หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 สุดยอด ตำนานเมืองและเรื่องลึกลับของอเมริกา

โพสท์โดย rikano

 


10 สุดยอด ตำนานเมืองและเรื่องลึกลับของอเมริกา

Urban Legends มีความหมายว่า ตำนานเมืองเรื่องเล่าที่มีอยู่ในเมืองนั้นๆ โดยเรื่องเล่านั้นอาจเป็นนิทานหรือตำนานร่วมสมัยที่ทันสมัย เป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐาน หากแต่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและถูกนำมาเล่าปากต่อปากใส่สีตีไข่ให้มันสมจริง โดยตำนานส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบของความลึกลับ สยองขวัญ น่ากลัว และตลก ส่วนมากมักเป็นคำเตือนที่แฝงด้วยคำสอนต่างๆ ตัวอย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่นมีตำนานเรื่องผีฮานาโกะในห้องน้ำโรงเรียนตอนกลางคืน หรือผีสาวปากฉีดที่ดักทำร้านเด็กหลังเลิกเรียน เป็นต้น

ตำนานเมืองมีอยู่ทั่วโลก แต่คุณเคยได้ยินตำนานเมืองของประเทศอเมริกาหรือเปล่าครับ...และต่อไปนี้เราขอเสนอตำนานเมืองที่มีชื่อเสียงของอเมริกาที่สยองน่าขนหัวลุกพร้อมกับชวนหัวในเวลาเดียวกัน 

10. The Automatic 4.0


เป็นหนึ่งในตำนานเมืองที่เป็นเรื่องเล่าของมหาวิทยาลัยเขตตั้งแต่ปี 1970 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีย์อเมริกา เรื่อง Dead Man on Campus 1998 (ภาพยนตร์ห่วยได้คะแนน 15% ของมะเขือเทศเน่า) โดยเล่ากันว่าหากในโรงเรียนหรือมหาลัยแห่งใดมีเด็กนักเรียนเพื่อนร่วมฆ่าตัวตายปัจุบันทันด่วน จะได้รับเกรดเฉลี่ย 4.0 ของภาคเรียนการศึกษาโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปลิดชีพของวิทยาลัย (ใจดีพิลึก) ตำนานนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในเวลาต่อมาเช่นเกิดฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ แต่ยึดหลักพื้นฐานของเพื่อนร่วมห้องตาย = เกรดดีทั้งหมด (หมายถึงเกรด A นะไม่ใช้ D) แน่นอนเรื่องนี้ไม่เป็นจริงแน่นอน และเชื่อว่าที่มานั้นมาจากการเล่าเล่นๆ เอาตลกของนักศึกษา 

9. Mr. Rogers Was a Navy Seal


เฟร็ด โรเจอร์ส (1928-2003) เป็นชาวอเมริกันนักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ Mister Rogers' Neighborhood รายการเด็กที่ฮิตในช่วง 1968-2001 ด้วยบุคลิกเป็นคนอ่อนโยนเสียงเบาอ่อนหนุ่มและความตรงไปตรงมาทำให้หลายคนต่างติดใจรายการของเขา และเขาพยายามเรียกร้องรัฐบาลให้สนับสนุนรายการเด็กมากกว่าจะไปทำสงครามเวียดนาม

โดยจุดเด่นของเขาก็คือการรวมเสื้อแขนยาวสีแดงแล้วไปปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์อยู่เสมอ และเนื่องด้วยช่วงที่เขาทำรายการเป็นช่วงสงครามเวียดนามพอดี จึงข่าวลือว่าเขาเป็นเครื่องจักรสงหารในสงครามเวียดนาม ที่ว่ากันว่าเขาฆ่าพวกเวียดกงเป็นจำนวนมาก สามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่า จนเขามีบาดแผลเต็มตัวจนต้องสวมเสื้อแขนยาวปกปิดบาดแผลและปกปิดรอยสักสุดโหดนี้เอาไว้

แม้ว่าอากาศจะร้องเพียงใดก็ตามซึ่งข่าวลือนี้ไม่เป็นจริงเพราะประวัติเขาเปิดเผยแล้วว่าเขาไม่เคยทำหน้าที่ทางการทหารใดๆ มาก่อนเลย หากข่าวลือก็เริ่มขึ้นอีก ในปี 1990 ว่าเขาเป็นทหารในสงครามเกาหลี 

