SR-71 Blackbird เครื่องบินที่บินเร็วที่สุดในโลก
SR-71 มีนามเรียกขานอย่างไม่เป็นทางการว่า Blackbird ตามตัวเครื่องที่เป็นสีดำทั้งตัว ถูกสร้างโดยบริษัท Lockheed ทำการบินทดสอบครั้งแรกในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1962 ในทะเลทรายเนวาดา
สมรรถนะ
ผู้สร้าง : บริษัท Lockheed Aircraft Service
บทบาท : เจ็ทตรวจการณ์ทางยุทธศาสตร์ 2 ที่นั่งเรียงกัน
เครื่องยนต์ : เทอร์โบเจ็ท Pratt & Whitney JT 11 D 20 B 2 ท่อ ให้แรงขับ 14,740 ก.ก.
ความยาวปีก : 16.95 เมตร
ความยาว(หัวถึงสันดาปท้าย) : 32.74 เมตร
ความสูง : 5.64 เมตร
น้ำหนักตัวเปล่า : 27 ตัน
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 77 ตัน
ความเร็วสูงสุด : 3.2 มัค+
พิสัยทำการ : 4,800 กิโลเมตร
เพดานบินสูงสุด : 30,488 เมตร(ประมาณ 8 หมื่น ฟุต)
ระยะเวลาปฏิบัติการ : 2 ชั่วโมง
อาวุธ : ไม่ติดอาวุธ
SR-71 รับใช้กองทัพสหรัฐและองค์กรนาซ่า ในภารกิจบินตรวจการณ์เหนือน่านฟ้าสหภาพโซเวียต เพื่อทำหน้าที่แทนเครื่องบินตรวจการณ์แบบ U-2 ซึ่งล้าสมัย โดยได้รับการพัฒนาต่อจากเครื่องบินทดสอบ 2 รูปแบบคือ A-12 และ YF-12A
เจ้า SR-71 เป็นเครื่องบินที่ได้ชื่อว่าบินได้เร็วที่สุดในโลก เพราะมันสามารถบินขึ้นไปเกือบจะถึงอวกาศและบินด้วยความเร็วสูงกว่า 3.2 เท่าความเร็วสูง เพื่อบินผ่านน่านฟ้าโซเวียตได้อย่างเนียนๆ
SR-71 ใช้เชื้อเพลิงพิเศษแบบ JP-7 บันทึกขึ้นไปกับตัวเครื่อง 20 ตัน เพื่อให้มันสามารถบินได้เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น!!?? โครงสร้างของมันถูกสร้างด้วย ไทเทเนี่ยม และโลหะผสมไทเทเนี่ยม เพื่อให้ทนความร้อนในขณะบินที่ความเร็วเกิน 3 มัค โดยขณะที่บินด้วยความเร็ว 3 มัค ลำตัวเครื่องจะขยายตัวและยาวขึ้นอีกหลายนิ้ว
จุดที่พบข้อเสียคือ SR-71 นั้น ถังน้ำมันของ SR-71 จะรั่วอยู่ตลอดเวลาเมื่อจอดอยู่บนพื้น แต่เมื่อบินด้วยความเร็วสูงสุด น้ำมันที่รั่วออกมาจะหยุดไหล ทำให้มันเป็นเครื่องบินที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในอเมริกาในตอนนั้น แร่ไทเทเนี่ยมมีไม่พอสำหรับใช้ในการสร้าง SR-71 จึงจำเป็นต้องให้ CIA เป็นตัวกลางในการซื้อขายแร่ของสหภาพโซเวียต เพื่อนำมาใช้สร้าง SR-71
แต่ถึงผิวด้านนอกของมันจะเคลือบด้วยสารดูดกลืนการสะท้อนเรด้าห์ แต่ SR-71 กลับกลายเป็นเครื่องบินที่เป็นเป้าขนาดใหญ่ที่สุดบนเรด้าห์ศัตรู เนื่องจากความร้อนที่ออกมาจากสันดาปท้ายของ SR-71 ทำให้สามารถจับเป้าได้หลายร้อยไมล์เลยทีเดียว..
