กรีซ ประเทศฉิบหาย..ช่างมัน ขอให้ข้า..ชนะก่อน
การเมืองกับระบบเศรษฐกิจของกรีซ……………..เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก
ประเทศกรีซ มีพรรคใหญ่ที่ยึดครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ 2 พรรคคือ
พรรค PASOK และ พรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเราจะเรียกว่า พรรค ND
ทั้งสองพรรคต่างใช้นโยบาย "ประชานิยมอย่างเต็มพิกัด"
เพื่อเอาชนะในการเลือกตั้งตลอดมา...
ปี 2539 – 2546…
พรรค PASOK โดยนายสมิทิส ก่อนการเลือกตั้ง…
สัญญาว่า….กรีซจะได้เป็นสมาชิกสหภาพการเงินยุโรป
เงินเฟ้อจะลด ………………….. ดอกเบี้ยจะถูก
สัญญาว่า…………… นักลงทุนจะไหลเข้ามา
ทุกคนจะมีงานทำ ……………… ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม
และแล้ว… นายสมิทิสก็ชนะเลือกตั้ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรี..สมใจ
รัฐบาลสมิทิส ลดอัตราเงินเฟ้อจาก 15 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์
อัตราค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นปีละ 3 เปอร์เซ็นต์
และผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศเพิ่มขึ้น (GDP) สูงถึง 4 เปอร์เซ็นต์
เข้าตามเกณฑ์ของสหภาพการเงินยุโรป (กลุ่มประเทศยูโรโซน)…เป๊ะ …ทุกประการ
กรีซจึงได้เข้าเป็นสมาชิกในปี 2544 และได้ใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลหลักของประเทศ
หลังจาก……เป็นสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนได้แล้ว
นักลงทุนก็สามารถกู้เงินสกุลยูโรจากอัตราดอกเบี้ย 10.75 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
มีการลดภาษีและ ……….ยกเว้นภาษีทั้งหมดสำหรับการซื้อรถยนต์คันใหม่่
และไม่มีการขึ้นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และสาธารณูปโภคอื่นๆ
แต่… ภายหลังพบว่า รัฐบาลนายสมิทิสได้บิดเบือนตัวเลขงบประมาณของกรีซ
จริงๆแล้วขาดดุลถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์ของ GDP แต่โกหกว่าขาดดุลแค่ 3 เปอร์เซ็นต์
เพื่อที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกของ สหภาพการเงินยุโรป
เพียงเพราะว่า ต้องการดอกเบี้ยถูก …………………เงินทุนไหลเข้า…
ทำให้ทุกคน ……………………มีงานทำ
และ รัฐบาลและประชาชน ……………………ได้กู้เงินกันอย่างมือเติบ
ปี 2547 – 2552 พรรค ND
โดยนายคารามันลิส ก่อนการเลือกตั้ง…
สัญญาว่า…กรีซจะได้จัดกีฬาโอลิมปิค อย่างแน่นอน
สัญญาว่า…กรีซจะได้ใช้ “อินเทอร์เน็ตแห่งชาติ” อินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ดีที่สุดในยุโรป
สัญญาว่า…ทุกคนจะมีงานทำ…ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม
เมื่อนายคารามันลิสชนะการเลือกตั้งและได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ในปีนี้เองที่ประเทศกรีซ ………………………….ได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิค
ซึ่งพบว่าอาคารที่พักนักกีฬา สนามกีฬา ระบบถนนและสนามบินยังไม่เสร็จสมบูรณ์
รัฐบาลของนายคารามันลิส จึงทุ่มงบประมาณจำนวนมากเข้าไปแก้ไข
และสำเร็จทันพิธีเปิดไปอย่างเฉียดฉิว
หลังการแข่งขันพบว่า ค่าใช้จ่ายรวมที่ใช้ในการจัดอยู่ที่ 7 พันล้านยูโร
ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของงบประมาณที่ตั้งไว้
ทำให้ในปีนั้นกรีซขาดดุลงบประมาณสูงถึง 5.3 เปอร์เซ็นต์
