให้หนังมีความสนุกและชวนลุ้นไปตลอดเรื่อง โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ถือว่าทำได้ดีมากสำหรับ ฉากบู๊ หนังเข้าใจการนำประเด็นเรื่องเวลาเข้ามาเล่นและทำออกมาได้อย่างเข้าใจไม่ยาก ไม่ซับซ้อน ดูไม่งง แต่บางฉากก็อาจจะดูง่ายๆไปหน่อยบ้าง แต่ก็สามารถมองข้ามกันไปได้ด้วยความสนุกและความมันส์ที่หนังได้เร้าคนดูเป็น ระยะๆ
จุดด้อยของเรื่องนี้ ก็เป็นส่วนเดียวกับจุดที่โดดเด่น ก็คือความวนเวียนของหนังนั่นเอง บางครั้งเมื่อเราเห็นฉากนี้แล้ว และต้องมาเห็นอีกเป็นสิบๆเที่ยว บางทีเราก็รู้สึกเอียนไม่แพ้ตัวพระเอกเลยเช่นกัน ออกจะทำให้รู้สึกมึนหัวมากกว่า เลยจะรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ตัวเอกสามารถผ่านจุดที่จะนำพาเรื่องราวส่วนใหม่ๆ เข้ามาให้กับหนังได้ซะที
ส่วนการแสดงของทอม ครูซ ก็อยู่ในมาตรฐานเดิม ไม่ต่างกับบทบาทในหนังไซไฟของเฮียแกที่ผ่านๆมาๆ ไม่ได้ดีขึ้น ไม่ได้เลวลง แต่เหมือนเดิม ก็อยู่ที่คนดูว่าเริ่มจะเบื่อแกในลุคนี้หรือยัง ส่วนเอมิลี่ บลันต์รอบนี้ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างฟิตมาก กล้ามแขนเป็นมัดเลยเชียว แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์บนจอ
รวมๆแล้ว หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังแอ๊คชั่นที่ดูสนุกมันส์ใช้ได้ทีเดียว ติดที่เรื่องประเด็นเวลาประมาณนี้ เราเคยเห็นอารมณ์ประมาณนี้ในหนังแบบ Source Code มาแล้ว และอินกับเรื่องนั้นมากกว่า แต่ถ้าคิดจะดูเอามันส์ อยากจินตนาการว่าเราไปอยู่ในเกมตะลุยด่านของหนังไซไฟสเกลใหญ่เรื่องหนึ่ง การตีตั๋วไปดูเรื่องนี้ก็ถือเป็นทางเลือกที่ใช้ได้เลยทีเดียว.
ปล.บางคนอาจสงสัยว่าฝรั่งที่อยู่ข้างๆผมนั้นเป็นใคร?
เขาคือหนึ่งในทีมทำซีจีของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งมีโอกาสได้เจอกันในงาน
Thailand Comic Con 2014 ที่ผ่านมาครับ
สุดท้ายนอกเรื่องหน่อย ขอฝากคลิปข่าวและเบื้องหลังของหนังสั้นธีสิสที่มีโอกาสได้ทำกับเพื่อนๆและกำลังจะออนไลน์ในยูทูปเร็วๆนี้
ชื่อเรื่องว่า "แพรว" เป็นหนังสั้นที่สร้างโดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงกรณีที่ไฮโซหญิงนามหนึ่งขับรถชนคนเสียชีวิตครับ
ถ้าสนใจลองติดตามรายละเอียดได้ในเพจและรูปด้านล่างน่ะครับ
มีตัวอย่าง"Edge of Tomorrow"มาให้ชมครับ
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