ทำไมของชายและหญิง ~ สงครามระหว่างเพศ เหตุจากสมอง
ทำไมผู้ชายคุยไปดูทีวีไปไม่ได้
ผู้หญิงถนัดนักเรื่องการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน อาทิ เขียนรายการของที่จะซื้อพร้อมกับทำกับข้าวและบอกสามีให้ดูลูกทำการบ้าน การสแกนสมองบ่งบอกว่า สมองผู้หญิงไม่เคยว่างเปล่าแม้ยามหลับ ในทางตรงข้าม ผู้ชายมักพบว่าเวลาถูกขอให้โทรศัพท์ระหว่างดูทีวีเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า สมองซีกซ้ายและขวาของคนเราเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยกลุ่มเส้นประสาทที่เรียกว่า corpus callosum
โรเจอร์ กอร์สกี้ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในแอลเอ ยืนยันว่าสมองของผู้หญิงมี corpus callosum หนากว่าผู้ชาย 10% และมีการเชื่อมต่อระหว่างสมองสองซีกมากกว่าผู้ชาย 30% ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่า หญิง-ชายใช้สมองคนละส่วนกันเวลาทำงานอย่างเดียวกัน สมองของผู้ชายพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มุ่งเน้นกับงานเพียงงานเดียว ขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำการเชื่อมต่อสมองซีกซ้ายและขวามากขึ้น
ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ยิ่งสมองสองด้านเชื่อมต่อกันมากแค่ไหน คนนั้นยิ่งมีความเป็นเลิศด้านภาษามากขึ้น และยังอธิบายได้ว่า เหตุใดผู้หญิงจึงสามารถปฏิบัติภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ผู้หญิงจะขอให้สามีทำอะไรให้ ควรเลือกจังหวะให้ดีและมอบหมายภารกิจให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทำไมผู้ชายโกหกไม่สำเร็จ
การศึกษาภาษากายพบว่า ในการสื่อสารแบบเผชิญหน้า สัญญาณที่ไม่ใช่คำพูดมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของสาส์นถึง 60% อีก 30% เป็นหน้าที่ของน้ำเสียง และ 10% ที่เหลือถึงเป็นถ้อยคำ
ผู้หญิงมีทักษะในการเลือกสรรและวิเคราะห์ข้อมูลนี้มากกว่าผู้ชาย โดยสมองสองซีกจะส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรวบรวมและถอดรหัสถ้อยคำ ภาพที่เห็น และสัญญาณอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
และนี่คือคำอธิบายว่า เหตุใดผู้ชายจึงโกหกผู้หญิงซึ่งหน้าไม่สำเร็จ แต่ผู้หญิงกลับทำพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ได้ง่ายดายและเนียนเหลือเกิน
ทำไมผู้หญิงมีปัญหาเวลาจอดรถขนานฟุตบาต
งานวิจัยที่มีบริษัทสอนขับรถเป็นสปอนเซอร์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายอังกฤษมีความแม่นยำ 82% ในการถอยรถคนอื่นเข้าจอดขนานกับขอบถนน และ 71% ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ขณะที่ผู้หญิงได้คะแนนเพียง 22% และ 23% ตามลำดับ ทั้งที่เวลาสอบใบขับขี่ผู้หญิงจะได้คะแนนในส่วนนี้ดีกว่าผู้ชาย
สาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายในการเรียนรู้ภารกิจและทำซ้ำภายใต้สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่เหมือนเดิม ทว่า ในสถานการณ์จริงที่การจราจรหมายถึงชุดข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประสิทธิภาพของผู้หญิงจึงด้อยลง ขณะที่ผู้ชายมีทักษะด้านมิติสัมพันธ์สูงกว่าซึ่งเหมาะสมต่อภารกิจนี้ รวมถึงการจดจำแผนที่ในหัวและรู้ว่าต้องเลือกเส้นทางไหน
ถ้าต้องกลับไปที่เดิม ผู้ชายไม่จำเป็นต้องพึ่งแผนที่ เพราะพื้นที่สมองส่วนมิติสัมพันธ์จะบันทึกข้อมูลไว้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจึงลุกจากที่นั่งบนอัฒจรรย์เพื่อลงไปซื้อเครื่องดื่มและกลับมาโดยไม่หลง ขณะที่เรามักคุ้นตากับภาพนักท่องเที่ยวหญิงยืนทำหน้างงใส่แผนที่ตามสี่แยก
ทำไมผู้หญิงใส่ใจความรู้สึก-ผู้ชายหมกมุ่นกับงาน
