เลือก Antivirus อย่างไรให้โดนใจ?
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันนี้ ภัยคุกคามจากไวรัสคอมพิวเตอร์มีมากมายหลายรูปแบบจนอัพเดตแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว ทางที่ดีเราควรกันไว้ดีกว่าแก้และวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันคอมพิวเตอร์ของเราให้ปลอดภัยจากไวรัสก็คือการติดตั้ง Software Antivirus นั่นเอง แต่จะมีวิธีการเลือกอย่างไรถึงจะคุ้ม แก้ปัญหาได้ตรงจุด สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ
1. Test first
ทดลองใช้งาน ด้วยตัวเองช่วยให้เราตัดสินได้ง่ายขึ้น เพียงแค่ดาวน์โหลดโปรแกรมแอนตี้ไวรัสจากเว็ปไซต์มาทดลองใช้งานก่อนฟรี ๆ เพื่อพิสูจน์ความพึงพอใจประสิทธิภาพการใช้งานของซอฟแวร์
2. Suitability
เลือกให้เหมาะสม เป็นการเลือกซอฟแวร์ให้เหมาะกับการใช้งานของเรา เช่น หากคุณเป็นคนชอบท่องอินเตอร์เน็ต เช็คเมลและโหลดไฟล์แนบที่ติดมากับอีเมล เครื่องคุณอาจเสี่ยงที่จะติดไวรัสอย่าง Trojan ส่วนเครื่องที่ใช้กันภายในระบบองค์กรปัญหาที่พบบ่อยก็คือไวรัสจำพวก Worm ดังนั้นควรเลือกแอนตี้ไวรัสที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับการใช้งานของเรา
3. Boot time
เวลาในการบูทเข้าสู่ Windows เป็นอีกเรื่องที่ควรสังเกตในการทดลองใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัส คือ เวลาในการบูทเข้าสู่หน้า Windows ว่าใช้เวลามากน้อยเพียงใด ถ้าโปรแกรมใช้เวลานานเกินไปอาจตีความได้หลายอย่างตั้งแต่ เวอร์ชั่นของแอนตี้ไวรัสที่ใช้ไม่เหมาะกับระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ไปจนถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวโปรแกรมเอง
4. Engine
ฟังก์ชันการใช้งาน โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีฟังก์ชันการทำงานเยอะ ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป เพราะ Engine ของแต่ละโปรแกรมใช้ได้กับโปรแกรมบางโปรแกรมเท่านั้น หากใช้งานไม่ได้จะทำให้เปลืองแรมเปล่า ๆ น่ะครับ ทางที่ดีควรเลือกที่มีฟังก์ชันเหมาะกับลักษณะการใช้งานของเราดีกว่า
5. Virus type
ประเภทของไวรัส สิ่งที่ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนเลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสคือ โปรแกรมตัวนั้นใช้กำจัดไวรัสประเภทใดได้บ้าง? เพราะในปัจจุบันบางโปรแกรมอาจมีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสเป็นชนิด ๆ ไป เช่น ใช้กำจัดไวรัสจำพวก Malware โดยเฉพาะ แต่ถ้าเป็น Spyware กลับหาไม่เจอ กลายเป็นว่ารอดจากพวก Malware มาโดน Spyware แทนซะอย่างนั้น
6. Installation
การติดตั้ง เมื่อติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสลงเครื่องแล้ว ให้ตรวจดูขนาดของไฟล์ว่ามีขนาดเท่าไหร่หากมีขนาดไฟล์ใหญ่เกินไปถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเป็นการสิ้นปลืองทรัพยากรในคอมพิวเตอร์มากเกินความจำเป็น
7. Scan
สแกนซ้ำไปมา เสียเวลาเปล่า ๆ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสบางโปรแกรม เมื่อติดตั้งเสร็จจะมีการทำ full scan ในครั้งแรก ซึ่งเมื่อทำการ Full scan ไปแล้วโปรแกรมบางตัวจะมีฟังก์ชั่นให้ skip (ข้าม) การสแกนไฟล์ที่ผ่านการสแกนไปแล้วและไม่ได้ถูก Modify (คือไฟล์ที่ปลอดไวรัส)ได้ ซึ่งจะเป็นการย่นระยะเวลาในการสแกนครั้งต่อไป แถมยังประหยัดแรมไปด้วยในตัว
8. Result
การแสดงผลการสแกนนั้น เราควรสังเกตโปรแกรมที่แสดงผลการแสดงที่ละเอียดหน่อย ยิ่งละเอียดยิ่งดี เพราะจะทำให้เราได้ทราบที่มาของไวรัส เพื่อนำมาหาสาเหตุและป้องกันได้อย่างถูกจุด
9. Update
อัพเดต ควรเลือกโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีการอัพเดตอยู่บ่อย ๆ เพราะการอัพเดตจะทำให้รู้จักไวรัสใหม่ ๆ ทำให้โปรแกรมสามารถได้ป้องกันไวรัสตัวใหม่ ๆ ได้ทันที
10. Diversity
ความหลากหลาย ปัจจุบันบริษัทที่ผลิตโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหลายบริษัทได้เริ่มที่จะปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใช้บนอุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากคอมพิวเตอร์กันบ้างแล้ว ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 1 อุปกรณ์ การเลือกโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของบริษัทที่ผลิตแอนตี้ไวรัสบนอุปกรณ์ที่หลากหลายก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อย เพราะนอกจากคุณอาจจะได้โปรโมชั่นพิเศษที่มาแบบเป็นเพ็กเกจแล้ว คุณยังจะใช้งานแอนตี้ไวรัสได้ง่าย เพราะคุ้นเคยกับหน้าตาของโปรแกรมไม่ว่าจะใช้บนอุปกรณ์ตัวไหน
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้รับความรู้กันไปพอควรเกี่ยวกับวิธีการเลือกโปรแกรม Antivirus อย่างไรให้คุ้มค่า เหมาะสมกับการใช้งาน และแก้ปัญหาไวรัสได้อย่างตรงจุดนะครับ
หลังจากที่ได้รู้วิธีการเลือกเจ้าแอนตี้ไวรัสกันไปแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังมองหาแอนตี้ไวรัสดี ๆ สักตัวลองเข้าไปเลือกสรรกันได้ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.arip.co.th