หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

5 อารยธรรมที่น่าสะพรึงกลัวสุดๆ ในประวัติศาสตร์ของโลก

โพสท์โดย BesTBBoY

5 อารยธรรมที่น่าสะพรึงกลัวสุดๆ ในประวัติศาสตร์ของโลก

By mr.jackass | April 21, 2011 | 2 Comments | Filed under: Article

5 อารยธรรมที่น่าสะพรึงกลัวสุดๆ ในประวัติศาสตร์ของโลก

ตอนเรียนประวัติศาสตร์ คงมีคนหลายคนสงสัยว่าจะเรียนไปทำไม เนื้อหาพูดแต่เรื่องอดีต ไม่เห็นน่าสนใจหรือมีประโยชน์อย่างไรเลย แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์แล้ว การเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ก็เพื่อไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะบางครั้งประวัติศาสตร์ก็ได้แสดงให้ถึงความโหดร้ายผิดมนุษย์เหลือเกิน จนไม่อยากจะเชื่อว่าเขาทำอย่างนั้นกันได้อย่างไร

บทความนี้จะนำพาทุกท่านไปพบกับ 5 อารยธรรมสุดโหดที่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

เดอะเซลท์ (The Celts)

เนื่องจากชนกลุ่มนี้มักจะมีปัญหากับชาวโรมันอยู่เสมอๆ ในประวัติศาสตร์ได้ทำการบันทึกไว้ว่า หากชนกลุ่มนี้รบชนะคู่ต่อสู้แล้วก็จะทำการตัดหัวของคู่ต่อสู้มาทำการประดับบ้าน ทั้งในและนอกบ้าน เรียกกันว่าเข้าไปชนกลุ่มนี้เมื่อไหร่ ได้เห็นหัวคนห้อยระโยงรยางค์เต็มไปหมด ยิ่งบ้านไหนมีมากแสดงว่าเป็นบ้านของนักรบที่เก่งกาจ

ชาวแอซแทค (The Aztecs)


จากการบันทึกทางประวัติศาสตร์ทำให้เราได้ทราบว่าวิธีกำจัดศัตรูของชาวแอซแทคว่าหฤโหดเกินจินตนาการแค่ไหน โดยวิธีการของเขาก็คือจะนำเอาศัตรูมาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อน จากนั้นก็จะนำเสื้อคลุมของเทพดวงอาทิตย์มาใส่ให้จากนั้นก็นำขึ้นไปบนหอคอยสูงประมาณสัก 30 เมตร แล้วจากนั้นก็จะให้นักบวชชาวแอซแทคจับแขนขาไว้คนละข้างทำการยึดเอาไว้ จากนั้นก็จะมีนักบวชอีกคนค่อยๆ ใช้หินมีดผ่าเปิดหน้าอกช้าๆ (ศัตรูคงร้องและดิ้นร้นน่าดูเลย) แล้วจึงดึงหัวใจที่กำลังเต้นออกมาแล้วทำการชูไปที่ดวงอาทิตย์ แล้วก็ถีบศพทิ้งมาลงตามบันได้ ให้คนควักเอาตับ ไต ไส้พุง รวมถึงอวัยวะต่างๆ กินกันดิบๆ อย่างนั้นเลย บางครั้งพวกนักบวชจะถลกหนังเหยื่อและนำมาคลุมร่างไว้รา 20 โดยไม่ทำการอาบน้ำเลย ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ได้ทำการบันทึกไว้ ทำให้เราทราบว่ามีคนไม่ต่ำกว่า 20,000 คนที่ตายด้วยวิธีนี้ภายในเวลาเพียง 4 วัน

ชาวอัสซีเรียน (Assyrians)


ชนกลุ่มนี้มีอารยธรรมอยู่ประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาล มีถิ่นฐานอยู่ในดินแดนทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมีย แถบลุ่มแม่น้ำไทกรีส มีความเจริญสูงสุดในช่วง 745-626 B.C.
เหล่านักรบของอัสซีเรียน ได้ชือว่ามีความสามารถในการรบอย่างน่ากลัวที่สุด โดยในการรบจะใช้กองทัพธนูเหล็กเป็นทัพหน้าตามด้วยกองพันทหารม้าและรถศึก นอกจากนี้พวกเขายังมีอาวุธที่สุดมหัศจรรย์นั่นก็คือ เหล็ก (พวกอื่นยังใช้ทองแดงกับสำริดอยู่) ดังนั้นเมื่อปะทะอาวุธกัน จึงไม่ต้องคิดเลยว่าใครจะได้เปรียบ หลังจากการรบแล้วจะทำการเผา และทำการกวาดต้อนเชลยมารวมกันทำการสังหารหมู่ และนำหัวมาแขวนไว้ข่มขวัญศัตรู

ชาวสปาตัน (The Spartans)


จำหนังเรื่อง 300 ได้หรือไม่ครับ นั่นละคือชนเผ่านี้ แต่ในความจริงแล้ว ชนเผ่านี้นะ โหดกว่าที่ในภาพยนตร์แสดงเยอะเลย ฉากที่โยนเด็กทารกจากหน้าผานะ ในประวัติศาสตร์นะมีจริงนะครับ พวกเขาจะกำจัดเด็กที่บกพร่องทางร่างกาย (รูปร่างผิดปรกติและพิกลพิการ) ด้วยการโยนจากหน้าผา พวกที่อยู่นั้นพออายุ 7 ปี เด็กผู้ชายก็จะถูกพรากไปจากพ่อและแม่ ไปทำการฝึกเป็นนักรบ และทำการเคี่ยวโดยการให้รบกันเองจนเหลือสุดยอดนักรบ

