หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ชาวโรมันเป็นผู้นำเทคโนโลยีนาโน

โพสท์โดย mata

ทุกวันนี้เราๆ ท่านๆ คงได้ยินคำว่า "นาโน" กันจนชินหู คำคำนี้ที่ใช้กันส่วนใหญ่ย่อมาจากคำว่า "นาโนเทคโนโลยี" ที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่สามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติต่างๆ นานาด้วยการเปลี่ยนคุณสมบัติของโมเลกุลวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น โดยอาศัยนาโนเทคโนโลยี

ทั้งนี้ คำว่านาโน คือหน่วยมิติในระดับ 1 ใน 1,000 ล้าน หรือถ้าคิดเป็นหน่วยความยาว ก็เท่ากับ 1 ใน 1,000 ล้านเมตร ซึ่งเท่ากับขนาดของโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสสารทุกชนิดในจักรวาล

เทคโนโลยีปัจจุบันก้าวหน้าถึงขั้นการควบคุมโมเลกุลและเป็นความภาคภูมิใจของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่สามารถประยุกต์ใช้ศาสตร์นี้มาเป็นประโยชน์แก่คนในยุคปัจจุบันและอนาคต

แต่เชื่อหรือไม่ว่าอันที่จริงแล้ว นาโนเทคโนโลยี นั้นเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ตั้งแต่ยุคอาณาจักรโรมัน เมื่อกว่า 1,700 ปีที่แล้ว และนักวิทยาศาสตร์เพิ่งยอมรับว่ามีข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าชาวโรมันเป็นผู้รู้ และใช้งานนาโนเทคโนโลยีมาก่อนคนรุ่นปัจจุบันเป็นพันปี

สิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนก็คือผลงานการสร้างสรรค์ ถ้วยไลเคอร์กุส (Lycurgus cup) ที่สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,600 ปีที่แล้ว โดยใช้แก้วชนิดพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีจากสีเขียวคล้ายหยกมาเป็นสีแดงและเหลืองได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งแหล่งที่มาของแสง เพราะหากนำแหล่งกำเนิดแสงมาอยู่ภายในถ้วยจะปรากฏสีแดง และเหลืองบริเวณลวดลายนูนต่ำที่ประดับอยู่บนตัวถ้วย แต่หากอยู่ในภาวะปกติลวดลายดังกล่าวจะเป็นสีเขียนขุ่นๆ คล้ายหยก

ถ้วยใบนี้กำความลับไว้กว่า 1,600 ปี จนเมื่อปี 2543 นักวิทยาศาสตร์ได้นำเอาเศษที่แตกจากถ้วยใบนี้มาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ได้คำตอบถึงสาเหตุของการเปล่งแสงที่แตกต่างเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางของแหล่งกำเนิดแสงไปยังถ้วยใบนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าชาวโรมันได้ผสมอนุภาคทองคำและเงินที่มีขนาดโมเลกุลระดับ 50 นาโนเมตร ลงไปในเนื้อแก้ว ทำให้เมื่อมีแสงที่ถือเป็นพลังงานชนิดหนึ่งส่องผ่านไปในเนื้อแก้วจะทำให้โมเลกุลของทองและเงินเกิดการสั่น และสร้างคลื่นความถี่ในระดับสีแดงและเหลืองออกมา

ปัจจุบันถ้วยไลเคอร์กุส สถิตอยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา และถือเป็นตัวอย่างล้ำค่าที่แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาของคนโบราณนั้นไม่ด้อยไปกว่าวิทยาศาสตร์ในยุคใหม่แม้แต่น้อย

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
mata's profile


โพสท์โดย: mata
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
64 VOTES (4/5 จาก 16 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"น้องธาช่า" ลูกสาว "กิ๊ก สุวัจนี" แจ้งเกิดเต็มตัว! ประเดิมละครเรื่องแรกกับบทบาทสุดปังวิกฤตยังคงดำเนินต่อไป นิสสันมีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างพนักงานในประเทศไทยจำนวน 1,000 ตำแหน่ง"เปิดวาร์ป 'ราชินีเฟรนช์ฟรายส์' พนักงานสาวไวรัล อายุแค่ 20 แต่ความฮอตพุ่งปรี๊ด!"อุทยานฯ ภูสอยดาวเผยที่มา "น้ำตกสายทิพย์"..หลังมีดราม่าแชร์ว่อนโซเชียล"เต๋า ทีวีพูล" ลั่น สินค้า "แอน จักรพงษ์" ขายหมดเกลี้ยง Miss Universe 2024 กระแสเกินต้านเจนนี่ทำเซอร์ไพรส์ใหญ่! มอบบ้านพร้อมโฉนดให้ “ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ฉลองอายุครบ 20 ปีบ้านในฝันก็ต้องปล่อย! 'กวินท์-ปุ้มปุ้ย' เปิดใจขายบ้าน 19.5 ล้าน ทั้งที่รักมาก6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์ดวงรายสัปดาห์ วันที่ 25 พ.ย. - 1 ธ.ค. 2567 by อ.กิ่ง นาคราชดวงรายสัปดาห์ 24 - 30 พ.ย. by ครูเป็นหนึ่งแอฟ ทักษอร และ นนกุล คู่รักสุดอบอุ่น รับบทช่างภาพคู่ เฝ้ากองเชียร์ น้องปีใหม่ โชว์ความสามารถบนเวทีดวงประจำสัปดาห์ 25 พ.ย.-1 ธ.ค. 67 by ภูริดา พยากรณ์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์"ผู้บริหารมาม่าไขปริศนา ยอดขายพุ่งเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือแค่คิดไปเอง?"ดวงรายสัปดาห์ วันที่ 25 พ.ย. - 1 ธ.ค. 2567 by อ.กิ่ง นาคราชผู้นำเกาหลีเหนือยัน "มะกันเป็นคนทำให้เกิดสงครามนิวเคลียร์"
ตั้งกระทู้ใหม่