การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด (sacrocolpopexy)
เรื่องที่คุณผู้หญิงควรรู้ หากมีปัญหาช่องคลอดหย่อน
โดย ผศ. นพ.ชัยเลิศ พงษ์นริศร
1. การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด คืออะไร?
2. มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ป่วยบ้าง ขณะได้รับการผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด?
3. การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดมีผลสำเร็จอย่างไร?
4. ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
5. ก่อนการผ่าตัดควรเตรียมตัวอย่างไร?
6. การพักฟื้นของผู้ป่วยหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร?
อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนเป็นภาวะที่พบบ่อย อันก่อให้เกิดอาการ ได้แก่ ความรู้สึกถ่วงหรือหน่วงลงมาในช่องคลอด และขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก ตลอดจนมีอาการปวดหลัง พบว่าประมาณ 1 ใน 10 ของผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องรับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะมดลูกหรือช่องคลอดยื่นย้อย
ภาพที่ 1 แสดงกายวิภาคปกติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีที่เคยผ่าตัดมดลูก
การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด คืออะไร?
การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด คือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะช่องคลอดส่วนบนยื่นย้อยในผู้ป่วยสตรีที่เคยได้รับการผ่าตัดมดลูกมาก่อน การผ่าตัดนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้ช่องคลอดกลับมามีกายวิภาคปกติและยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ มีการผ่าตัดที่คล้ายคลึงกันซึ่งใช้ในผู้ป่วยที่มีช่องคลอดหย่อนแต่ยังมีมดลูกอยู่และไม่ต้องการตัดมดลูกทิ้ง เรียกว่า การผ่าตัดเย็บแขวนมดลูก (sacrohysteropexy)
ภาพที่ 2 แสดงภาวะช่องคลอดหย่อนในสตรีที่ได้เคยผ่าตัดมดลูก
มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ป่วยบ้างขณะได้รับการผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอด?
ผู้ป่วยจะได้การระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์เหมือนเช่นการผ่าตัดทั่วไป การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดสามารถกระทำได้ผ่านทางแผลเปิดหน้าท้องขนาดใหญ่ หรือผ่านแผลเล็กๆบริเวณหน้าท้องโดยใช้กล้องส่องช่องท้อง หรือใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ในขั้นแรกแพทย์จะผ่าตัดเลาะช่องคลอดให้แยกออกจากกระเพาะปัสสาวะทางด้านหน้า และไส้ตรงทางด้านหลัง แล้วใช้วัสดุปลูกถ่ายที่เป็นตาข่ายซึ่งทำจากใยสังเคราะห์ มาคลุมบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของช่องคลอด จากนั้น จึงเย็บปลายอีกด้านของตาข่ายนี้ยึดไว้กับกระดูกใต้กระเบนเหน็บดังภาพ แล้วเย็บเยื่อบุช่องท้องคลุมปิดตาข่ายทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ลำไส้เข้าไปติดกับผิวตาข่ายนี้ การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดนี้สามารถทำไปพร้อมๆกับการผ่าตัดอื่นๆ ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ดขณะออกแรงหรือซ่อมเสริมกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ยื่นย้อย
ภาพที่ 3 แสดงการผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดหรือแขวนมดลูกยึดกับกระดูกใต้กระเบนเหน็บ
(แสดงตำแหน่งมดลูกดังเส้นประ)
การผ่าตัดเย็บแขวนช่องคลอดมีผลสำเร็จอย่างไร?
การศึกษาพบว่า 80% - 90% ของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแขวนช่องคลอดนี้หายจากภาวะยื่นย้อย หลังการผ่าตัดมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดการยื่นย้อยของช่องคลอดบริเวณอื่นๆ เช่น ผนังช่องคลอดด้านหน้าที่พยุงกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งหากเกิดขึ้นอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดต่อไปเพื่อแก้ไข
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะผ่าตัดผ่านทางแผลเปิดหน้าท้องหรือผ่านกล้อง ได้แก่
- อาการปวด (เกิดขึ้นทั่วไป หรือขณะร่วมเพศ) พบได้ 2-3%
- การโผล่ของตาข่ายในช่องคลอด พบได้ 2-3%
- การบาดเจ็บของกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือท่อไต พบได้ 1-2%
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงโดยทั่วไปของการผ่าตัด ได้แก่ แผลติดเชื้อ การติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ การเสียเลือดซึ่งอาจจำเป็นต้องให้เลือด และภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ แพทย์ผู้ผ่าตัดและวิสัญญีแพทย์จะอภิปรายถึงความเสี่ยงใดๆที่อาจมีเพิ่มเติมซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวคุณก่อนการผ่าตัด
ก่อนการผ่าตัดควรเตรียมตัวอย่างไร?
ยาบางชนิดเช่น แอสไพริน ที่คุณอาจรับประทานเป็นประจำมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และอาจจำเป็นต้องหยุดก่อนการผ่าตัด (ภายใต้การแนะนำของแพทย์) แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้มีการเตรียมลำไส้ก่อนการผ่าตัด ซึ่งแพทย์ที่ดูแลคุณจะเป็นผู้สั่งการรักษานี้แก่คุณ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องงดรับประทานอาหารและดื่มน้ำเป็นเวลา 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
การพักฟื้นของผู้ป่วยหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยจะได้รับการนอนพักในโรงพยาบาลอยู่ในช่วงระหว่าง 2-5 วัน ในระยะ 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัดขึ้นกับว่าคุณได้รับการผ่าตัดผ่านทางแผลเปิดหน้าท้องหรือผ่านกล้อง อย่างไรก็ดี คุณควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านที่หนักหรือออกแรงยกของ เช่น หิ้วถุงหรือตะกร้าใส่ของจ่ายตลาด ยกตะกร้าใส่เสื้อผ้า ลากเครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น หลังผ่าตัดการเดินช้าๆเป็นการออกกำลังกายที่ดี ควรเริ่มต้นเดินช้าๆประมาณ 10 นาทีต่อวันเมื่อคุณรู้สึกว่าร่างกายคุณพร้อม แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาให้นานขึ้น ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบฟิตเนส หรือแอโรบิก เป็นต้น รวมถึงการว่ายน้ำ แช่ในอ่างสปา และการร่วมเพศ โดยทั่วไปควรหยุดงานเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ และอาจนานกว่านี้ถ้างานของคุณอยู่ในประเภทที่ใช้กำลังกาย
ผศ. นพ. ชัยเลิศ พงษ์นริศร
หัวหน้าหน่วยนรีเวชทางเดินปัสสาวะและอุ้งเชิงกราน
ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
20 กรกฎาคม 2556
เอกสารอ้างอิง
International Urogynecological Association (IUGA). Sacrocolpopexy. 2011.