การฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ ใครว่าไม่จำเป็น
เรื่องที่คุณผู้หญิงควรรู้ ถ้ามีปัญหาเรื่องขับถ่ายปัสสาวะ
- การฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะคืออะไร?
- คุณจะกลับมาควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะให้ดีเหมือนเดิมได้อย่างไร?
- ทำอย่างไรเพื่อเอาชนะอาการปัสสาวะบ่อย?
- ทำอย่างไรเพื่อเอาชนะอาการปวดปัสสาวะรีบและปัสสาวะเล็ดราด?
- ทำอย่างไรให้ฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะประสบความสำเร็จ?
บทนำ
สตรีจำนวนมากประสบปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะในบางช่วงของชีวิต ปัญหาที่พบบ่อยได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ปวดปัสสาวะรีบ และปัสสาวะเล็ดราด โดยทั่วไปถือว่าปัสสาวะบ่อยเมื่อคุณต้องถ่ายปัสสาวะเป็นจำนวนเกินกว่า 7 ครั้งต่อวัน นอกจากนี้ หากคุณต้องตื่นขึ้นมาเพื่อไปถ่ายปัสสาวะในตอนกลางคืนมากกว่า 1 ครั้ง เรียกว่า ภาวะปัสสาวะบ่อยกลางคืน (nocturia) ส่วนอาการปวดปัสสาวะรีบ (urgency) คือ ความรู้สึกปวดอยากถ่ายปัสสาวะอย่างมากที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันทีและไม่สามารถรั้งรอต่อไปได้ ต้องรีบไปห้องน้ำทันที และถ้าคุณมีปัสสาวะเล็ดราดออกมาด้วยขณะที่มีอาการปวดปัสสาวะรีบนี้ เรียกว่า ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
การฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะคืออะไร?
การฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะเป็นการฝึกการขับถ่ายปัสสาวะ โดยกำจัดพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่ดี และเรียนรู้พฤติกรรมการขับถ่ายที่ดี เพื่อให้สามารถกลับมาควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะของตนเองได้ แทนที่จะให้กระเพาะปัสสาวะเป็นตัวควบคุมคุณและชีวิตของคุณอีกต่อไป
ภาพที่ 2 ผู้ป่วยที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะไวเกิน มีน้ำปัสสาวะอยู่ครึ่งเดียว แต่อยู่ในสภาพหดรัดตัว ทำให้ปัสสาวะเล็ดราด
- โปรแกรมการฝึกควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะของกระเพาะปัสสาวะจะช่วยให้คุณยืดช่วงเวลาระหว่างการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งให้นานขึ้น ช่วยเพิ่มปริมาณความจุของกระเพาะปัสสาวะที่คุณจะกลั้นอยู่ได้ และช่วยคุณควบคุมความรู้สึกปวดปัสสาวะรีบเมื่อมีการหดรัดตัวของกระเพาะปัสสาวะในเวลาที่ไม่เหมาะสม การฝึกควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะจึงเป็นการฝึกตนเองให้สามารถกลับมาควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้เช่นเดิม
- ส่วนหนึ่งของโปรแกรมนี้ คือ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจถึงสัญญานที่กระเพาะปัสสาวะส่งมายังคุณ โดยคุณจะเรียนรู้ว่าสัญญานใดบ้างที่ต้องรับฟัง และสัญญานใดบ้างที่สามารถเพิกเฉยได้ นอกจากนั้น การฝึกควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะของกระเพาะปัสสาวะจะช่วยให้คุณตระหนักว่าเมื่อไรที่มีน้ำปัสสาวะอยู่เต็มในกระเพาะปัสสาวะและเมื่อไรที่ไม่มีน้ำปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะของคุณ
- กระเพาะปัสสาวะของคุณอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปี ค่อยๆเกิดพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่ดี ฉะนั้นคุณจึงไม่สามารถกลับมาควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้โดยทันที จำเป็นต้องอาศัยเวลา ความมุ่งมั่นและอดทนที่จะฝึกควบคุมกระเพาะปัสสาวะให้มีพฤติกรรมการขับถ่ายที่ดี ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะเริ่มสังเกตเห็นถึงการพัฒนาที่ดีขึ้นภายในเวลา 2 สัปดาห์ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือนหรือนานกว่านี้ในการกลับมาควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะได้อีกครั้ง
ทำอย่างไรเพื่อเอาชนะอาการปัสสาวะบ่อย?
