iPhone 5S vs Samsung Galaxy Note 3 + Gear ศึกชิงแชมป์สมาร์ทโฟน 2013 ท้าชนหมัดต่อหมัด
เรียกได้ว่า ในทุกๆ ปี แบรนด์ที่ถูกนำมา เปรียบเทียบ กันมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น Apple กับ Samsung นั่นเอง ซึ่งในปีนี้ ทั้ง 2 ค่าย ต่างก็เปิดตัว สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยฝั่งของ Apple มี iPhone 5S (ไอโฟน 5S) เป็นรุ่นเด่น ส่วน ซัมซุงนั้น ปีนี้ ขอควบ 2 ด้วย Samsung Galaxy Note 3 และ Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะนั่นเอง ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ ต่างมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ของตนเอง มีดีไม่แพ้ใคร มาดูกันครับว่า ถ้าเปรียบเทียบ iPhone 5S กับ Samsung Galaxy Note 3 + Gear แต่ละผลิตภัณฑ์ จะโดดเด่นกันอย่างไรบ้าง ในรูปแบบของ Infographic ครับ
ฟีเจอร์
iPhone 5S : ใช้ชิป Apple A7 แบบ 64-bit ที่ถึงแม้ จะยังไม่ใช่หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor แบบ Samsung Galaxy Note 3 แต่ทาง Apple ก็การันตี ความเร็วและแรง ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นครับ ส่วนระบบปฏิบัติการนั้น เป็น iOS 7 ที่ออกแบบใหม่ UI เพรียวบางขึ้น สวยขึ้น และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ True Tone ถ่ายได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น รูรับแสงกว้างขึ้น และถ่ายวีดีโอแบบ Slo-mo ได้
นอกจากนี้ iPhone 5S เพิ่มดีกรีความปลอดภัยมากขึ้น ด้วย Touch ID ระบบสแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Home ปลดล็อคตัวเครื่องด้วยลายนิ้วมือของผู้ใช้, เพิ่มเมนูควบคุมการทำงานใหม่ ด้วย Control center จะเปิด-ปิด Wi-Fi, Bluetooth, ปรับความสว่างหน้าจอ หรือเปิดใช้งานไฟฉาย ส่วนแบตเตอรี่ มีขนาดความจุอยู่ที่ 1560 mAh
Samsung Galaxy Note 3 : โดดเด่นด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor แรง เร็ว สะใจ และระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean พร้อมอินเทอร์เฟสแบบ TouchWiz ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามใจชอบ ส่วนกล้องด้านหลัง มาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, Smart Stabilizer ป้องกันการสั่นไหวของภาพถ่ายขณะใช้งานตอนกลางคืน นอกจากนี้ ยังมี Surround shot ถ่ายภาพรอบทิศทางได้ 360 องศา
อุปกรณ์เสริมที่ขาดไม่ได้ บน Samsung Galaxy Note 3 ก็คือ ปากกา S Pen ที่มาพร้อมกับคำสั่งใหม่ ที่เรียกว่า Air Command ประกอบด้วยคำสั่งย่อยๆ อีก 5 แบบ นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 3 ยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy Gear นาฬิกาอัจฉริยะ ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
ดีไซน์
iPhone 5S : โดดเด่นสุดๆ ก็คงจะเป็น ระบบสแกนลายนิ้วมือ หรือ Touch ID ตรงปุ่ม Home เสริมความปลอดภัยให้กับผู้ใช้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มสีใหม่ iPhone 5S สีทอง เป็นตัวเลือกเพิ่มอีก 1 สี และถึงแม้ว่า iPhone 5S จะมีขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า Samsung Galaxy Note 3 แต่ก็ได้เปรียบตรงที่ พกพาได้สะดวกกว่า และมีน้ำหนักเบากว่าเพียง 112 กรัมเท่านั้น
Samsung Galaxy Note 3 : สำหรับมือถือเรือธงตัวนี้ มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว ความละเอียดแบบ Full HD เรียกได้ว่า จะดูหนัง หรือเล่นเกม ก็สนุก สะใจ มองเห็นได้เต็มตา นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสะดวกในการขีดเขียน ด้วย ปากกา S Pen ที่มีมาให้ในตัว ไม่่ต้องไปหาซื้อเพิ่ม ส่วนแบตเตอรี่ ก็มาพร้อมขนาดใหญ่จุใจ 3200 mAh รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
ฮาร์ดแวร์
iPhone 5S มีหน่วยความจำในตัวเครื่อง ให้เลือก 3 ขนาดความจุ ได้แก่ 16 GB, 32 GB และ 64 GB ซึ่งก่อนที่ซื้อ ควรจะต้องตัดสินใจให้ดีว่า ผู้ใช้เหมาะสมกับตัวเครื่องขนาดเท่าใด เนื่องจาก iPhone 5S ไม่รองรับ microSD card ฉะนั้น เมื่อเครื่องเต็ม วิธีเดียวที่จะเพิ่มหน่วยความจำให้กับตัวเครื่องได้ ก็คือ ลบข้อมูล รูปภาพ เพลง หรือคลิปวีดีโอที่มีอยู่ ทิ้งไป
ส่วน Samsung Galaxy Note 3 แม้ว่า จะมีขนาดความจุให้เลือกแค่ขนาดเดียว คือ 32 GB แต่หมดห่วงเรื่องเครื่องเต็ม เพราะรองรับ microSD card สูงสุดถึง 64 GB เลยทีเดียว
กล้อง
มากันที่ส่วนของ กล้องถ่ายรูป กันบ้าง โดยในส่วนนี้ ถือว่า Samsung Galaxy Note 3 โดดเด่นกว่า เนื่องจากมาพร้อมกล้องด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ส่วน iPhone 5S มาพร้อมกล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ iPhone 5S ชูจุดเด่นตรง ไฟแฟลชแบบ True Tone หรือแบบ Dual-LED ที่ทำให้การถ่ายภาพด้วยไฟแฟลช มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 รุ่น มีฟีเจอร์การใช้งานกล้องมากมายไม่แพ้กัน
การเชื่อมต่อ
Samsung Galaxy Note 3 ชูจุดเด่นตรง สามารถรองรับ Wi-Fi Direct และ NFC ได้ ในขณะที่ iPhone 5S ไม่รองรับฟีเจอร์ดังกล่าว
ที่มา : thaimobilecenter