ระวังต่อWIFIทำธุรกรรมการเงิน"เสี่ยง"
เคทีซีเตือนนักช็อปออนไลน์ งดการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แนะเลิกใช้ WiFi ทำธุรกรรม เผยเช็กอินนอกบ้านเสี่ยงมิจฉาชีพ
นายพรชัย วิจิตรบูรพัฒน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายตรวจสอบภายในด้านเทคโนโลยี (Internal IT Audit) บมจ.บัตรกรุงไทย จำกัด กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้งานเต็มใจที่จะเปิดเผยเอง เช่น การเช็กอินสถานที่ต่างๆ ที่เราไปพัก ไปกินข้าว หรือแม้แต่เช็กอินว่ากำลังออกจากที่บ้าน นั่นหมายความว่าอาจจะไม่มีคนอยู่ที่บ้าน เป็นการเปิดช่องให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงตัวเราได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคนจำนวนมากนิยมทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ ซึ่งมิจฉาชีพเองก็เพิ่มจำนวนขึ้นด้วย มีการคิดวิธีการเจาะข้อมูลใหม่ๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงของผู้ใช้บัตรเครดิตผ่านทางการใช้สมาร์ทโฟนทำธุรกรรมการเงิน อย่างเว็บฟิชชิ่ง (Phishing) ที่คอยหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้ เริ่มระบาดมากขึ้นในสังคมออนไลน์ อาทิ พวกหมายเลขบัตรเครดิต หรือบัญชีผู้ใช้งาน ธนาคารออนไลน์ พร้อมกับข้อมูลส่วนตัวของเรา แต่ตอนนี้มีการขโมย Apple ID และ PayPal ด้วย เพราะบัญชีเหล่านี้สามารถที่จะสั่งซื้อแอพพลิเคชั่นและซื้อสินค้าออนไลน์ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ลูกค้ายังไม่ควรทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านไวไฟ (Wi-Fi) ในสมาร์ทโฟน เพราะมิจฉาชีพอาจใช้อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณที่ตั้งชื่อเหมือนกับไวไฟที่เราเคยใช้ ซึ่งไม่มีวิธีตรวจสอบได้เลยว่าไวไฟตัวใดปลอม ซึ่งหากเราเข้าใช้ของปลอมแล้วจะทำให้มิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราได้ ทั้งชื่อบัญชี, รหัสผ่าน, อีเมล์ และไม่ควรลงชื่อเข้าใช้เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินในคอมพิวเตอร์สาธารณะ เพราะเครื่องนั้นๆ จะมีการเก็บรหัสของเราเอาไว้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำ e-banking นั้น ต้องตรวจสอบหน้าเว็บไซต์ที่เราเข้าไปใช้บริการ โดยก่อนจะกรอกข้อมูลใดๆ ให้สังเกตโดเมนข้างหน้าสุดต้องเป็นคำว่า https:// (s ย่อมาจาก secure) ที่มีการเข้ารหัสความปลอดภัยแล้ว หากเป็น http:// (ไม่มี s) อาจเป็น URL ปลอมที่มิจฉาชีพปล่อยออกมาก็ได้.
โพสท์โดย: moses