เหตุในป่าช้า
เหตุในป่าช้า
ผมเหลียวหลังมองขอบฟ้าเบื้องตะวันตก เห็นดวงอาทิตย์สีหมากสุกลอยเรี่ยยอดไม้ บ่งบอกเวลาใกล้สนธยาเต็มแก่ ผมชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจเดินหายเข้าไปในดงไม้เบื้องหน้า โดยมีจอบเล่มหนึ่งและถุงปุ๋ยเปล่าหนึ่งใบติดตัวไปด้วย ผมเข้ามาปรากฏตัวในป่าช้าผีตายโหงประจำหมู่บ้าน สถานที่นี้แยกอยู่ต่างหากจากป่าช้าของคนป่วยตาย เพราะประเพณีของคนลุ่มแม่โขงเชื่อว่า คนตายปัจจุบันทันด่วนจะนำความหายนะมาสู่หมู่บ้าน ต้องฝังไว้ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี จากนั้นค่อยขุดขึ้นมาเผาตามประเพณี ดงไม้แห่งนี้ยามกลางวันยังไม่ค่อยมีใครกล้าเสียดเข้าใกล้ แต่เวลานี้ช่วงใกล้ค่ำผมกลับไม่มีท่าทีขลาดกลัว อาศัยได้บวชหนึ่งพรรษาจึงพอทำให้จิตใจหนักแน่นไม่วอกแวก ผมได้ยินชาวบ้านลือกันว่า เห็นปลาไหลขนาดปล้องแขนแถวป่าช้าผีตายโหง อีกอย่างผมเคยมาช่วยชาวบ้านขุดหลุมฝังศพบ่อยๆ บางครั้งฟันจอบลงไปพบปลาไหล
แต่ไม่มีใครกล้านำกลับบ้านไปทำอาหาร เพราะมีคนบอกว่าสัตว์ประเภทนี้ชอบกินเนื้อเปื่อยเน่าทุกชนิดไม่เว้นศพ แต่เวลานี้ผมเข้ามาในป่าช้าเพื่อต้องการปลาไหล เป็นเพราะความจนบีบบังคับให้ผมทำทุกอย่าง เพื่อประทังความหิว อีกอย่างช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมของลูกวัยประถม หากผมโชคดีพบรังปลาไหล จะนำไปขายตลาดที่อยู่ห่างไกลหมู่บ้าน เหตุผลนี้เองผมต้องแอบเข้ามาบริเวณป่าช้าตอนกลางคืน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นพฤติกรรมอุบาทว์ของผม และผมต้องทำทุกขั้นตอนให้เสร็จภายในคืนนี้ ผมนึกถึงลูกสาวทั้งสองคนที่ออดอ้อน อยากได้เครื่องแบบ
นักเรียนใหม่คนละ 3 ชุด ผมไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ ผมส่ายตาหาหลุมศพที่น่าจะมีปลาไหล ต้องเป็นหลุมของคนเพิ่งฝังหมาดๆ ผมรู้ได้ไม่ยากนัก เพราะเมื่อเดือนก่อนมีชายวัยรุ่นคะนอง ขับมอเตอร์ไซค์แหกโค้งตายคาที่ ผมเป็นคนหนึ่งเข้ามาขุดหลุมให้เจ้าภาพ ยวบยาบ! แกรกกราก! ฉับพลันทันใด! เสียงเหมือนตัวอะไรสักอย่างเคลื่อนร่างไปบนใบไม้แห้ง ผมหันขวับมองต้นเสียง พบว่าดังจากหลังพุ่มไม้ขวามือ แดดผีตากผ้าอ้อมเล็ดลอดดงไม้เข้ามากระทบบริเวณนั้นพอดี ผมบังคับใจไม่ให้ตื่นกลัว สืบเท้าเข้าไปหาต้นเสียง ใช้มือแหวกพุ่มไม้เบื้องหน้า เห็นด้านหลังเป็นเนินดิน บ่งบอกว่ามีร่างหนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่เบื้องล่าง ฉับพลัน! “ผะ…ผะ…ผีหลอก!” ผมตะเบ็งร้องในใจ หากปล่อยเสียงออกมาคงดังกลบป่าช้า เพราะเนินดินเบื้องหน้ากำลังปริแยกเหมือนบางอย่างกำลังโผล่ขึ้นมา และคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเจ้าของสถานที่
