คุณอภัสสรา หงสกุล เปิดใจช่วงวัยที่สวมมงกุฏนางงาม
ราวปลายปี 2507 ชื่อเสียงของ อาภัสรา หงสกุล เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วไปเป็นอย่างดี ในตำแหน่งนางสาวไทย จนกระทั่งถึงในราวกลางปี 2508 ชื่อเสียงของ อาภัสรา หงสกุล ก็โด่งดังไปทั่วโลกในตำแหน่ง Miss Universe ชื่อเสียงและเกียรติยศของเด็กนักเรียนสาวน้อยวัย ๑๗ อย่าง คุณปุ๊ก ในครั้งกระนั้นโดดเด่นขึ้นมาแทบจะในวินาทีเดียวกันกับที่มงกุฎนางสาวไทย และมงกุฎนางงามจักรวาล ปรากฏงดงามอยู่ที่ศีรษะของเธอ
“ตอนนั้นอายุเพิ่งจะ 17 กำลังเรียนอยู่ที่ปีนังคอนแวนต์ ประเทศมาเลเซีย ก็เผอิญมีผู้ใหญ่ที่รู้จักกันดีกับคุณพ่อ มาขอให้เข้าประกวดนางสาวไทย จำได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคฟื้นฟูให้มีการประกวดนางสาวไทยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หยุดพักไปเสียนาน”
เมื่อคุณปุ๊ก ส่วนสูง 164 ซม. (5 ฟุต 7 นิ้ว) สัดส่วน 35-23-35 ซม. บุตรีคนที่ 2 ของ นาวาเอกเพิ่ม หงสกุล และ นางเกยูร หงสกุล ได้ตัดสินใจเข้าประกวดนางสาวไทยในสมัยนั้น หนังสือพิมพ์สารพัดฉบับก็ต่างพร้อมใจกันโหมประโคมข่าวว่า “อาภัสรา เบอร์ 30” เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งมาตลอดนับตั้งแต่เริ่มการประกวดในวันแรก
“สมัยนั้นผู้เข้าประกวดสวย ๆ กันทั้งนั้น ปีกก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งนางสาวไทย แต่สื่อมวลชนก็เชียร์กันมากจริง ๆ จนมาถึงวันใกล้ตัดสิน เราก็เริ่มจะมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้วว่า อย่างไรเสียคงต้องติด 1 ใน 5 แน่ ๆ”
กว่าจะผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ คุณปุ๊ก บอกว่ามีมากมายราว 40-50 ท่าน เข้ามาถึงรอบ 1 ใน 5 คนได้นั้น รอยยิ้มหวานของ อาภัสรา ก็ชนะใจคนชมอย่างล้นหลามแล้ว
“ตอนนั้นกรรมการตัดสินจำได้ก็เห็นจะมี คุณหญิงสุเนตร พงษ์โสภณ คุณหญิงสวลี ชลวิจารณ์ และผู้ใหญ่ที่น่านับถืออีกหลายท่าน ซึ่งจะตัดสินกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนทีเดียว ตอนประกาศผลการตัดสิน ปุ๊กอยู่หลังเวทีพร้อม ๆ กับผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ ซึ่งเขาก็จะประกาศเรียกชื่อออกไปที่หน้าเวทีทีละคนทีละคน จนครบ 4 คนแล้ว จึงประกาศชื่อ อาภัสรา เป็นคนสุดท้าย ว่าได้ตำแหน่งนางสาวไทย ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะเสียงเรียกชื่อ อาภัสรา จากคนดูดังลั่นไปหมดทั่วบริเวณงานเลย”
เพียงวินาทีที่มงกุฎนางสาวไทย ประจำปี 2507 ถูกสวมลงบนศีรษะของ อาภัสรา หงสกุล ปัจจุบันและอนาคตของเด็กสาววัย 17 ก็ถูกพลิกผันไปในทันที
