สี่ราชวงศ์ค้ำจุนราชบัลลังก์กรุงศรีอยุธยา
1.ราชวงศ์ศรีอโศก
อดีตเคยครองความเป็นใหญ่อยู่ทางใต้ มีราชธานีอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราชและไชยา เชื่อว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของเขมรในสมัยเจนละ เดิมใช้ชื่อราชวงศ์ว่าราชวงศ์ไศเลนทร์ โดยถือเป็นเจนละน้ำ ส่วนเขมรเป็นเจนละบก ราชวงศ์ทั้งสองนี้มาจากอินเดีย มีฐานะเป็นพี่น้องคอยค้ำจุนกันตลอด เนื่องด้วยเมื่อแรกราชวงศ์ไศเลนทร์นี้มาจากวรรณะพราหมณ์ แต่ภายหลังได้ไปนับถือพระพุทธศาสนา จึงเปลี่ยนชื่อราชวงศ์เป็นศรีอโศกธรรมราช ตามพระนามพระเจ้าอโศกธรรมราชแห่งอินเดียที่ทรงยิ่งใหญ่ทางศาสนา
ราชวงศ์ศรีอโศกปกครองบ้านเมืองเรื่อยมา จนมาเสียเอกราชแก่สุโขทัยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ภายหลังเมื่อราชวงศ์อู่ทองแบ่งเขตแดนจากกรุงสุโขทัย เมืองนครศรีธรรมราชจึงต้องมาขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์ศรีอโศกต้องตกเป็นประเทศราชของอยุธยาเรื่อยมาจนสิ้นราชวงศ์ เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์นี้สนใจด้านพระพุทธศาสนามากกว่าที่จะมาแก่งแย่งอำนาจ
แต่เมื่อถึงรัชสมัยของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ราชวงศ์ศรีอโศกก็ปรากฏเชื้อพระวงศ์นักรบผู้หนึ่งซึ่งเป็นราชองครักษ์ของสมเด็จพระไชยราชา นั่นก็คือขุนอินทรเทพ ภายหลังขุนอินทรเทพได้ร่วมกับขุนพิเรนทรเทพและพวกลอบปลงพระชนม์ขุนวรวงศาธิราชในพ.ศ.2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงตั้งให้เป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
จะเห็นได้ว่าราชวงศ์ศรีอโศกนี้มีสัมพันธ์กับสุโขทัยและอยุธยาเรื่อยมา ทั้งด้านการค้าและศาสนา
2.ราชวงศ์อู่ทอง
หรืออดีตราชวงศ์เชียงรายเก่า เป็นราชวงศ์ผู้สร้างกรุงศรีอยุธยาในพ.ศ.1893 ภายหลังจากที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่1เสด็จสวรรคตลง ราชวงศ์อู่ทองและราชวงศ์สุพรรณภูมิก็ต้องแย่งชิงอำนาจกัน มีการผลัดแผ่นดินบ่อยครั้ง แต่สุดท้ายราชวงศ์สุพรรณภูมิก็ยึดอำนาจได้เบ็ดเสร็จในพ.ศ.1952 เชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์อู่ทองจึงต้องกลายเป็นสามัญชนไป แต่แล้วในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช ท้าวศรีสุดาจันทร์พระสนมฝ่ายราชวงศ์อู่ทอง ได้คิดจะฟื้นฟูอำนาจราชวงศ์อู่ทองอีกครั้ง จึงวางยาพิษปลงพระชนม์สมเด็จพระไชยราชา แล้วยกพันบุตรศรีเทพซึ่งเป็นบุตรเจ้าเมืองศรีเทพราชวงศ์อู่ทอง ขึ้นเป็นขุนวรวงศาธิราช กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ครองราชย์ได้เพียงไม่นานก็ถูกขุนพิเรนทรเทพและพวกสังหารทิ้งทั้งสองคน นับแต่นั้นมาราชวงศ์อู่ทองก็ค่อยๆเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ไทย
3.ราชวงศ์พระร่วง
เคยครองความเป็นใหญ่อยู่ทางเหนือ ในราชอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งต่อมาได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองพิษณุโลกสองแคว แต่ต้องมาเสียเอกราชให้แก่กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่2แห่งสุโขทัย ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาที่1แห่งกรุงศรีอยุธยา และได้ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยธยา
แต่ในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช ราชวงศ์พระร่วงก็กลับมามีอำนาจอีกครั้ง โดยขุนพิเรนทรเทพเชื้อพระวงศ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นออกญาพิษณุโลก ต่อมาออกญาพิษณุโลกผู้นี้ได้ร่วมมือกับกลุ่มขุนนางเข้าปราบปรามจราจลในกรุงศรีอยุธยา และยกพระเฑียรราชาขึ้นครองบัลลังก์ ออกญาพิษณุโลกจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเมืองพิษณุโลก มีอำนาจสิทธิ์ขาดทางหัวเมืองเหนือทั้งปวง และยังได้เป็นพระราชบุตรเขยอีกด้วย ภายหลังสมเด็จพระมหาธรรมราชาได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า"สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่1" ราชวงศ์พระร่วงจึงฟื้นคืนอำนาจอีกครั้ง
4.ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
เป็นราชวงศ์ที่ครองราชบัลลังก์กรุงศรีอยุธยาต่อจากราชวงศ์อู่ทอง มีสมเด็จพระบรมราชาที่1(ขุนหลวงพะงั่ว)เป็นปฐมราชวงศ์ ครองราชย์เรื่อยมาจนกระทั่งสิ้นอำนาจในรัชสมัยสมเด็จพระมหินทราธิราชในศึกสงครามเสียกรุงครั้งที่1 หลังจากนั้นมาก็ไม่ปรากฏเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิอีก แต่อย่างไรเสียกษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยนับแต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชลงมา ก็มีเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิด้วย เนื่องจากพระราชมารดาของสมเด็จองค์ดำองค์ขาวทั้งสองคือพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ตรากฎมณเฑียรบาลไว้ดังนี้ครับ พระมหากษัตริย์จะต้องมีพระสนมเอกจากสี่ราชวงศ์ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งตำแหน่งพระสนมเอกให้ ดังนี้
ท้าวอินทรสุเรนทร์ - สุพรรณภูมิ
ท้าวศรีสุดาจันทร์ - อู่ทอง
ท้าวอินทรเทวี - ศรีธรรมาโศกราช
ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ - พระร่วง
และหากพิจารณาถึงกำลังหลักของแต่ราชวงศ์ ก็ดังนี้ครับ
ศรีธรรมาโศกราช ครอบคลุมอาณาจักรทางใต้
สุพรรณภูมิ ครอบคลุมภาคกลางคือลุ่มน้ำเจ้าพระยา
สุโขทัย ครอบคลุมทางเหนือ
อู่ทอง ฐานะของปฐมวงศ์และละโว้
ซึ่งทำให้อยุธยามีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น เมื่อพระมหากษัตริย์มีความเข้มแข็ง และต่อกรกับสามราชวงศ์ที่เหลือได้
หากอ่อนแอราชวงศ์ที่เหลือก็จะเข้ามาแทนที่เป็นการถ่ายโอนอำนาจกันอยู่ภายในสี่ราชวงศ์จนมาถึงตอนปลาย ก็กลายเป็นราชวงศ์ขุนนางที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ ทั้งปราสาททองและบ้านพลูหลวง