อัศวิน
อัศวิน ในสังคมยุโรปพัฒนาขึ้นในช่วงสมัยกลาง ก่อนปี ค.ศ. 1200 อัศวินเป็นชนชั้นทางสังคมหนึ่งต่างหากที่อยู่เหนือชาวนา แต่ก็ยังต่ำกว่าขุนนาง แต่หลังปี ค.ศ. 1200 ช่องว่างระหว่างอัศวินกับขุนนางก็สิ้นสุดลง จนกระทั่งสิ้นสุดสมัยกลาง อัศวินและขุนนางก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของชนชั้นสูงเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันตำแหน่งอัศวินเรียกว่า ท่านเซอร์ ถ้าไม่มีคำต่อท้ายตำแหน่งก็จะความว่าเราเป็น อัศวินแห่งสหราชอาณาจักร
อัศวิน (knight) ปรากฏขึ้นในปลายศตวรรษที่ 10 ในฐานะที่เป็นกลุ่มชนชั้นเฉพาะของคนติดอาวุธ ที่ขุนนางจ้างมาสำหรับป้องกันปราสาทให้กับตน อัศวินและขุนนางเป็นชนชั้นที่ยังแยกกันอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งประมาณ ค.ศ. 1200 ขุนนาง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผู้สั่งสมความมั่งคั่งเรื่อยมาจากรุ่นสู่รุ่น จนอาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการใช้อำนาจในเขตแดนของตน และอัศวินที่รับใช้ขุนนางเหล่านั้นก็มักจะยากจนและมีกำเนิดมาจากครอบครัวชาวนาผู้ต่ำต้อย
ในเวลาต่อมา อัศวินเริ่มเข้าไปผสมกับชนชั้นสูงมากขึ้นโดยการได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากชนชั้นสูงและผ่านการแต่งงานเข้าสู่ตระกูลขุนนางเหล่านั้นด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเช่นนี้ จึงมีการเรียกขุนนางว่าเป็น domini (เจ้า - lord) อีกทั้งมีอัศวินบางคนที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับ พวกเจ้า เช่น การสร้างป้อมค่ายต่าง ๆ รอบที่ดินของตน เป็นต้น
ศาสนจักรก็มีส่วนช่วยในการเพิ่มพูนสิทธิพิเศษให้แก่อัศวินโดยการเน้นบทบาทของนักรบในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ของชาวคริสต์ที่ได้รับมาจาก พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับบทบาทของพระ การตั้งอัศวิน (การตั้งอัศวินเป็นพิธีกรรมที่สำคัญในการที่บุคคลจะได้รับตำแหน่งจากเจ้านายเหนือหัวของตน ในแง่นี้หมายถึงการนำดาบแตะไหล่เพื่อสถาปนาเป็นอัศวิน) กลายเป็น“พิธีรับศีลของการเป็นอัศวิน” sacrament of knighthood ยิ่งกว่านั้นการทำสงครามครูเสดต่อต้านชาวมุสลิมในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และชื่อเสียงของคณะอัศวินบางกลุ่ม อย่างเช่น อัศวินฮอสพิทาลเลอร์ Knight Hospitaler อัศวินเทมพลา Knight Templar และอัศวินทิวทอนิค Teutonic Knight เป็นต้น ช่วยทำให้เกียรติภูมิของอัศวินในฐานะนักรบชาวคริสต์เพิ่มสูงมากขึ้น ๆ วรรณคดีหลายเล่มอย่างเช่นเรื่อง บทเพลงแห่งโรแลนด์ Song of Roland และเรื่องพระเจ้าอาเธอร์ ล้วนแต่ยกย่องพฤติกรรมของอัศวินทั้งสิ้น อนึ่ง เมื่ออัศวินมีที่ดินเป็นของตนเอง ก็ยุติความแตกต่างที่แยกระหว่างขุนนางกับอัศวินลง พร้อมกันนั้นก็เกิดชนชั้นใหม่ที่ขยายขนาดขึ้นเป็นขุนนางและอัศวินผู้เป็นเจ้าของที่ดิน หลักฐานต่าง ๆ สมัยกลางใช้คำอันหลากหลายเมื่อต้องเอ่ยถึงอัศวินและขุนนาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเคยมีช่องว่างที่กั้นระหว่างอัศวินกับขุนนางอยู่ ในต้นศตวรรษที่ 12 นักเขียนแยกระหว่างอัศวินธรรมดา อัศวินที่เป็นอัศวินระดับกลาง และอัศวินที่เป็นขุนนางระดับสูง
การเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา
ในสมัยเริ่มแรกผู้เป็นอัศวินทุกคนได้รับการคาดหวังว่าจะรับใช้เจ้าของตนในการสู้รบ เมื่อมีการผนวกที่ดินมากขึ้น ก็มีการจัดสรรโควตา จำนวนอัศวินที่เข้าประจำการกับเจ้าคนให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมนั้น หลักฐานชิ้นแรกสุดที่แสดงให้เห็นถึง การจัดสรรโควตาจำนวนเกิดขึ้นระหว่างรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ สมัญญา “ผู้พิชิต” William I the Conqueror ผู้โปรดให้จัดสรรโควตาทางการทหารให้ข้าราชบริพาร แต่ละคนของพระองค์มีโควตาจำนวนอัศวินสูงถึง 60 คน ตัวอย่างเช่น เจ้าอธิการวัดอะบิงดอน Abingdon มีโควตาอัศวินเข้าประจำการในกองทัพหลวง 30 คนและอีก 30 คนไปรักษาการณ์อยู่ที่ปราสาทวินด์เซอร์ Windsor Castle ครั้นปี ค.ศ. 1101 เมื่อพระเจ้าเฮนรีที่ 1 ทรงเรียกระดมพลอัศวินเข้าประจำการในกองทัพหลวง และหนึ่งในอัศวินของเจ้าอธิการวัดอะบิงดอนไม่สามารถเข้ารับการระดมพลดังกล่าวได้ ดังนั้น เจ้าอธิการวัดผู้นั้นมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าปรับแทนอัศวินที่เข้าประจำการไม่ได้ เป็นต้น