และก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจากเดิม 382 ล้านยูโร
แต่ประชาชนมีความสุขเพราะ มีงานทำ…และได้ค่าจ้างสูง…ตรงกับที่สัญญาไว้
ช่วงปลายของรัฐบาลนายคารามันลิสได้มีการออกนโยบายอย่างมากมาย
เพื่อแก้ไขปัญหา……………………การขาดดุลงบประมาณอย่างมโหฬารของรัฐบาล
รัฐบาลประกาศ …………….ไม่ขึ้นเงินเดือน และไม่มีการรับข้าราชการเพิ่ม
ส่งผลให้ประชาชนของกรีซที่ ………………เสพติดกับการขึ้นค่าจ้างแรงงานต่อต้าน
และท้ายที่สุด …………………………..รัฐบาลนายคารามันลิสก็แพ้การเลือกตั้ง
ปี 2552 พรรค PASOK
โดยนายจอร์จ ปาปันเดรอู ก่อนการเลือกตั้ง…
สัญญาว่า ………………จะมีการขึ้นค่าแรงต่อไป ………………….และจะไม่มีการลดค่าแรง
สัญญาว่า …………………580 อาชีพ จะเกษียณก่อนวัยที่อายุ 50 ปี
และแล้ว……………………นายปาปันเดรอู ก็ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นโยบาย “เกษียณก่อนวัย” ……………..ทำได้จริง
ประชาชนกรีซที่มีอาชีพจำนวนกว่า 580 อาชีพ
เกษียณได้เมื่อ …………………ผู้หญิงอายุได้ 50 ปีและ ……………….ผู้ชายอายุได้ 55 ปี
ซึ่งกรีซจะต้องจ่ายเงินบำนาญสูงถึง 7 แสนคน หรือ 14 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด
โดยกรีซมีตัวเลขเฉลี่ยของอายุเกษียณอยู่ที่ 61 ปี
ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขเฉลี่ยของคนเกษียณอายุ …………..ที่ต่ำที่สุดในกลุ่มยูโรโซน
แต่ในที่สุด… กรีซก็ไม่สามารถหนีพ้น…ความเป็นจริงไปได้
ต้นปี 2553 รัฐบาลนายปาปันเดรอู เริ่มพบว่า.....
รัฐบาลของตนไม่สามารถหาเงินมาจ่ายพันธบัตร ที่ครบอายุได้
ดังนั้นกรีซจึงขอความช่วยเหลือจาก ……………..สหภาพยุโรป และ IMF
หลังจากเจรจา… กรีซได้เงินกู้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ………………. 110,000 ล้านยูโร
โดยแลกกับมาตรการ ………………………………….การรัดเข็มขัดอย่างเข้มข้น
เช่น การไม่ขึ้นเงินเดือนทั้งภาครัฐ เอกชน
การงดจ่ายเงินโบนัสเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน
การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 21 เปอร์เซ็นต์ไปเป็น 23 เปอร์เซ็นต์
และการเพิ่มภาษีสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
หลังการประกาศมาตรการ… ประชาชนกรีซแสดงการโต้ตอบทันควัน
คนนับหมื่นนับแสน ……………......ในกรุงเอเธนส์หยุดงานและออกมาประท้วงต่อมาตรการดังกล่าว
ทั้งเมืองเอเธนส์เป็น ……………….อัมพาตหลายต่อหลายครั้ง
วิบากกรรมของกรีซ ………………..เพิ่งจะเริ่มต้น
ปัญหาการเป็น ……………………….หนี้สินล้นพ้นตัวของกรีซยังคงต้องดำเนินต่อไป
แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ
ประชาชนชาวกรีซ …….......... เสพติดกับการได้ค่าแรงงานสูงเกินความเป็นจริง
………………………………… เสพติดกับการได้สวัสดิการที่ดีๆจากรัฐ
………………………………….. เสพติดกับการกู้ยืมเงินง่ายๆ แม้ว่าจะไม่มีปัญญาจะใช้คืน
………………………………….. และเสพติดกับความมักง่ายที่เกิดจากนโยบายประชานิยม
ที่แต่ละพรรคแข่งกัน ………………………………………หยิบยื่นให้มากว่า 30 ปี
จากนี้ไป…………………พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
…………………………..จะหากินอย่างไร
…………………………..และจะอยู่กับอนาคตของตัวเองต่อไปอย่างไร
…………………………..ไม่มีใครรู้ ??
แต่ที่ แน่ๆ คือ …… ใครจะรู้บ้างว่า
กรีซอาจเป็นตัวอย่างให้ ประชาชนชาติอื่นทั่วโลก อยากได้ประชานิยมเหมือน ประชาชนของกรีซเองในเวลาอันใกล้นี้...
และจะเดินไปสู่จุดจบแบบเดียวกัน ??