มัมมี่น้ำแข็งเด็กอินคา...ชีวิตที่ต้องเสียสละบูชายัญ
ในปี 1999(2542) มีการค้นพบศพเด็กชาว Inca อิงก้า อายุกว่า 500 ปี เป็นหนึ่งในตัวอย่างศพที่เก็บรักษาไว้ได้อย่างดีที่สุดเที่เคยค้นพบเพราะสภาพอากาศหนาวเย็นบริเวณหลุมฝังศพ ศพทั้งสามอยู่ในสภาพตายซากฝังอยู่ในหลุมศพฝังอยู่ที่ยอดเขาสูงตะหง่านที่ความสูง 22,100 ฟุต(6,700 เมตร) ของภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ Vocal Llullaillaco โหว่กั่น ยู้ยาอี้ย่าโก่ เทือกเขา Andes อ้านเด่ ใกล้กับชายแดนอาร์เจนตินกับชิลี เป็นส่วนหนึ่งของพิธีศักดิ์สิทธิ์ capacocha rito กาป่าโช่กา ริโต้ โดยมีการเตรียมการเป็นอย่างดี
ก่อนชั่วโมงสุดท้ายของความตายที่มาถึงพิธีกรรมนี้เกิดขึ้นช่วงกลางจักรวรรดิ Inca ตามที่ได้บันทึกเหตุการณ์/ประวัติศาสตร์ จากคำบอกเล่าของเชลยชาว Inca โดยชาวสเปน หลังได้รับชัยชนะครอบครองอาณาจักร Inca
แต่ข้อมูลที่ให้รายละเอียดเรื่องราวที่ผ่านมาที่รวบรวมมาจากสิ่งทอ เครื่องประดับ และข้าวของที่พบอยู่ในหลุมศพ ทำให้สามารถปะติดปะต่อเรื่องราว/เหตุการณ์ได้จากผลตรวจตัวอย่างเส้นผมคนตายทั้งสามคน พบว่าเด็กเหล่านี้มีการดื่มกิน Chicha ชิชา(เหล้าข้าวโพดและผลไม้อื่น) และใบ Coca โก้ก่า/โคคา (ใบพืชที่มีปริมาณโคเคนสูง)จำนวนมากเป็นเวลากว่าหนึ่งปี เพื่อมอมเมาเหยื่อให้มึนงงและสับสน จำต้องยอมรับชะตากรรมอย่างไร้ความรู้สึก พร้อมทั้งเสียสละชีวิตเพื่อบูชายัญที่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมศาสนา Inca เด็กสาววัย 13 ขวบ หรือที่เรียกว่า สาวน้ำแข็ง/สาวน้อย(รูป A) เด็กชาย Llullaillaco (รูป B) และเด็กหญิงสายฟ้า ( รูป C ) (มีรอยฟ้าผ่าที่ศพตามการตั้งชื่อของนักวิจัย) มีอายุระหว่าง 4 และ 5 ขวบ (ก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า เด็กทั้งสามคนมีอายุมากกว่าประมาณการไว้สองปี แต่ผลการวิเคราะห์จาก CT Scan ระบุผลชัดเจนตามนี้)
ผลการศึกษาครั้งใหม่พบว่า เด็ก ๆ ต่างถูกขุนให้อ้วนขึ้นก่อนที่จะเสียชีวิตในพิธีบูชายัญ นักวิจัยได้ค้นพบเรื่องราวที่น่าตกใจและน่าเศร้าเรื่องนี้จากการเก็บตัวอย่างเส้นผม Andrew Wilson เอ็นดริว วิลซั่น นักโบราณคดีมหาวิทยาลัย Bradford แบร็ดเฟริต สหราชอาณาจักร " เรื่องของมัมมี่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่ในความคิดของผมเธอจะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดีสำหรับการเป็นมัมมี่ ตามที่ผมได้ศึกษา เพราะเธอดูราวกับว่าเพิ่งจะหลับไป ผมคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอากาศที่เย็นจัด มัมมี่ที่นี่ไม่ใช่มัมมี่ถูกผึ่งให้แห้ง หรือเป็นเพียงแค่โครงกระดูก แต่เป็นคน เป็นเด็ก และข้อมูลที่เราได้รวบรวมสร้างขึ้นมาผลการศึกษาจากเส้นผม ความจริงได้ชี้ชัดไปว่ามีเรื่องราวที่ทำให้พวกเราต้องสะเทือนใจ ก่อนถึงวาระสุดท้ายของเธอในช่วงหลายเดือนและหลายปีที่ผ่านมา "