ระยะเวลาที่อัศวินจะต้องปฏิบัติภารกิจให้กับเจ้าของตนลดลงเหลือปีละ 40 วัน โดยที่ทั้งกษัตริย์และขุนนางชั้นสูงต่างก็ยอมรับเงินชดใช้ แทนการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ในทางกลับกัน กษัตริย์และขุนนางชั้นสูงนั้นก็นำเงินที่ได้ไปจ้างอัศวินที่พร้อมทำการรบที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นทหารรับจ้าง
ในช่วงศตวรรษที่ 12 – 13 การรับเงินชดเชยของกษัตริย์และขุนนางชั้นสูงแทนการปฏิบัติหน้าที่ของอัศวินแพร่กระจายจากอังกฤษและแคว้นนอร์มังดีไปสู่ฝรั่งเศสและส่วนอื่น ๆ ในยุโรป คือ ตอนใต้ของอิตาลี ซิซีลี และกรีก ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นอัศวินมักจะสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ชุดเกราะ และอาวุธล้วนแล้วแต่ประณีตบรรจงและมีราคาแพงทั้งสิ้น ทายาทจำนวนมากในครอบครัวอัศวินต้องเลื่อนพิธีการเป็นอัศวินออกไปจนกว่าพวกเขาจะจัดหาสิ่งของดังกล่าวได้ดีกว่าที่มีอยู่ ขณะที่คนที่ไม่สามารถทำได้ก็จะไม่ได้เป็นอัศวินไปจนตลอดชีวิต จนกระทั่งศตวรรษที่ 13 อัศวินก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของตำแหน่งขุนนางที่เป็นมรดกตกทอด ด้วยเหตุนี้อัศวินจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้รับสถานภาพทางสังคมอีกต่อไป
บทบาททางการทหารของอัศวินในสมัยกลางตอนปลายเปลี่ยนไป เนื่องจากอาวุธและกลยุทธ์ในการรบของทหารราบเริ่มซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ธนูยาว หอก และปืนใหญ่ ทำให้อัศวินบนหลังม้ามิได้เป็นผู้นำนักรบอีกต่อไป ด้วยเหตุที่ความสำคัญในการสนามรบของอัศวินลดลง อัศวินจึงหันไปหาการใช้ชีวิตพิธีการหรืองานเฉลิมฉลองที่หรูหรามากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าในสมัยกลางตอนปลายมีการเพิ่มขึ้นของการประลองยุทธ์ อันน่าตื่นตาตื่นใจ และการตั้งอัศวินคณะใหม่ ๆ อย่างเช่น คณะการ์เตอร์ ทั้งนี้อาวุธ ชุดเกราะและธงของอัศวินที่พบเห็นได้ตามพิพิธภัณฑสถานหลาย ๆ แห่งในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่มาจากสมัยกลางตอนปลายหรือไม่ก็ช่วงสมัยใหม่ตอนต้น
พิธีแต่งตั้งเป็นอัศวินโดยสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
"DJ Sakura Soh" กับบทบาทใหม่ในวงการ JAV
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
สื่ออินเดียมอง ฉลาดล้ำลึก ทิ้งไข่ถล่มคาสิโนเขมรมาเป็นเกราะป้องกันตัว
ปิดฉากบทบาทนักการเมือง! "นอท พันธ์ธวัช" ย้ำชัดลาออกพรรคเปลี่ยน พร้อมประกาศจุดยืนไม่หนุนฝ่ายใด
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
สยายปีกรับทรัพย์! เลขเด็ด "นกตาทิพย์" แนวทางรวยงวดใหม่ 2 มกราคม 2569
“รอยแผลบนขาของพลายประตูผา…คือรอยน้ำตาของคนทั้งแผ่นดิน”
ทำไมกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอสถึงอาจเป็น "ตัวเมีย" ทั้งฝูง
ชาวเขมร "จุดธูปกลับหัว" สาปแช่งให้ระบอบฮุนเซนพินาศ
🎄ดราม่าต้นคริสต์มาสสนามบินลังกาวี! ชาวเน็ตมาเลเซียวิจารณ์ยับ หน้าตาคล้าย “กองอุจจาระ” จนกลายเป็นไวรัลสะเทือนโซเชียล
ทภ.2 แฉภาพจรวด BM-21 เขมร ถล่มบ้าน-ชุมชน-วัด-โรงเรียน-รพ.
ป้าฟันต้นมะม่วงแก้วขมิ้นเพราะเกลียดเขมรที่ทำร้ายคนและทหารไทย ยอมรับความเกลียดและอยากให้ทหารจัดการเรื่องนี้เร็วๆ
ปิดฉากบทบาทนักการเมือง! "นอท พันธ์ธวัช" ย้ำชัดลาออกพรรคเปลี่ยน พร้อมประกาศจุดยืนไม่หนุนฝ่ายใด