8. Bloody Mary


บลัดดี้ แมรี่ เป็นผีหรือแม่มด เป็นตำนานพื้นบ้าน (ช่วงปี 1970) ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นพิธีที่มักทำเล่นกันในห้องน้ำที่มืดๆ โดยการเรียกเธอสามครั้ง (หรือหลายครั้ง แต่ความเชื่อปัจจุบันบอก 13 ครั้ง) และความเชื่อนี้พิธีกรรมการละเล่นหลายแบบ แต่โดยรวมๆ คือต้องเข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟและยืนกระจกในที่มืด และเรียกชื่อของเธอสามครั้ง แต่ตอนนี้จะต่างตรงที่อาจมีอะไรเสริมเข้ามา เช่น ต้องสวดมนต์ร้อยครั้ง. ต้องเที่ยงคืน, น้ำไหล, ใช้เทียนไข และแมรี่จะปรากฏในกระจกเป็นผีผู้หญิงลางๆ บางทีกระจกจะกลายเป็นสีแดง หรือมีเสียงกรีดร้อง โดยประวัติของแมรี่นั้นค่อนข้างหลากหลายบางคนบอกว่าเธอเป็นแม่มด, หญิงที่สูญเสียลูกจนต้องฆ่าตัวตาย หรือเป็นฆาตกร เป็นต้นและตำนานของเธอก็ถูกดัดแปลงมากมาย เช่น เป็นพิธีทดสอบความกล้าหากยอมแพ้แมรี่จะเอาชีวิต หรือเป็นรูปแบบพยากรณ์อย่างเช่นปอกแอปเปิลหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน ร้องเพลงในคืนพิเศษแล้วมองผ่านกระจกอย่างเร็วๆ จะเห็นหน้าของเนื้อคู่ลางๆ เป็นต้น

7.JFK and the Jelly Doughnut Speech


Ich bin ein Berliner เป็นมุขตลกของชาวอเมริกันและเยอรมัน และถูกนำไปแพร่หลายในอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ส่วนไทยเรานำประโยคนี้มาใช้สอนภาษาอย่างสนุกสนาน

มุก Ich bin ein Berliner นั้นมาจากประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนนาดี้ ที่ไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าฝูงชนใจกลางกรุงเบอร์ลินตะวันตกในช่วงสงครามเย็นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1963 เขาได้ขึ้นไปตึกที่ทำการเทสบาล และพูดประโยคสุดแสนคลาสสิกภาษาเยอรมันต่อหน้าประชาชนชาวเยอรมันที่อยู่ที่นั่นว่า

"Ich bin ein Berliner." ซึ่งแปลว่า " ผมเป็นชาวเบอร์ลิน"

เพื่อแสดงเจตจำนงในการเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียต หากแต่กระนั้นประโยคนี้มันมีอีกความหมายหนึ่ง เนื่องจากคำว่า Berliner เป็นชื่อขนมของเยอรมัน ที่มีลักษณะคล้ายโดนัท ดังนั้นชาวเยอรมันหลายคนจึงเขาใจประโยคนี้ว่า “ผมเป็นโดนัท” และจากนั้นเป็นต้องมามุกนี้ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายที่เยอรมันและสหรัฐอเมริกา (โดยการใช้คำว่าเบอร์ลินสองความหมายให้เข้าใจต่างกัน)

6. Cokelore


โค้ก หรือ โคคา โคล่า เครื่องดื่มยอดนิยมที่ผมเขียนถึงมันหลายครั้งแล้วและหลายปีที่ผ่านมาเรื่องราวของมันถูกเล่าขานเป็นตำนานความเชื่อมากมาย โดยตำนานที่มีชื่อเสียงก็เช่นหากกินขนม Pop Rocks (ขนมที่เป็นเม็ดๆ กินแล้วซ่าและเปรี้ยวในปาก) พร้อมโค้กจะทำให้กระเพาะอาหารพังได้ หรืออีกตำนานเล่าว่าโค้กจะทำให้ฟันผุเนื่องจากกรดโวดาละลายฟัน หรือว่าโค้กมีส่วนผสมของโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพย์ติดต้องห้ามซึ่งเรื่องโคเคนนี้เป็นจริงและมันได้สร้างภาพลบของโค้กต่อเนื่อง

