รถเมล์ไทยจะไป ASEAN ได้อย่างไร
รถเมล์ไทยจะไป ASEAN ได้อย่างไร
จากคำถามนี้ รถเมล์ไทยคงไม่ได้ไป ASEAN ในเชิงกายภาพ แต่เป็นไปอาเซียนในเชิงการเปรียบเทียบ (Comparison) ในเรื่องของมาตรฐานการให้บริการขั้นพื้นฐานของรถเมล์ไทยว่า มีศักยภาพมากน้อยเพียงใด มีการเตรียมความพร้อมรับมือต่อการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) 2015 ของประเทศหรือไม่
ในประเด็นนี้ ต้องพิจารณาถึงองคาพยพและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น คุณภาพของการให้บริการ ความเหมาะสมของราคาค่าโดยสาร สภาพของตัวรถว่าอยู่ในสภาพพึงประสงค์ให้บริการได้หรือไม่ ความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถ สัญลักษณ์ แผนที่ หรือป้ายบ่งชี้ภายในตัวรถที่ให้ข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ กับผู้โดยสาร
การบริการจัดการการเดินรถที่เป็นสากล ความเป็นมืออาชีพหรือทักษะการขับรถที่ดีของพนักงานขับรถยนต์สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่รถโดยสารในปัจจุบันพึงจะต้องมีไว้ เช่น GPS ไว้ระบุตำแหน่งว่ารถเมล์ออกนอกเส้นทางหรือไม่ ใช้ความเร็วเหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนดอย่างไร ไฟหรือเสียงให้สัญญาณเมื่อรถออกตัว-รถหยุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสารที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง หรือผู้โดยสารที่มีความมีผิดปกติทางร่างกาย
สิ่งที่เกี่ยวข้องและประเด็นปลีกย่อยเหล่านี้ เป็นสิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้กำหนดนโนบายจากภาครัฐต้องมองภาพให้ทะลุ ปรุโปร่ง และละเอียดถ้วนถี่ให้ถึงองคาพยพต่าง ๆ เพื่อการบริหารจัดการทั้งระบบหรือยกเครื่อง (Overhaul) รถเมล์ไทยสู่มาตรฐานสากลที่มีความปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัย เป็นมิตรกับผู้ใช้บริการ และมีความพร้อมสู่การเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า
รถเมล์ไทย VS รถเมล์อินโดนีเซีย
สาเหตุหลักที่ผู้เขียนหยิบยกรถเมล์ไทยมาเปรียบเทียบกับอินโดนีเซียก็ เนื่องจาก ประเทศไทยและอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความคล้ายคลึงกันในหลากหลายมิติ เช่น สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาเหมือนกัน อาศัยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเป็นกลไกหลัก (Engine) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การขยายตัวของเมืองหลวง (Urbanization) การอพยพของคนต่างจังหวัดเพื่อมาทำงานเมืองหลวง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคของไทยและอินโดนีเซียที่มีการวางวิสัยทัศน์และ เป้าหมายที่คล้ายคลึงกันคือ การก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของการประกอบและผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกในภูมิภาค ประกอบกับการที่ผู้เขียนเองได้มีโอกาสไปทำงานที่กรุงจาร์กาตาระยะหนึ่ง จึงทำให้เห็นภาพเหล่านี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ตามทัศนะ (Mindset) ของคนกรุง หากจะมองและประเมินความพึงพอใจในรถเมล์ไทยแล้ว เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภาพลักษณ์เชิงลบย่อมปรากฎแจ่มชัดมากกว่าภาพลักษณ์เชิงบวกอย่างแน่นอน เนื่องจากภาพลักษณ์ (Image) ของรถเมล์ไทยถูกมองเป็นภาพติดลบแล้วตั้งแต่ถูกตั้งคำถาม ทั้งนี้ ต้องย่อมรับโดยดุษฎีว่า ภาพลักษณ์และความรู้สึกที่ปรากฏอยู่ในใจคนกรุงต่อรถเมล์นั้นเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะสิ่งปรากฎและสัมผัสได้ในเรื่องของความเสี่ยง
ความอันตรายของผู้ใช้บริการ ตลอดจนคุณภาพที่ย่ำแย่ของการให้บริการนั้น เป็นเรื่องจริง ยิ่งในเรื่องของความเป็นมิตร มารยาท และความสุภาพ ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในรถเมล์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถร้อน (Non-air condition bus) อย่างไรก็ดี ปัจจัยต่าง ๆ เบื้องต้นของรถเมล์ไทยกลับดีขึ้นในรถบริการแบบปรับอากาศ (Air condition bus)