ผู้ชายมักตีค่าตัวเองจากหน้าที่การงานและความสำเร็จ ขณะที่ผู้หญิงมองตัวเองมีค่าโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์กับคู่ครอง
ในอดีตกาล ผู้ชายเป็นผู้หาอาหารและแก้ปัญหา ซึ่งหมายถึงภารกิจสูงสุดอยู่ที่ความอยู่รอดเฉพาะหน้า ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้านและสร้างหลักประกันการอยู่รอดของลูกๆ แม้แต่ในยุคนี้ ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ผู้ชาย 70-80% ยังบอกว่าส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตคืองาน และผู้หญิงในจำนวนเท่าๆ กันยกให้ครอบครัวมีความสำคัญที่สุด
ผลลัพธ์คือ ถ้าผู้หญิงไม่มีความสุขกับชีวิตคู่จะไม่มีสมาธิกับงาน แต่ถ้าผู้ชายไม่มีความสุขกับงานจะปล่อยปละละเลยชีวิตคู่
เมื่อเครียดหรือรู้สึกกดดัน ผู้หญิงจะมองว่าการได้พูดคุยกับสามีเป็นรางวัลอันมีค่า แต่ผู้ชายกลับรู้สึกว่าการกระทำแบบเดียวกันรบกวนกระบวนการแก้ปัญหา ผู้หญิงอยากคุยและให้สามีกอด แต่สิ่งที่ผู้ชายอยากทำมากที่สุดคือนอนดูฟุตบอล
สำหรับผู้หญิง สามีดูจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด แต่สำหรับผู้ชาย ภรรยาช่างเซ้าซี้กวนใจหรือบางครั้งอวดรู้มากไปหน่อย เมื่อรู้แบบนี้ สามี-ภรรยาควรหาทางสายกลางเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ราบรื่น
ทำไมผู้หญิงมีสัมผัสที่ 6
เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ผู้หญิงเคยถูกเผาทั้งเป็นเพราะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการทำนายแนวโน้มความสัมพันธ์และความจริงที่ซ่อนเร้น
ในการทดลองหนึ่งพบว่า ภายในห้องที่มีสามี-ภรรยาอยู่ 50 คู่ ผู้หญิงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ โดยความสามารถนี้วิวัฒนาการมาจากหน้าที่การดูแลบ้านในอดีตกาล ทำให้ผู้หญิงสามารถฟันธงได้ว่าคู่ไหนรักกันดี คู่ไหนมีปัญหา และผู้หญิงคนไหนน่าคบหรือว่าต้องระวัง
ขณะที่ผู้ชายกลับกวาดสายตาทั่วห้องเพื่อหาทางเข้า-ทางออก ซึ่งมาจากสัญชาติญาณในอดีตในการประเมินแนวโน้มการถูกโจมตีและทางหนีทีไล่ หลังจากนั้น จึงค่อยมองหาคนรู้จักหรือคนที่อาจเป็นศัตรู แล้วค่อยพินิจพิเคราะห์โครงสร้างห้องเพื่อหาจุดที่มีปัญหาและต้องการการซ่อมแซม
ทำไมผู้หญิงชอบสับสนซ้าย-ขวา
ความที่ใช้สมองทั้งสองด้านไปพร้อมกัน ผู้หญิงหลายคนจึงมีปัญหาเรื่องมือขวา-มือซ้าย ในการศึกษาพบว่า ผู้หญิงราว 50% นึกไม่ออกว่ามือซ้ายหรือมือขวาถ้าไม่ได้เหลือบตาลงมอง ทว่า ผู้ชายที่ใช้สมองทีละซีกตอบโจทย์นี้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงทั่วโลกจึงมักถูกเพศตรงข้ามบ่น เพราะชอบบอกให้เลี้ยวขวาทั้งที่จริงๆ แล้วหมายถึงเลี้ยวซ้าย
ทำไมผู้ชายไม่ชอบถามทาง
เรื่องนี้เกี่ยวกับทัศนคติที่ฝังรากมาแต่ดึกดำบรรพ์ที่ผู้ชายต้องออกสำรวจภูมิประเทศรอบๆ ถ้ำเพื่อจะได้กลับบ้านถูกเวลาออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาเลี้ยงครอบครัว
ลูกเมียต่างหิวโหยแต่เชื่อมั่นว่าพ่อบ้านจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จเหมือนเช่นทุกครั้ง ดังนั้นผู้ชายจึงไม่สามารถแสดงอาการกลัวออกมาให้ครอบครัวเห็น และมองว่าการขอความช่วยเหลือหมายความว่าการปฏิบัติภารกิจล้มเหลว
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผู้ชายขับรถออกไปนอกบ้านคนเดียว เขาอาจจอดถามทาง แต่การทำแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิง จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงต้องระวังไม่ทำให้ผู้ชายรู้สึกผิดเวลาคุยปัญหากัน ขณะเดียวกัน ผู้ชายก็จะต้องเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษ แต่ต้องการช่วยแบ่งเบา จึงไม่ควรเก็บปัญหาไว้หนักอกคนเดียว
:: u n z e e n ::
โพสท์โดย: moses