- สำรวจไดอารี่ของกระเพาะปัสสาวะประจำวันว่าคุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแค่ไหนในช่วงกลางวัน ถ้าบ่อยทุกๆ 2-3 ชั่วโมงต่อครั้ง คุณควรเริ่มต้นโดยค่อยๆเพิ่มระยะเวลาระหว่างครั้งให้นานขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเข้าห้องน้ำบ่อยทุกๆชั่วโมง ให้เริ่มตั้งเป้าหมายของคุณไว้ที่ 1 ชั่วโมง 15 นาที หากคุณรู้สึกปวดปัสสาวะรีบก่อนเวลาที่คุณตั้งไว้ ให้ฝึกที่จะควบคุมความรู้สึกนี้โดยใช้แนวทางที่จะอธิบายต่อไป เพื่อฝึกให้กระเพาะปัสสาวะรู้จักรอคอย
- เมื่อคุณสามารถกลั้นปัสสาวะได้จนถึงเวลาที่คุณตั้งไว้ และสามารถทำเช่นนี้ได้สำเร็จเป็นเวลา 3-4 วันต่อเนื่องกัน ให้ปรับเวลาระหว่างครั้งให้นานออกไปอีก ค่อยๆเพิ่มเวลาระหว่างการเข้าห้องน้ำนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณสามารถเข้าห้องน้ำบ่อยน้อยลงเป็นทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในช่วงกลางวัน
- พยายามที่จะเลิกการไปเข้าห้องน้ำแบบว่า “กันไว้ก่อนเผื่อว่าจะปวดปัสสาวะ” ยกตัวอย่าง คุณลองถามตัวเองว่าคุณจำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่คุณจะออกจากบ้านจริงๆหรือ ถ้าคุณเพิ่งไปเข้ามาเมื่อ 20 นาทีก่อนหน้านี้ เพราะว่าโดยปกติกระเพาะปัสสาวะสามารถจุได้ 400 มล. ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณเกือบ 2 ถ้วยแก้ว
สิ่งที่คุณควรรู้และทำก่อนที่จะเริ่มฝึกควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
- ก่อนที่จะเริ่มฝึก คุณควรได้รับการตรวจสอบว่าไม่มีภาวะติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถทราบได้โดยการเก็บปัสสาวะของคุณไปตรวจ ซึ่งกระทำได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งหรือบางคลินิก
- สิ่งที่ต้องทำลำดับถัดมาคือการบันทึกไดอารี่ของกระเพาะปัสสาวะประจำวัน จากบันทึกไดอารี่ของกระเพาะปัสสาวะคุณจะเห็นว่าคุณขับถ่ายปัสสาวะบ่อยครั้งเท่าไร ปริมาณความจุของกระเพาะปัสสาวะที่คุณสามารถกลั้นได้ ปริมาณและชนิดของน้ำหรือเครื่องดื่มที่คุณดื่ม อาการปวดปัสสาวะรีบและมีปัสสาวะเล็ดราดเพราะกลั้นไม่อยู่รบกวนคุณบ่อยเพียงใด นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ไดอารี่กระเพาะปัสสาวะตอนเริ่มต้นของการรักษาเปรียบเทียบกับภายหลังรักษาไปแล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
เวลา | ดื่ม | ปริมาณปัสสาวะ | อาการปวดปัสสาวะรีบ | ปัสสาวะเล็ดและกิจกรรมขณะเล็ด | การเปลี่ยนผ้าอนามัย | การเปลี่ยนชุดชั้นใน | การเปลี่ยนชุดที่สวมใส่ |
06:00 | 300 ซีซี | x | ขณะลุกขึ้นจากที่นอน | X | |||
07:00 | น้ำชา 150 ซีซี | ||||||
07:15 | 50 ซีซี | ||||||
08:10 | กาแฟ 150 ซีซี |
ทำอย่างไรเพื่อเอาชนะอาการปวดปัสสาวะรีบและปัสสาวะเล็ดราด?
