สุราไทยเกิดขึ้นเมื่อใด ใครริเริ่ม
การดื่มเหล้าเป็นมรดกตกทอดกันมาไม่มีสิ้นสุด เพราะคนไทยรู้จักกินเหล้ามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ราว 2,500 ปีมาแล้ว ดูได้จากขณะนั้นที่อินเดียได้รู้จักทำเหล้ากินกัน พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติห้ามไว้ในศีลข้อ 5 จนเมื่อพุทธศาสนาแพร่เข้ามาในเมืองไทย คนไทยเลยรู้จักกันดีว่าเหล้าเป็นอย่างไร ซึ่งเหล้าก็คือ น้ำชนิดหนึ่ง ต่างสี ต่างกลิ่น แล้วแต่ยี่ห้อ
คนไทยมีการทำเหล้ากินเองโดยเสรีจะผลิตขายก็ทำได้ไม่มีใครห้าม เหล้าที่ผลิตนั้นเป็นเหล้าขาวและเรียกว่า "เหล้า” ตามความเข้าใจของคนทั่วไป ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีถึงมีคนจีนที่อาศัยอยู่ในสยาม คิดอ่านทำเป็นอุตสาหกรรมโดยตั้งโรงกลั่นขึ้นที่ตำบลบางยี่ขัน จึงได้เรียกกันว่า ”เหล้าโรง” โรงเหล้าบางยี่ขันแต่เดิมขึ้นอยู่กับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 ได้มีการจัดตั้งกระทรวงอุตสาหกรรมขึ้น โรงเหล้าบางยี่ขันจึงถูกโอนไปสังกัดกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ในสมัยรัชกาลที่ 7 การจำหน่ายเหล้าที่ผลิตในประเทศหรือเหล้าโรง ส่วนมากจะใช้วิธีเร่ขายตามลำคลอง เนื่องจากสมัยก่อนประชาชนนิยมปลูกบ้านอยู่ริมน้ำหรืออยู่เรือนแพเป็นส่วนใหญ่ ผู้ที่ขายมักเป็นชาวจีน โดยนำเหล้าบรรจุในไหที่มีฝาทำด้วยไม้ห่อผ้าแดงปิดอยู่นำลงเรือออกพายขายเป็นประจำ ส่วนทางบกก็จะขายตามตลาดและร้านขายเหล้า และมีการติดธงแดงเป็นสัญลักษณ์ คนไทยผลิตเหล้ากินเองได้ตามชอบใจ และจำหน่ายโดยเสรีมาเรื่อยจนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้มีการจัดเก็บภาษีการผลิตเหล้า เหล้าที่ไม่ได้เสียภาษีก็เลยถูกเรียกว่า “เหล้าเถื่อน”
ในสมัยรัชกาลที่ 4 แม้จะมีการเก็บภาษีเหล้า ใครจะต้มเหล้าโดยไม่ขออนุญาตไม่ได้แล้วก็ตาม แต่เหล้าเถื่อนยังคงแพร่หลายอยู่ และพิสูจน์กันยากเหลือเกินว่าใครกินเหล้าเถื่อน ยิ่งในงานวันนักขัตฤกษ์ เช่น วันสงกรานต์ ด้วยเหตุนี้เองพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงประกาศห้ามดื่มเหล้า และในช่วงเวลานั้นเหล้าต่างประเทศก็ได้เริ่มมีการนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย บ้างแล้ว แต่คนไทยก็ยังนิยมเหล้าโรงอยู่ เพราะถูกกว่าและเคยชินกับรสชาติของมันมาแต่ไหนแต่ไร ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้มีการผูกขาดการผลิตเหล้า โดยหลวงจะทำการผลิตอยู่เพียงผู้เดียว โดยผู้ใดจะผลิตเหล้ากินเองหรือผลิตออกจำหน่ายไม่ได้อีกต่อไป และโรงต้มเหล้าบางยี่ขัน ก็ได้ถูกโอนเข้ามาเป็นของหลวงในโอกาสนั้นด้วย
จนมาถึงสมัยรัชการที่ 6 และรัชกาลที่ 7 เหล้าต่างประเทศเริ่มมีอิทธิพลและส่งผลกระทบต่อตลาดเหล้าโรงของไทยมากขึ้น บรรดาเรือขายเหล้าที่เคยคึกคักกันตามแม่น้ำลำคลอง ก็ชักจะเงียบหายไปเพราะการคมนาคมทางบกเจริญขึ้นกว่าก่อน บรรดาคนจีนและคนไทยจึงพากันขยับขยายกิจการตั้งร้านเหล้าขึ้นมาแทน ขณะนั้นคนไทยเริ่มรู้จักเหล้าต่างประเทศกันมากขึ้น แต่ก็นิยมกันในหมู่พวกมีอัฐเป็นพื้นคนไทยที่มีแค่เฟื้องแค่สลึง โดยเฉพาะที่อยู่ตามชนบทยังนิยมเหล้าโรงกันอยู่ จนกระทั่งก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเหล้าฝรั่งในกรุงเทพฯ ก็ตีตลาดเหล้าโรง หนักหน่วงมากขึ้น
พอช่วงที่สงครามโลกครั้งที่สอง เหล้าฝรั่งก็ไม่สามารถส่งเข้ามาขายได้ ทำให้คนไทยจึงได้คิดปรับปรุงและผลิตเหล้าไทยให้มีรสชาติไปทางเหล้าฝรั่ง จนกระทั่งก้าวหน้าเป็นที่นิยมกันเรื่อยมา แม้ว่าในปัจจุบันเหล้าไทยโดยเฉพาะเหล้าโรงจะถูกตีตลาดอย่างหนัก แต่ก็ปรากฏว่ายังมีผู้นิยมไม่ใช่น้อยเพราะมีราคาถูกกว่าและที่สำคัญรสชาติก็เข้มข้น…ถึงใจ
Book Café Original
Credit : เปิดซองคําถามแบกะดินดอดคอม,
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out