“ตำแหน่งนางสาวไทยที่ได้รับมา มีเกียรติมาก ปุ๊กจำได้ว่า ปุ๊กได้รับพระราชทานถ้วยทองคำหนัก 10 บาท จากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้รับประทานสร้อยคอเพชราวุธ จากสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรัตน์ และมีท่านผู้หญิงไสว จารุเสถียร เป็นผู้สวมมงกุฎนางสาวไทยให้ วันนั้นเป็นวันแห่งความปลาบปลื้มที่สุด แล้วหลังจากนั้น จากเด็กนักเรียนธรรมดา ๆ ก็กลายมาเป็นนางสาวไทย เป็นคนของสังคมไปในที่สุด”
คุณปุ๊ก หยิบมงกุฎนางสาวไทยของเธอขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ พลางบอกกล่าวกับเราว่า
“มงกุฎนางสาวไทยของปุ๊ก นี่ขนาดเล็กกว่าใครเพื่อนเลย และไม่ได้มีการออกแบบอย่างสวยงามเหมือนเดี๋ยวนี้ นางสาวไทยรุ่นหลัง ๆ ปุ๊ก ส่วนมากจะได้มงกุฎอันใหญ่ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น”
คุณปุ๊ก บอกว่ามงกุฎนางสาวไทยขนาดเล็กของเธอนั้น จะมีแหวนเพชรแท้อยู่ตรงกลางของมงกุฎ ซึ่งจะสามารถถอดออกมาสวมได้ทันที แต่ปัจจุบันคุณปุ๊กเหลือไว้แต่เพียงมงกุฎเท่านั้น เพราะตัวแหวนเพชรเธอได้นำไปจับสลากสะเดาะเคราะห์เสียแล้ว
“ตอนนั้นคุณแม่ไปดูหมอให้ปุ๊กแล้วบอกว่า ปุ๊กจะมีเคราะห์ร้ายถึงชีวิต ให้หาของมีค่าส่วนตัวไปสะเดาะเคราะห์เสีย ปุ๊กก็จึงนำแหวนเพชรที่มงกุฎนางสาวไทยไปให้เขาจับสลาก เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ นึก ๆ ก็เสียดายเหมือนกันนะ” (หัวเราะ)
เมื่อถามถึงคุณค่าทางจิตใจที่อาภัสรารู้สึกต่อมงกุฎทั้งสองอัน คุณปุ๊กกล่าวยิ้ม ๆ ว่า
“ก็รักเท่ากันทั้งสองมงกุฎ เพราะมันมีความหมายกับตัวเรามาก แต่มงกุฎนางสาวไทยของปุ๊กจะไม่ค่อยสวยแล้ว เพราะทำตกบ่อยมาก มันจึงบิด ๆ เบี้ยว ๆ ช่วงก่อนจะไปประกวดนางงามจักรวาล มงกุฎนางสาวไทยของปุ๊กก็หักแล้ว เพราะทำตก ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะมีคนบอกว่า ถ้ามงกุฎนางสาวไทยไม่หัก เราอาจจะไม่ได้มงกุฎนางงามจักรวาลมาครองก็ได้” (หัวเราะ)
ปัจจุบันนี้ ทั้งสองมงกุฎที่มีคุณค่ามหาศาลกับจิตใจของปุ๊ก จึงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในตู้เซฟของธนาคาร ซึ่งคุณปุ๊กออกตัวกับเรายิ้ม ๆ ว่า
“ถึงมันจะไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่ก็อยากจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี เพราะอย่างน้อยมงกุฎทั้งสองก็มีส่วนทำให้เราเป็น อาภัสรา ที่คนรู้จักกันมากมายในวันนี้ค่ะ”
สิ่งที่คนไทยคงยังรู้จักคุณอภัสสรา หงสกุล หาใช่แค่มงกุฏที่คุณปุ๊กเคยสวม แต่เป็นกริยามารยาทความงามอย่างไทย รอยยิ้มที่เปี่ยมสุข และการวางตัวที่เหมาะสม ทำให้คนไทยคงประทับใจในคุณปุ๊กว่าเป็นนางงามอย่างแท้จริง...ตลอดไป