กอดเพื่อสุขภาพ ^ . ^
อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งความเครียดและความกังวลในผู้ป่วย และความเครียดเองก็สามารถนำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงของโรคสารพัด เพราะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดน้อยลง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น การกอด จะช่วยให้ระบบภูมิต้านทานในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นได้ สุขภาพ จะดีขึ้น ช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า ลดความตึงเครียด ทำให้มีชีวิตชีวา เป็นยาที่วิเศษที่ไม่มีผลข้างเคียง แต่ต้องเป็นกอดที่ออกมาจากใจ ทำด้วยความรักและเมตตาจริง ๆ จึงจะเป็นความอ่อนโยน ที่เป็นธรรมชาติไม่มีพิษภัย
มีคำแนะนำ จากผู้เชี่ยวชาญว่า กอดวันละครั้ง ทำให้ห่างไกลจากการพบแพทย์ (A Hug a Day Keeps The Doctor Away) ซึ่งมีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถยืนยันคำกล่าวนี้มากมาย ดังนี้
ผลวิจัยทางคลินิกจากสถาบัน The Touch Research Institute ณ มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์แห่งไมอามี สหรัฐอเมริกา (University of Miami School of Medicine) ได้ค้นพบว่า “สัมผัสบำบัด” หรือ Touch Therapy มีผลในการลดระดับความกังวลใจช่วยลดระดับฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้ทุเลาลงได้ โดยทดลองใช้วิธีกอดในผู้ป่วยสูงอายุ พบว่า เมื่อใช้การกอดบำบัด ทำให้ผู้สูงอายุ มีภาวะสุขภาพ ที่ดีขึ้น มีความกระตือรือร้น มีความต้องการที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดซึมเศร้า
มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเวอร์จิเนีย และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวิสคอนซินระบุว่า กอดและสัมผัสช่วยทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวมีความเยือกเย็นลง นักประสาทวิทยาได้ให้สตรีที่สมรสแล้ว 16 คน มาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเครียด แล้วให้อาสาสมัครชายที่มีความเป็นเพื่อนเข้ามาจับมือสตรีเหล่านั้น ผลสแกนพบว่าส่วนของสมองที่ตอบสนองต่อกิจกรรมอันตรายนั้นลดน้อยลง และได้ผลมากขึ้นไปอีกเมื่อผู้ที่ยื่นมือให้จับเป็นคู่สมรสของสตรีเหล่านี้ เอง ทั้งนี้เนื่องจากการที่จิตใจผ่อนคลายลงอาจเป็นเพราะมีใครบางคนอยู่ที่นั่น คอยช่วยเหลืออยู่ ส่วนการสัมผัสในรูปแบบอื่น เช่น การกอด, โอบไหล่ ก็ยังอาจช่วยลดความกระวนกระวาย และลดปริมาณฮอร์โมนความเครียดที่สมองผลิตลงได้
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคโรไลนาเหนือของสหรัฐฯ ได้ศึกษาพบอานุภาพของการโอบกอดของคู่สามี-ภรรยา 38 คู่ พบว่า การ กอดช่วยให้ระดับของฮอร์โมนออกซิโตซิน (oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรักความผูกพันเพิ่มขึ้น และความดันโลหิตลดต่ำลงได้ เป็นเหตุให้โอกาสของการเป็นโรคหัวใจลดน้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะส่งผลอย่างยิ่งกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ขณะเดียวกันยังปรากฏว่า ผู้หญิงทุกคนยังพลอยมีระดับออร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ลดต่ำลงด้วย
ศ.เซลดอน โทบ หัวหน้านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา ได้ศึกษาชายและหญิงจำนวน 216 คน เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งแต่ละคนล้วนเคร่งเครียดในงานที่ทำ แต่เมื่อกลับบ้านและได้รับสัมผัสที่ดี และการโอบกอดจากคู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัว พบว่าระดับความดันโลหิตที่สูงขึ้นจากความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่คนที่อยู่เพียงลำพัง ระดับความดันโลหิตกลับไม่ลดลง
งานวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจในอังกฤษก่อนหน้านี้ พบความสัมพันธ์ระหว่างเอนไซม์ความเครียด ที่สามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ โดยพวกเขาได้ศึกษาเอนไซม์ในเซลล์ไขมัน ที่ชื่อว่า “11 เอชเอสดี 1″ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับฮอร์โมนความเครียด “คอร์ติซอล” และจากการศึกษาในสัตว์ทดลอง แสดงให้เห็นว่ายิ่งระดับเอนไซม์ตัวนี้สูงเท่าไร ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ซ้ำขออภัยค่ะ