ก่อนผมจะกลับหลังหันวิ่งหางจุกตูด เศษเสี้ยวหนึ่งของสำนึกผุดขึ้นมาในหัวคิด ผมหยุดขาทั้งสองที่กำลังขยับวิ่ง เหมือนเบรกรถคุณภาพเยี่ยม “ปลาไหล!…ต้องเป็นรังปลาไหล” ผมเปล่งเสียงหลุดริมฝีปาก แต่มีเพียงผมที่ได้ยิน ไวเท่าความคิด ผมสับจอบลงไปตรงเนินดิน หากโชคดีภารกิจนี้คงเสร็จทันแสงสุดท้ายของแดดผีตากผ้าอ้อม “คุณพระช่วย!” ผมอุทานถึงพระตามประสาของคนที่เคยอยู่วัด ขณะดินก้อนแรกถูกขุดขึ้นมา ผมเห็นปลาไหลขนาดปล้องแขนเด็กติดขึ้นมาพร้อมก้อนดิน ผมไม่รอช้า รีบสับจอบเปิดหน้าดินอย่างระมัดระวัง พยายามหลบเลี่ยงไม่ให้คมจอบถูกปลาไหล ถึงอย่างไรผมไม่กังวลมากนัก เพราะเบื้องหน้าคงเป็นรังของมัน ประมาณคร่าวๆน่าจะร่วมร้อยตัวหรือมากกว่านี้ ตามนิสัยของปลาไหลที่ชอบรวมฝูงช่วยกันหาเหยื่อ!!! “โอ้แม่เจ้าโว้ย!” ผมอุทานด้วยใจตื่นเต้น ขณะมองดูปลาไหลเบื้องหน้าที่กำลังยั้วเยี้ย เหมือนฝูงหนอนบนซากหมาเน่า ครุ่นคิดหาทางเอามันเข้าไปในถุงปุ๋ย นึกตำหนิตัวเองที่หยิบมาแค่ใบเดียว คราวหน้าต้องเอากระสอบป่านโน้นเลย ขณะนี้ปลาไหลถูกรบกวนพากันแตกฝูงคนละทิศละทาง เหมือนลาวาปะทุขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ เบียดเสียดทับกันจนท่วมตาตุ่มของผม ผมเขวี้ยงจอบทิ้ง เหลือเพียงถุงปุ๋ยในมือ เตรียมท่ากวาดปลาไหลเข้าปากถุง เหมือนบรรจุข้าวเปลือก
ผมยังไม่ได้ใช้มือกวาดด้วยซ้ำ เพียงวางปากถุงลงพื้น ปลาไหลก็...ตัวเลื้อยเข้าถุงอัตโนมัติ ผมลากปากถุงละไปกับพื้นเหมือนใช้ปุ้งกี๋ตักขยะ พอยกขึ้นก็ได้ปลาไหลปริ่มปากถุง เพียงพอสำหรับงวดแรก เอาไว้คราวหน้าต้องคิดหาวิธีมาเอามากกว่านี้ ปุด! ปุด! ปุด! ฉับพลันทันใด! หลังจากผมใช้เชือกที่เตรียมมาด้วยมัดปากถุงเสร็จสรรพ หัวปลาไหลสามตัวทะลุถุงปุ๋ยออกมา ไวเท่าความคิดผมมองหาท่อนไม้ พอดีเห็นท่อนหนึ่งวางอยู่ใกล้มือ ผมเลยฉวยหยิบแล้วหวดไปที่หัวปลาไหล ตับ! ตับ! ตับ! สัตว์เคราะห์ร้ายทั้งสามเลือดกบปาก ไหลเป็นสายลงไปราดพวกที่ยั้วเยี้ยอยู่พื้นดิน “สมน้ำหน้า อยู่ในถุงดีๆไม่ชอบ” ผมพึมพำอย่างสะใจ ผมลองขยับถุงบรรจุปลาไหล ประมาณน้ำหนักราวปูนหนึ่งกระสอบ ผมยกขึ้นบ่าตั้งท่าเดินหนีจากรังของมัน ไม่ลืมคว้าจอบติดมือไปด้วย ก่อนก้าวขา ผมแวบมองไปที่ปล่องดิน ยังเห็นปลาไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ผมทิ้งภาพนั้นไว้เบื้องหลัง แล้วเบือนหน้าเดินหนี แควกกก…! “แม่งเอ๊ย!” ผมหลุดคำหยาบ ขณะเดินไม่ถึง 3 ก้าวก้นถุงปุ๋ยพลันฉีกขาด ส่งผลให้ปลาไหลมลายหายไปพร้อมชุดนักเรียนตัวใหม่ของลูกสาว “ซวยฉิบหาย!” ผมพึมพำ พร้อมวาดเท้าเตะฝูงปลาไหลเพื่อระบายอารมณ์ ผมมองตามร่างปลาไหลจำนวนหนึ่งปลิวว่อนตามแรงเตะหายเข้าไปพุ่มไม้ เช่นเดียวกับรองเท้าแตะข้างนั้น ผมยืนนิ่งครุ่นคิดเหมือนหุ่นไล่กาครู่หนึ่ง ก็ได้แผนเด็ดผุดขึ้นมาในสมอง “กูจะฆ่าพวก... อยากลองดีกับกูนัก” ผมว่าขมุบขมิบ คิดฆ่าปลาไหลจำนวนหนึ่ง แล้วใช้เชือกที่มีอยู่ มัดรอยขาดของถุงปุ๋ย หากสัตว์พวกนี้ตายคงไม่มีแรงดันถุงออกมาได้