การวิจัยจากเส้นผม
เพราะเส้นผมงอกขึ้นเดือนละประมาณหนึ่งเซนติเมตร และยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น เส้นผมงอกขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่ ทำให้สามารถกำหนดระยะเวลา และชนิดของอาหารที่คนเรากินได้(ความยาวของระยะเวลาขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม)
" สาวน้อยมีผมยาวที่ถักทอ ความยาวของเส้นผมบอกระยะเวลา และบันทึกอาหารการกินที่เธอกินดื่ม เช่น ใบโคคา และเหล้า Chicha เหล้าหมักที่ทำจากข้าวโพดหรือผลไม้อื่น ๆ มีสัญลักษณ์ที่แสดงว่าพวกเธอถูกคัดเลือกเพื่อการเสียสละ โดยใช้เวลาเป็นปีก่อนที่ความตายจะมาเยือนเธออย่างแท้จริง ในช่วงเวลานี้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตา เช่นเดียวกับการกินดื่มอย่างไม่อั้นทั้งใบโคคากับเหล้า Chicha ปกติแล้วของเหล่านี้จะถูกสงวนไว้ให้กลุ่มชนชั้นสูง ไม่ได้ใช้กันได้อย่างพร่ำเพรื่อในชีวิตประจำวัน "
" พวกเราคาดว่า สาวน้อยเป็นหนึ่งใน aellas อ่าเอ้ย่า สาวน้อยวัยรุ่นที่ได้รับคัดเลือกแล้ว เธอจะถูกแยกตัวให้ออกห่างจากชุมชน/สังคมดั้งเดิมของเธอภายใต้การควบคุมดูแลของพวกหมอผี ข้อสังเกตเรื่องพิธีกรรมนี้ มีการจดบันทึกจากคำบอกเล่าของชาว incaอยู่ในส่วนหนึ่งจดหมายเหตุบันทึกของชาวสเปน "
" ผลการตรวจสอบตัวอย่างเส้นผมจากเด็กที่โชคร้ายเหล่านี้ เรื่องราวที่น่าหดหู่และเย็นยะเยือกก็เริ่มคลี่คลายจากการที่เด็กถูกขุนให้อ้วนขึ้นสำหรับการเสียสละ "
การวิเคราะห์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มนักวิจัยของ Wilson ด้วยพื้นฐานของการวัดไอโซโทปทางกัมมันตรังสี จากตัวอย่างธรรมชาติของเส้นผมและ(ตัวอย่าง DNA อีกทีมหนึ่ง) นักโบราณคดีพบว่าก่อนหน้านี้เด็กได้รับการเลี้ยงดูตามปกติ ด้วยอาหารประเภทผักทั่วไป เช่น มันฝรั่งบ่งบอกว่าพวกเขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวบ้าน/ชาวนา หนึ่งปีก่อนจะเข้าพิธีบวงสรวง มีการปรับปรุงอาหารเตรียมความพร้อมของเด็กที่จะเข้าพิธีโดยให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