ลองใช้แนวทางต่อไปนี้เพื่อควบคุมอาการปวดปัสสาวะรีบและฝึกให้กระเพาะปัสสาวะรู้จักรอคอย สังเกตว่าแนวทางใดได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ เพื่อที่คุณจะได้เลือกใช้ในยามที่คุณต้องการ
- ขมิบกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานให้แรงที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้และให้กล้ามเนื้อหดรัดตัวค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้เช่นกัน ให้ทำเช่นนี้ไปจนกว่าคุณจะรู้สึกว่าอาการปวดปัสสาวะรีบหายไปหรือกล่าวได้ว่าคุณสามารถควบคุมอาการนี้ได้แล้ว อนึ่งการขมิบกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานช่วยรัดบริเวณท่อปัสสาวะให้ปิดแน่นเพื่อกันไม่ให้ปัสสาวะเล็ดราดออกมา
- ขมิบกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานแบบเร็วและแรงที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้แล้วผ่อนคลาย ทำซ้ำๆหลายครั้งติดต่อกัน ในสตรีบางคนวิธีนี้ได้ผลมากกว่าการขมิบให้กล้ามเนื้อหดรัดตัวค้างไว้
- กดที่บริเวณอวัยวะเพศภายนอก คุณสามารถทำได้โดยการไขว้ขาหรือนั่งบนพื้นผิวที่แข็ง การกดที่บริเวณอวัยวะเพศภายนอกเป็นการส่งสัญญานผ่านทางเส้นประสาทไปยังกระเพาะปัสสาวะให้รับรู้ว่าบริเวณทางออกของกระเพาะปัสสาวะยังปิดอยู่ ต้องรอคอยต่อไปก่อนที่จะขับถ่ายปัสสาวะออกมา
- พยายามเบี่ยงเบนจิตใจของคุณออกไปจากอาการปวดปัสสาวะรีบ ยกตัวอย่าง บางคนเริ่มนับถอยหลังจาก 100 ลงมา อย่างไรก็ดี วิธีการอื่นๆที่ช่วยดึงความสนใจหรือผ่อนคลายล้วนใช้ได้ดีทั้งสิ้น
- เปลี่ยนท่าของคุณหากการทำเช่นนี้ช่วยลดความรู้สึกปวดปัสสาวะรีบลงได้ ในบางคนการนั่งโน้มตัวไปข้างหน้าอาจช่วยได้บ้าง
- อยู่นิ่งๆเมื่อคุณประสบกับอาการปวดปัสสาวะรีบและต้องการควบคุมอาการนี้ให้ได้ เพราะว่าคุณไม่สามารถกลั้นและควบคุมอาการนี้ได้ ในขณะที่คุณวิ่งไปห้องน้ำในเวลาเดียวกัน
- พยายามไม่รุกรี้รุกลนหรือผุดลุกผุดนั่ง เพราะการเคลื่อนไหวเช่นนี้อาจทำให้ปัญหาแย่ลง
ทำอย่างไรให้ฝึกควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะแล้วประสบความสำเร็จ?
การฝึกควบคุมกระเพาะปัสสาวะและการฝึกบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานอย่างถูกต้อง (กรุณาอ่านบทความเรื่อง “การขมิบหรือบริหารกล้ามเนื้อพื้นอุ้งเชิงกรานที่ถูกต้อง ใครว่ายาก?” หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม) ช่วยแก้ปัญหาในสตรีที่มีปัสสาวะเล็ดราดได้ 1 คนในทุกๆ 2-3 คน พึงระลึกว่าเมื่อคุณฝึกจนประสบความสำเร็จแล้ว คือมีนิสัยการขับถ่ายที่ดีแล้ว คุณยังจำเป็นที่จะต้องฝึกนิสัยเช่นนี้ให้คงอยู่ไปตลอดชีวิต
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอื่นๆอาจช่วยให้คุณควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีขึ้น ถ้าคุณมีน้ำหนักตัวมาก ไอมาก (เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ) หรือท้องผูก คุณควรแจ้งให้แพทย์ นักกายภาพบำบัดหรือผู้ดูแลทราบ เพราะทั้งหมดข้างต้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ปัสสาวะเล็ดราดแย่ลง ยาบางชนิดมีผลทำให้ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ยากขึ้น คุณควรตรวจสอบกับแพทย์ที่ดูแลหากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดื่มน้ำปกติ วันละอย่างน้อย 6-8 ถ้วยแก้ว (1000-1500 มล.) หากแพทย์ไม่ได้แนะนำเป็นอย่างอื่น อย่าพยายามหยุดดื่มน้ำเพียงเพราะคุณคิดว่ามันจะทำให้หายจากปัสสาวะเล็ดราด เพราะว่าถ้าคุณดื่มน้อยเกินไป จะทำให้น้ำปัสสาวะเข้มข้นขึ้น ซึ่งทำให้ระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะและรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้นแม้ว่าจะมีปริมาณเล็กน้อย นอกจากนี้การขาดน้ำยังนำไปสู่การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ
อย่าดื่มน้ำในคราวเดียวกันมากๆ ให้เว้นช่วงการดื่มของคุณในเวลากลางวัน ถ้าคุณดื่มปริมาณมากๆในครั้งเดียว ย่อมคาดหวังได้เลยว่าคุณต้องไปห้องน้ำในเวลาไม่นานหลังจากดื่ม
เครื่องดื่มบางประเภทมีผลระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะและทำให้คุณต้องไปห้องน้ำบ่อยๆ มักได้แก่เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์และคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำชา โคล่า ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลัง หรือน้ำอัดลม พยายามลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนลงให้เหลือเพียงวันละ 1-2 ถ้วย
หลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะว่าอาจทำให้คุณต้องลุกมาปัสสาวะตอนกลางคืน
ผศ.นพ.ชัยเลิศ พงษ์นริศร
หัวหน้าหน่วยนรีเวชทางเดินปัสสาวะและอุ้งเชิงกราน
ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
12 มิถุนายน 2556
เอกสารอ้างอิง
International Urogynecological Association (IUGA). Bladder Training: A Guide for Women. 2011.