จักรวรรดิมองโกล


นี่ละสุดยอดนักรบในตำนาน มหาโหด จนสุดโหด กล่าวได้ว่าหากเจงกิสข่านไม่ตายซะก่อนมีหวังโลกทั้งโลกได้อยู่ในอุ้งเท้าของชนกลุ่มนี้แน่ๆ นักรบกลุ่มนี้โหดแค่ไหน ดูจากชื่อเรียกที่ชาวยุโรปเรียกเอาก็แล้วกันครับ Tartar ซึ่งแปลว่าผู้มาจากทาทารัส ซึ่งไอ้เจ้าทาทารัสนี่คือนรกที่ลึกที่สุดในตำนานของกรีก

คำนวณกันว่าระหว่างที่ชาวมองโกลเผยแพร่อิทธพลอยู่นั้นมีคนเสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน และทำให้ภายให้เวลาเพียง 50 ปี ประชาชนในประเทศจีนลดลงไปครึ่งหนึงทีเดียว (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าตายกันแหลกราญ) สาเหตุที่คนตายกันแบบวินาศเช่นนี้เพราะชาวมองโกลมักจะทำการฆ่าแบบล้างเผ่าพันธุ์สำหรับชนเผ่าที่ไม่ยอมจำนน เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู

ในปี ค.ศ. 1346 กองทัพมองโกลเข้าโจมตีเมือง แคฟฟา ของอิตาลี กองทัพของมองโกลไม่สามารถตีเข้าเมืองได้ และในจังหวะนั้นได้เกิดมีกาฬโรคขึ้นในกองทัพมองโกล ไม่รุ้ไปได้แนวคิดสุดโหดมาจากไหน ขณะที่ทหารกำลังตายเป็นใบไม้ร่วง แทนที่จะนำศพไปฝังหรือเผา กับนำเอาศพเหล่านั้นแทนก้อนหินใส่เครื่องยิงเข้าไปในเมืองแคฟฟาทำให้คนในเมืองแตกตื่นจนขวัญหนีเมื่อเป็นศพที่ถูกยิงเข้ามา และแน่นอนโรคนี้ก็เข้าไประบาดในเมือง จนคนล้มตายเป็นจำนวนมาก นี่อาจจะเป็นการใช้อาวุธเชื้อโรคครั้งแรกที่มีการบันทึกก็ได้

แต่ความโหดของกองทัพนี้ยังไม่ได้หยุดแค่นี้ หลังจากตีเมืองแคฟฟาได้แล้วก็ลุยต่อไปข้างหน้าเพื่อโจมตีเกาะชิชิลี และยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีเดียวกันนี้ เล่นเอาในการรบคราวนี้มีคนล้มตายเพราะอาวุธเชื้อโรคชนิดนี้ไปน่าจะไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
BesTBBoY's profile


โพสท์โดย: BesTBBoY
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
112 VOTES (4/5 จาก 28 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ฟีล์ม รัฐภูมิ ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วเศร้าสะเทือนวงการบันเทิงไทย: การจากไปของ ‘อุ้ม พรรษวุฒิ เมทะนี’ ลูกชายพระเอกตลอดกาลราคาหัวหอมในอินเดียพุ่งสูง จนคนหลั่งน้ำตารมว.สาธารณสุขเตือนคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรม หลังป่วยเบาเกินครึ่งล้านสาวโพสต์ กินเสร็จเก็บจานไว้ใต้เตียง 2-3 วัน! แม่แฟนไม่พอใจ ชาวเน็ตถล่มยับคำแถลงจากแม่ของลูก ก่อนกฤษอนงค์ ปิดเพจเลขเด็ดแม่จำเนียรงวดนี้ 16/11/67 คอหวยตามด่วน!ญาญ่าสวยสมใจ เอวเหลือ 20 นิ้วโกโก้ไทย ฮอตไฟลุก! วัยรุ่นจีนแห่แชร์รีวิว โกอินเตอร์กว่า 160 สาขาในแดนมังกร"แมท-ไมกี้" หวานน้ำตาลพุ่ง เสิร์ฟรักร้อนๆ ถึงเตียงเบื่อเสียงไลน์รบกวน? ง่ายนิดเดียว! ปิดเสียงแจ้งเตือน LINE บนมือถือแบบชั่วคราวได้ด้วยตัวเองเรื่องของการ “ผายลม” หรือ “ตด” เรื่องน่ารู้เมื่อคุณ “ตด” และ ตดสามารถบอกโรคได้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ราคาหัวหอมในอินเดียพุ่งสูง จนคนหลั่งน้ำตา"แมท-ไมกี้" หวานน้ำตาลพุ่ง เสิร์ฟรักร้อนๆ ถึงเตียงญาญ่าสวยสมใจ เอวเหลือ 20 นิ้วเบื่อเสียงไลน์รบกวน? ง่ายนิดเดียว! ปิดเสียงแจ้งเตือน LINE บนมือถือแบบชั่วคราวได้ด้วยตัวเองฟีล์ม รัฐภูมิ ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วราชินีดอกไม้ ตอน กุหลาบดำ
ตั้งกระทู้ใหม่