SR-71 ถูกสร้างขึ้นทั้งหมด 12 ลำ โดยใช้แค่ในกองทัพอากาศสหรัฐและในองค์กรนาซ่าเท่านั้น ก่อนที่จะถูกปลดประจำการเพราะค่าบำรุงรักษาและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ สูงเกินไป
แต่ก็ใช่ว่า สภาพโซเวียตะจะไม่รู้เรื่องนี้ และจะไม่ตอบโต้ใดๆ... และนั่นคือเรื่องราวของ
เครื่องบินรบที่เร็วที่สุดในโลก
เครื่องบินที่มีสมรรถนะเทียบเท่า
MIG-25 ถูกตั้งนามเรียกขานโดยนาโต้ว่า Foxbat เป็นเครื่องบินรบที่สามารถทำหน้าที่ได้ 3 ภาระกิจ คือการ ขับไล่สกัดกั้น ทิ้งระเบิด และ ตรวจการณ์ ถูกออกแบบและสร้างโดยบริษัท Mikoyan-Gurevich แห่งสภาพโซเวียต ต้นแบบได้ทำการบินครั้งแรกในปี 1964
สมรรถนะ
ผู้สร้าง : บริษัท Mokoyan-Gurevich
บทบาท : เจ็ทขับไล่สกัดกั้นทุกกาลอากาศที่นั่งเดี่ยว(MIG-25A), เจ็ทตรวจการณ์เพดานบินสูงที่นั่งเดี่ยว(MIG-25B)
เครื่องยนต์ : เจ็ทเทอร์โบ Tumansky 2 ท่อ ให้แรงขับสูงสุด 11,000 ก.ก.
ความยาวปีก : 14 เมตร
ความยาว(จากหัวถึงสันดาปท้าย) : 22.3 เมตร
ความสูง : 5.6 เมตร
น้ำหนักตัวเปล่า : 20 ตัน
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 35 ตัน
ความเร็วสูงสุด : 3.2 มัค+
พิสัยทำการ : 2,000 กิโลเมตร
เพดานบินใช้งาน : 22,000 เมตร
อาวุธ : ปืน ใหญ่อากาศ GSH-23 ลำกล้องคู่ ขนาด 23 มม. 1 กระบอก, ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ R-40R 'Acrid', ขีปนาวุธติดตามความร้อน(อินฟราเรด) R-40T
ด้วยความเร็วสูงสุด 3.2 มัค ทำให้มันทรงพลังเกินกว่าที่ เครื่องบินขับไล่ใดๆในยุคนั้นของ กองทัพสหรัฐจะไล่ตามได้ทัน ส่งผลให้เกิดการสร้าง F-15 Eagle ขึ้น
ความสามารถที่แท้จริงของมันไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อฝ่ายโลกเสรี จนกระทั่งปี 1976 นาย วิคเตอร์ เบเลนโค นักบิน MIG-25 ของสหภาพโซเวียต(เป็นอะไรกับ วิคเตอร์ บูธ เปล่าฟะ....) ถูกตรวจจับโดยกองทัพอากาศสหรัฐผ่านทางญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายโลกเสรีได้ทำการ 'ชำแหละ' MIG-25 ลำดังกล่าวหลังลงจอดที่ฐานทัพอากาศญี่ปุ่น
โครงสร้างของ MIG-25 ถูกสร้างด้วยไทเทเนี่ยมเพื่อให้มันทนความร้อนในความเร็วสูงได้ เช่นเดียวกันกับ SR-71
MIG-25 ถูกสร้างขึ้นทั้งหมด 1,190 เครื่อง ปัจจุบันถูกปลดประจำการ เพราะปัญหาด้านความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
โดยในปัจจุบัน รัสเซียพัฒนา MIG-25 ขึ้นเป็น MIG-31 Foxhound ที่มีเกราะที่หนาขึ้น แต่ความเร็วลดลง และยังคงประจำการในกองทัพตลอดมาจนถึงปัจจุบัน...
คลิปจากYOUTUBE
สุมาอี้