"ฝนโบกขรพรรษ"
ในสมัยพุทธกาลนั้น เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์จึงได้เสด็จไปกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นอรหันต์พระบรมวงศ์และชาวเมืองได้ออกมารับเสด็จกันมากมาย
มีพระบรมวงศานุวงศ์บางท่านไม่ทำความเคารพในพระองศ์พระบรมศาสนาได้ทรงเห็นอาการของพระญาติวงศ์กระด้างกระเดื่องเช่นนั้น จึงได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์โดยเสด็จเหาะขึ้นสู่อากาศ และเปล่งฉัพพรรณรังสี
พระราชบิดาทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงกราบไว้พระโอรสและพระญาติวงศ์ทั้งหลายก็กราบไหว้ตามๆกัน ขณะนั้นได้เกิดเมฆตั้งเค้ามืดครึ้มขึ้น แล้วเกิดฝนเรียกว่า "ฝนโบกขรพรรษ" ตกลงมา
ฝนโบกขรพรรษ เป็นฝนอันมหัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน มีความมหัศจรรย์ ดังนี้
๑. มีเม็ดน้ำฝนแดงเรื่อเหมือนแก้วทับทิม
๒. ผู้ใดปรารถนาได้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย
๓. ไม่เลอะเทอะขังนอง ก่อให้เกิดโคลนตมอันปฏิกูล พอฝนหาย แผ่นดินก็สะอาด
๔. ตกลงเฉพาะในสมาคมพระญาติ ไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมประชุมด้วย
http://tc.mengrai.ac.th/poonsiri_mr/pv.htm
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
เปิดเหตุผลทำไม"เนิน 350"ใช้ "F-16 - Gripen" ไม่ได้
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!