วาทะ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
สงสัยอารมณ์แบบนี้ทำให้ไอน์สไตน์เป็นตัวของตัวเองสูงเค้าอยากทำอะไรก็ทำ
ไม่เครียดเกินเหตุ 555
ชอบไอน์สไตน์ก็ตรงนี้แหละไม่เหมือนใคร คิดแปลก
รูปนี้ไอน์สไตน์แลบลิ้นใส่สื่อมวลชนเพราะไม่รู้จะทำหน้าแบบไหน 555
ไอน์สไตน์บอกว่า
"ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นผู้มีสติปัญญาเลอเลิศแต่อย่างไร แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้มีความกระหาย
อยากรู้อยู่เสมอ มีความพากเพียรในการค้นหาสิ่งที่อยากรู้อย่างอดทนรวมทั้ง
วิจารณ์ตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยนำมาซึ่งความคิดของข้าพเจ้า"
แบบนี้เลยกระตุ้นให้เราต้องเอาอย่างบ้างอยากรู้เรื่องอะไรก็พยายามเข้าไว้
คมคายจริง ๆ ชอบมาก
"ผมไม่เคยสอนลูกศิษย์ของผมเป็นแต่เพียงพยายามเตรียมเงื่อนไขภาวะแวดล้อม
ให้เขาได้ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองเท่านั้น"
ถูกอีกแล้วถูกใจค่ะ
"Imagination is important than knowledge"
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
อืมเหมือนมนุษย์เราทุกวันนี้พยายามสร้างองค์ความรู้และเรียนรู้สารพัด
แต่หากขาดจินตนาการและสร้างสรรค์ อืมอาจเป็นได้ค่ะ
ดาราสาวฮอลลีวู๊ดที่สวยเซ็กซี่อย่าง มารีลีน มอนโร กล่าวกับไอน์สไตน์ว่า
"ท่านศาสตราจารย์ ท่านว่าไหมหากเราได้แต่งงานกัน
ลูกชายที่เกิดมาคงมีใบหน้าเหมือนฉันและมีความเฉลียวฉลาดเหมือนท่าน"
ไอน์สไตน์ฟังก็หัวเราะหึ ๆ พร้อมตอบสวนกลับไปว่า
"...ผมกลัวว่ามันจะตรงกันข้าม.....
เกรงว่าเด็กคนนั้นจะมีใบหน้าเหมือนผมแต่โง่เหมือนคุณนะซี"
คำตอบดังกล่าวทำเอามารีลีนอายม้วนไปเลย
5555 เค้าอารมณ์ขันดีจริง ๆ เลยเนอะ
แต่ในอีกมุมมองหนึ่งไอน์สไตน์เป็นคนเรียบง่ายและไม่ยืดติดในลาภยศ
ในอำนาจหรือความเก่งกาจของตนเองตรงกันข้าม ไอน์สไตน์เป็นคนถ่อมตน
สุภาพเรียบง่าย ไม่มักใหญ่ใฝ่สูงก็คือ ประมาณปี พ.ศ. 2495 เดวิด เบรนกูเรียน
นายกรัฐมนตรีแห่งอิสราเอลได้เสนอให้ไอน์สไตน์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
คนที่สองของประเทศอิสราเอลต่อจากประธานาธิบดีไซม์ ไวซ์แมน
ประธานาธิบดีคนแรกที่เสียชีวิตแต่ไอน์สไตน์ปฏิเสธโดยกล่าวว่า
"ข้าพเจ้าได้จากประเทศอิสราเอลมาเป็นเวลานาน ข้าพเจ้ามีความละอาย
และมีความเสียใจที่จะบอกว่าข้าพเจ้าไม่สามารถรับตำแหน่งนี้ได้
เพราะข้าพเจ้าไม่มีความสามารถในการบริหารการปกครอง
และไม่มีประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์"
ถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปในปัจจุบันหากมีการเสนออำนาจ
และตำแหน่งให้อาจรับและยืนหยัดยึดมันไว้แน่นหนาอย่างแน่นอน
แต่เนื่องจากไอน์สไตน์เป็นคนไม่ยึดมั่นและยึดติดจึงไม่อยากอยู่บนอำนาจแบบนั้น
เรียกว่าปล่อยวางไม่บ้าอำนาจและหลงความเก่งของตนเอง
เค้ามีความสุขกับการสอนและทำงานตามทฤษฎีของเค้ามากกว่า
จากมุมมองทั่วไปไปถึงการจีบสาวของเค้าก็ทำให้เห็นทฤษฎีของเขา
เช่น ไอน์สไตน์บอกว่า
"การเอามือมาลนบนไฟ 1 นาที มันช่างยาวนานราวกับเป็นชั่วโมง
แต่การได้พูดคุยกับสาวงามเพียงแค่ 1 ชั่วโมง มันช่างไวราวกับเวลา 1 นาที
555 เข้าแก๊บเลยทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์เนอะ"
และไอน์สไตน์ก็บอกว่า
"แรงโน้มถ่วงของโลกมิได้รับผิดชอบในการที่บุคคลจะตกหลุมรักกัน"
โพสท์โดย: moses