" ไอโซโทปและ DNA ที่ใช้ในการพิสูจน์ศพ ได้เปิดเผยนัยสำคัญพิธีกรรมก่อนบูชายัญว่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าแปลกใจกับอาหารของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าอาหารของเด็กที่ถูกคัดเลือกอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารชั้นดีเหมือนชนชั้นสูง เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ (เนื้อลาม่าแห้ง) ข้าวโพด ใบโคคา เหล้า Chica พร้อมกับสัญลักษณ์ในการไว้ผมของพวกเขา ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกจัดฉากขึ้นมา พร้อม ๆ กับการยกระดับชนชั้นและสถานะของเด็ก เริ่มมีการนับเวลาถอยหลังชีวิตของพวกเด็ก ๆที่จำต้องเสียสละเพื่อการบูชายัญทุกคนจะมีอัตราการบริโภคใบโคคาและเหล้าสูงมาก
ในช่วงก่อนสองสามสัปดาห์ก่อนที่จะพาไปบูชายัญ "
]
หลักฐานที่รวบรวมมาพร้อมกับหลักฐานอื่น ๆ ทางด้านโบราณคดีและรังสีวิทยา ให้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า สาวน้อย ที่มีอายุมากกว่าและมีชื่อเสียงมากกว่าเด็กหญิงเด็กชาย ได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากเด็กชาย Llullaillaco กับเด็กหญิงสายฟ้า หลังจากที่ถูกเลือกสำหรับพิธีกรรมบูชายัญของจักรวรรดิ์ Inca สาวน้อยได้เปลี่ยนสถานะภาพเป็นบุคคลสำคัญ ส่วนเด็กชายกับเด็กหญิง อาจจะทำหน้าที่เป็นบริวาร/คนรับใช้เธอที่ปรโลก
" สาวน้อย กลายเป็นคนอื่นมากกว่าที่เคยเป็นมาการเสียสละของเธอถูกมองว่าเป็นเกียรติยศ " วิธีการเสียชีวิตของพวกเด็กยังคงเป็นปริศนาแต่ Wilson และทีมงานสันนิษฐานว่า บรรดาเด็ก ๆ ต่างเดินทางออกจากเมืองหลวงของ Inca เมืองหลวง Cuzco กู้โกะ ไปที่ภูเขาไฟ Llullaillaco ตามเส้นทางจะแวะพักแต่ละหมู่บ้าน จะมีการดื่มกินเหล้า Chicha และใบโคคาจำนวนมากใข้เวลาเดินทางมาถึงบริเวณภูเขาประมาณสามถึงสี่เดือนในช่วงเวลานี้นักวิจัยพบโมเลกุลเหล้า Chicha ใบโคคา จากตัวอย่างเส้นผมของเด็กทั้งสามคนในอัตราที่สูงมาก
มัมมี่สาวน้ำแข็ง/สาวน้อยสภาพศพที่ถูกค้นพบ อยู่ในท่านั่งไขว่ห้างและเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังนั่งหลับอยู่ในช่วงเวลาที่ความตายมาเยือนยังพบว่ามีใบโคคาปึกใหญ่ที่ยังเคี้ยวคาอยู่ในปากและฟันของเธอ บ่งบอกว่าให้เธอผ่อนคลายก่อนที่จะเสียชีวิต ยังมีผ้าโพกศีรษะบนศีรษะของเธอ ผมถักเปียอย่างประณีต มีข้าวของวางอยู่บนผ้าทอที่ได้รับการพาดบนหัวเข่าของเธอ
ต้น Coca ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Colcoca01.jpg
ผล CT Scan ศพสาวน้อย รายงานผลว่า
“ เธอเสียชีวิตขณะที่ท้องยังอิ่มและยังไม่ได้ถ่ายของเสียออกมา
ในความคิดของผม ผมคิดว่า
เธอไม่ได้อยู่ในอาการที่ทุกข์โศก ขณะที่เธอจะเสียชีวิต
ยังไม่ชัดเจนว่าสาวน้อยตายอย่างไร
แต่เธออาจจะยอมจำนนต่อสภาพแวดล้อมอากาศที่เย็นจัด
เธออาจจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของเธอ
ในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่นานหลังจากเธอตาย “
Wilson ให้สัมภาษณ์กับ LiveScience