ผมต้องออกจากที่นี่อย่างไม่เสียเที่ยว เขวียว…! ผลัวะ…! ผมหวดด้านสันจอบใส่ฝูงปลาไหลอย่างไม่นับ เลือดสัตว์เคราะห์ร้ายกระเซ็นเป็นฝอย ส่งกลิ่นคาวคลุ้งทั่วบริเวณ เวลาผ่านไปชั่วนาที “เฮ้อ…เหนื่อยตับแลบ!” ผมพึมพำ ขณะทิ้งจอบหอบตัวโยน เหมือนเพิ่งเข้าเส้นชัยวิ่งระยะ 100 เมตรหยกๆ ผมมองฝูงปลาไหลยั้วเยี้ยเปลี่ยนสีจากดำมะเมี่ยมเป็นแดงฉานสะท้อนแดดผีตาก ผ้าอ้อม ผมเหนื่อยล้าร่ำๆอยากทิ้งก้นลงนั่งพัก และเริ่มพะอืดพะอมกับภาพเบื้องหน้า จึงขยับเท้าตั้งท่าก้าวหนีจากบริเวณนี้ ไม่คิดอยากได้ปลาไหลอีกแล้ว ฉับพลันทันใด! “โอ๊ยยย…!” ผมแหกปากลั่น เพราะรู้สึกเจ็บนิ้วโป้เท้าขวา ข้างเดียวที่ใช้หวดเตะปลาไหลและไม่มีรองเท้า “...นรก!” ผมสบถ ขณะตาเหลือกลานมองที่หัวแม่เท้า เห็นปลาไหลตัวหนึ่งง้างขากรรไกรฝังเขี้ยวเข้าไปทั้งดุ้น ผมสลัดข้อเท้าเร่าๆ แต่สัตว์เลื้อยคลานกัดหนึบเหมือนอยากให้อวัยวะของผมหลุดไปพร้อมปากมัน ความเจ็บปวดวิ่งพล่านทั่วร่าง ผมก้มฉวยกลางลำตัวของปลาไหล เกร็งข้อมือบีบจนแน่นแล้วออกแรงดึง แต่ลำตัวของมันลื่นเหมือนทากาวแป้งเปียก สมองผมเริ่มทำงานอย่างหนัก ต้องทำให้ปลาไหลคลายนิ้วเร็วไวที่สุด ก่อนถูกกลืนเข้าไป ผมตะเกือกตะกายเข้าคว้าจอบ เมื่อเห็นมันวางเค้เก้อยู่ด้านหนึ่ง ปุก! ปุก! ปุก! ผมกระแทกใบจอบเหมือนสากตำครก เป้าหมายคือกลางลำตัวปลาไหล
ส่งผลให้มันขาดสองท่อน แต่ยังไม่คลายพิษสง ส่วนหัวยังคงขบเน้นอย่างเดิม ปุก! ปุก! ปุก! ผมกระแทกใบจอบอีกครั้ง คราวนี้เล็งบริเวณหัวปลาไหล ส่งผลให้นิ้วโป้ของผมก็แหลกเละไปด้วย ผมก้มมองอาลัยอาวรณ์อวัยวะตัวเองชั่วแวบ บัดนี้ความตื่นกลัวเอาชนะความเจ็บปวด สมองผมสั่งให้ขาก้าวหนีจากรังปลาไหลเร็วไวที่สุด แต่คำสั่งยังเดินทางไปไม่ถึงเท้า ปลาไหลตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หน้าแข้งของผมต่อหน้าต่อตา แล้วกัดติดหนึบอยู่ตรงนั้น ผมตะลึงจนถึงขั้นช็อกกับท่วงท่ากระโดดฉกของปลาไหล เพราะไม่คิดว่ามันจะมีความสามารถเพียงนี้ และขากรรไกรของมันอ้ากว้าง พอๆงูเหลือมที่เขมือบลิงได้ทั้งตัว กว่าผมจะรู้สำนึกอีกครั้ง ทุกส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อและกางเกง ก็เต็มพรืดด้วยปลาไหลที่ฝังเขี้ยวอย่างเจ็บปวด สำนึกสุดท้ายเวลานี้คือ ผมอยากให้ยมทูตมารับวิญญาณของผมเร็วที่สุด