อย่างไรก็ดี หากมองให้ลึกแล้วในเชิงเปรียบเทียบ ถือได้ว่าคนกรุงเทพฯ (Bangkokian) มีทางเลือกอื่น ๆ สำหรับการเดินทางมากมาย มากว่าคนจาการ์ตา (Jakartan) เนื่องจาก ระบบขนส่งสาธารณะของอินโดนีเซีย ไม่มีทั้ง BTS ไม่มีทั้ง MRT และไม่มีแม้กระทั่งการใช้เรือเป็นพาหนะในเมืองหลวง
ดังนั้น คนจาการ์ตาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก และต้องทนใช้รถเมล์สาธารณะที่ค่อนข้างจะเก่าคร่ำครึมากเมื่อเทียบกับประเทศ ไทย ต้องอาศัยรถแท็กซี่ รถรับจ้างขนาดเล็ก (ภาษาอินโดนีเซีย เรียกว่า Mikrolet) หรือมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งหากมองให้ลึกไปกว่านี้แล้ว จาการ์ตาเป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่ากรุงเทพฯ ของเราพอสมควร โดยมีประชากรที่อาศัยในเมืองหลวงกว่า 23 ล้านคน ในขณะที่กรุงเทพฯ มาประชากรอาศัยทั้งสิ้นราว 9.3 ล้านคน
ดังนั้น หากจะพิจารณาในแง่นี้ กรุงเทพฯ ค่อนข้างที่จะได้เปรียบจาการ์ตาอยู่หลายขุมเลยทีเดียว เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะมีครบครันกว่า ในขณะเดียวกันจำนวนประชากรในเมืองหลวงก็มีน้อยกว่า ทำให้ความแออัดในกรุงเทพฯ และจาการ์ตาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
อีกประการหนึ่งก็คือ รถเมล์ร้อนส่วนใหญ่ที่ให้บริการในกรุงจาการ์ตานั้น มีสภาพไม่แตกต่างจากรถเมล์ที่วิ่งระหว่างจังหวัดของไทยเมื่อสมัย 10 ปีก่อน นั่นก็คือ เป็นรถขนาดเล็กจุผู้โดยสารได้ไม่ถึง 30 คน เป็นรถเมล์ไม่มีกริ่งเวลาลงต้องใช้เหรียญเคาะกระจกเพื่อเป็นสัญญาณ หรือการตะโกนด้วยเสียงบอกคนขับเพื่อให้จอดรถ
เบาะที่นั่งบางส่วนเป็นไม้ และมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่เหมาะกับผู้โดยสารที่มีร่างกายขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่มีตั๋วโดยสาร พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารไม่มีเครื่องแบบพนักงานที่จะบ่งบอกถึง สถานภาพของตน ประตูรถไม่มีระบบปิด-เปิดอัตโนมัติหลังจากรถเคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งบางครั้งมีวนิพก หรือขอทานขึ้นมาบนรถปะปนกับผู้โดยสาร ซึ่งทำให้ผู้โดยสารที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น (เช่นผม) รู้สึกไม่ปลอดภัยบ้างในบางครั้ง ฯลฯ
รถเมล์ไทยไม่ได้แย่อย่างที่คิด?
จากข้อมูลที่ได้นำเสนอไปข้างต้น ท่านผู้อ่านคงพอจะเห็นภาพ 2 ภาพ และพอที่จะเปรียบเทียบด้วยดุลพินิจของตนเองได้ว่า รถเมล์ในกรุงเทพฯ นั้น ถึงแม้จะมีภาพลักษณ์เชิงลบติดอยู่ในใจ ในหลาย ๆ แง่ หากแต่เราเปรียบเทียบกับอินโดนีเซีย เราเองก็คงภูมิอกภูมิใจพอสมควรว่า “เราดีกว่าตั้งเยอะ”
นี่ยังไม่ได้เปรียบเทียบกับลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ซึ่งโดยรวมแล้วประเทศไทยค่อนข้างมีสาธารณูปโภคด้านขนส่งสาธารณะที่ดีกว่า มีความพร้อมเรื่องของบุคลากร และเทคโนโลยีที่มากกว่า
อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจข้างต้นก็เป็นอนุสติเตือนใจตัวเราเองว่า ประเทศไทยของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนารถเมล์ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเป็น เรื่องจำเป็น มีความเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขอย่างจริงจัง และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการจัดระเบียบความเรียบร้อยของการเดินรถ มาตรฐานและคุณภาพการให้บริการ ความปลอดภัย การติดตั้งป้ายหรือสัญลักษณ์ที่เป็นสากล ตลอดจนการพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์ลิเอ็กทรอนิกส์สมัยใหม่ที่สามารถอำนวยความ สะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และคนพิการ
ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจดังกล่าวก็น่าจะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ หรือผู้กำหนดนโยบายของประเทศในระดับชาติในฉุกคิดและพิจารณาว่า ปัญหารถเมล์ไทยควรได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมเสียที ไม่มีควรปล่อยไว้ให้เนิ่นนานกว่านี้ เพราะปัญหาก็ปัญหาเดิม ๆ ดังนั้น หากปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมแล้ว เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ยากเลยที่รถเมล์ไทยจะไปไกลถึงอาเซียน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