จนกระทั้งมีการเปลี่ยนสูตรใหม่ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ในอินเตอร์เน็ตโค้กถูกนำอ้างว่าเป็นเครื่องดื่มที่สามารถทำลายกระเพาะและอวัยวะภายในของคุณได้ โดยใจความบอกว่าถ้าคุณวาง T-bon สเต็กในชาม มันจะละลายเมื่อเวลาผ่านไป 2 วัน เพราะโค้กมีค่าความเป็นกรดด่างถึง pHอยู่ 2.8 มันมีความเป็นกรดอยู่สูง
มากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน (เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ pH ของโค้กมีค่า 2.5 ซึ่งใกล้เคียงกับมะนาว หรือ เลมอน มีค่า pH2.4 หรือ ส้ม มีค่า pH3.5)

5. The Good Samaritan

 
ชาวสะมาริตันผู้ใจดี เป็นเรื่องราวที่ปรากฏในไบเบิ้ลที่เล่าถึงชายที่มีน้ำใจรักษาคนบาดเจ็บจากคนปล้นระหว่างทาง และคำนี้ก็ได้กลายเป็นตำนานของชาวอเมริกันที่เล่าถึงคนรวยปลอมตัวเป็นคนจนหรือแกล้งทำเป็นเดือดร้อนรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือและตอบแทนแก่ผู้ช่วยเหลือเหล่านั้นด้วยรางวัลที่มีค่าอย่างมหาศาล

โดยส่วนมากตำนานจะเอาคนดังที่ปลอมตัวเป็นคนจน เช่น บิลล์ เกตส์ หรือ แนท คิง โคล (นักเปียโน, นักแต่งเพลงและนักร้องเพลงแจ๊ซชาวอเมริกัน) โดยพวกเขาจะทำเป็นรถเสียและรอให้คนมาเปลี่ยนยางให้ หากมีคนมาช่วยพวกเขาจะขอที่อยู่ของเพื่อส่งรางวัลไปให้ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พัสดุว่าเขาได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์ พร้อมกับลงนามผู้ส่งเป็นชื่อบุคคลดัง อีกตำนานอาจมีการดัดแปลงเช่นผู้ขอความช่วยเหลืออาจเป็นกษัตริย์หรือเจ้าหญิงประเทศใดประเทศหนึ่งปลอมตัวมาเพื่อขอความเชื่อเหลือ และคำว่าชาวสะมาริตันผู้ใจดีนี้เป็นคำที่โดนใจคนอเมริกันที่สุด เป็นคำที่สื่อมวลชนชอบใช้ ค่าที่มันจับจิสร้างจินตนาการให้ผู้อ่านผู้ฟังมากที่สุดคำหนึ่ง และมักถูกใช้เป็นชื่อของสมาคม คลินิก บ้านพักผู้ยากไร้ในที่ต่าง ๆ 

4. Walt Disney Is Cryogenically Frozen

 
เคยดูภาพยนตร์ซีรีย์เรื่องหนึ่งใน CN ไหมครับ ที่เด็กชายคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจนต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนสมอง โดยสมองที่มาเปลี่ยนนั้นเป็นสมองเจ้าของสวนสนุกที่นำถูกนำมาแช่เย็นเก็บรักษาเอาไว้ และเมื่อทำการเปลี่ยน เขาก็พบว่าเขาสามารถเห็นตัวการ์ตูนในจินตนาการที่มีแต่เขาที่มองเห็นได้(จำชื่อเรื่องไม่ได้ครับใครก็ได้ช่วยบอกที)

เรื่องนี้มาจากเรื่องเล่าในตำนานของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้กำเนิดมิกกี้เมาส์และพรรคพวก โดยมีเรื่องเล่าของเขาว่าเป็นหลังเขาตาย ได้มีคนนำศพของเขา(หรือสมองของเขา)แช่แข็งไว้ด้วยเทคโนโลยี Cryonics ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถนำเขากลับมามีชีวิตได้

โดยที่มาของตำนานนี้มาจากวันที่เขาตายเมื่อปี 1966 ไม่มีงานศพ (มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเขาร้องขอไม่ให้มีงานศพ) ไม่เปิดเผยสาเหตุการตาย (มีการเปิดเผยความจริงในเวลาต่อมาว่าเขาตายด้วยโรคมะเร็งปอด) อีกทั้งด้วยความมีชื่อเสียงและนักประดิษฐ์เขาชอบเรื่องไซไฟ นำไปสู่การสร้างตำนานอันยาวนานนี้


3. The Sewer Alligator


จระเข้ในท่อระบายน้ำ เป็นเรื่องเล่าที่โด่งดังในปี 1920 และ 1930 โดยเป็นเรื่องของจระเข้ที่อาศัยในท่อระบายน้ำแห่งมหานครนิวยอร์ก โดยเรื่องเล่านี้เล่าสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย และไม่ปรากฏแห่งที่มา

โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครอบครัวหนึ่งรวยมากกลับมาจากการพักร้อนในฟลอริดา และไม่สนใจกฎหมายในนิวยอร์ก พวกเขาได้ซื้อสัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญให้เด็ก โดยเป็นจระเข้ และเลี้ยงมันในห้องน้ำ ปรากฏว่ามันโตขึ้นดุร้ายขึ้น จนพวกเขาเลี้ยงไม่ไหวและเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับคนในครอบครัว พวกเขาเลยทิ้งมันในท่อระบายน้ำอุจจาระ โยนทิ้งที่ท่อคอห่าน

แต่ปรากฏว่ามันไม่ตายและรอดชีวิตจากการกินหนูและขยะ มันเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างน่ากลัว และวันดีคืนดีมันจะโผล่หัวออกมาจากท่อระบายน้ำอุจจาระเข้ามางับหรือทำอันตรายต่อผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา (นอกจากนี้มันยังมีเรื่องเล่าเสริมอีกว่ามันเป็นจระเข้เผือกเพราะว่ามันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สัมผัสแสงแดดและสูญเสียการมองเห็น และบางที่ก็เล่าว่าเป้นจระเข้ที่หลุดออกจากสวนสัตว์)

ในปี 1930 มีหนังสือพิมพ์ออกมาเขียนว่าพบจระเข้ในรอบนิวยอร์กและมีบางคนอ้างว่าเห็นตำรวจเดินลงเข้าไปท่อระบายน้ำพร้อมอาวุธล่าสัตว์ แม้เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่กระนั้นท่อระบายน้ำในมหานครนิวยอร์กถือได้ว่าเป็นสถานทีน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากลงไปอยู่ดี 

2. The Vanishing Hitchhiker

 
เป็นหนึ่งในตำนานที่เก่าแก่ที่และฮิตที่สุดในช่วงปี 1981 ไม่เพียงแต่อเมริกาเท่านั้น ยังเป็นหลายประเทศทั่วโลกด้วย อาจจะแตกต่างไปบ้างในบางพื้นที่ แต่ส่วนหลักๆ เหมือนกันเกี่ยวกับผีผู้หญิงที่ชอบโบกรถ

โดยเล่ากันว่าหากคืนมีคนกำลังขับรถในถนนที่ร้างผู้คน จู่ๆ เขาจะเห็นผู้หญิงสาววัยรุ่น กำลังโบกรถอยู่ข้างทางตามลำพัง เขาจึงแวะรับเธอขึ้นรถมาด้วย และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงสาวต้องการ เมื่อเขาหันไปเพื่อบอกลาเธอ เธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับจากเบาะหลัง ด้วยความสับสน เขาเลยกดออดที่หน้าบ้านของเธอ

เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ก็พบว่าหญิงสาวที่ว่านั้นได้รับอุบัติเหตุรถยนต์ตายก่อนหน้าแล้วที่จุดที่เขารอรับเธอในขณะที่เธอพยายามกลับบ้าน และหญิงสาวที่เขาเจอก็คือผีนั่นเอง และเรื่องเล่านี้อาจมีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปบ้าง เช่น กลางคืนที่ว่าอาจฝนตก และตัวหญิงสาวอาจตัวเปียกปอน เขาจึงให้เธอยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้กับเธอและเมื่อถึงบ้านที่หมาย (บางที่ก็เป็นสุสาน) เธอกลับหายไปพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตของเขา ด้วยความข้องใจ ชายคนนั้นจึงลงจากรถไปเคาะประตูบ้านหลังนั้น ก็พบว่าเธอได้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว และเมื่อวันรุ่นขึ้นเขาไปหลุมฝังศพ
ของเธอก็พบเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาวางพับประณีต เรียบร้อยอยู่หน้าหลุมฝังศพของเธอ 1. The Kidney Heist


เป็นตำนานที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ โดยสมมุติว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1997 มีอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่น่ากลัวออกอาละวาดในเมือง โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวหรือนักเดินทางที่กำลังผ่อนคลายโดยไปที่ร้านหรือบาร์เพื่อดื่มกินเครื่องดื่ม และระหว่างดื่มกินจะมีคนแปลกหน้ามาพูดคุยทำความสนิทสนมและคนแปลกหน้าจะเอาเครื่องดื่มให้เหยื่อคนนั้นดื่ม หลังจากนั้นเหยื่อคนนั้นจะเกิดอาการมึนงง และง่วงนอน จนหมดสติไป

ก่อนที่จะตื่นขึ้นในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่ห้องพักโรงแรมหรือบ้านร่างแห่งหนึ่ง และมีโทรศัพท์อยู่ถัดไป และเมื่อเหยื่อโทร 911 แพทย์ก็มาถึงก็พบว่าที่ร่างกายของเหยื่อมีรอยผ่าตัดและตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าไตถูกขโมยไป และไตที่ว่านั้นได้ถูกนำไปขายในตลาดขายอวัยวะมืดในราคาแพงลิบลิ่ว

และนี้คือตำนานเมืองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจนถึงขั้นมีการร้องเรียนต่อมูลนิธิไตแห่งชาติว่าควรตรวจสอบไตว่าไตไหนเป็นไตที่ถูกขโมยมา และเรื่องขโมยไตนี้ก็โด่งดังในประเทศไทยด้วย โดยเนื้อหาเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำการผ่าตัด และผู้ป่วยก็พบว่าไตหาย เป็นต้น 


⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
rikano's profile


โพสท์โดย: rikano
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ตุงๆ! ลูกเรือสุดฮอตสายการบินอินโดนีเซีย! (คลิป)สะพานที่น่าทึ่งใกล้เมืองฮัลสเตอเรน ประเทศเนเธอร์แลนด์ผู้พิพากษาตัดสินยกฟ้อง 2 นักเคลื่อนไหว หลังจากที่พวกเขาใช้กาวติดตัวเองกับภาพวาดของ Turnerแห่ส่งกำลังใจให้ปุ้ย พิมลวรรณ ป่วยไวรัสงูสวัด ลิ้นแข็งพูดไม่ได้-อาการเหมือนถูกไฟช็อตจะขับยากอะไรขนาดนั้น อุโมงค์ตาเข็ม (Needles Eye Tunnel) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจ้าปูตินกำลังจะทำให้รัสเซียล่มสลายแบบโซเวียต?ความสวยงามที่มาพร้อมความผิดปกติอาหาร 6 อย่างที่ไม่มีรสเค็ม แต่มีโซเดียมสูงมากพี่สาวเมาป่วนงานแต่ง พ่อแม่ยังมาขอให้จ่ายค่าบำบัดให้เธออีก5 วิธี ปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเศร้าunless: เว้นแต่ เว้นเสียแต่ว่าคำว่า'เริ่ดสะแมนแตน'มาจากไหน?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
การกินเจกับหอยนางรม : คำถามที่หลายคนสงสัย...ความสวยงามที่มาพร้อมความผิดปกติบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ช่วยช้าง!สมทบอาหารได้ที่ตลาดไท!
ตั้งกระทู้ใหม่