หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เกรียนฟิคชั่น หนังไทยวัยรุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่เกรียน!! [กระทู้รีวิวหนัง สามารถอ่านได้]

เนื้อหาโดย [S]UPERMAN

 

จั่วหัว : "เกรียนฟิคชั่น หนังวัยรุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่เกรียน" 

Grean Fiction : เกรียนฟิคชั่น 

คมนิด จี๊ดเลย : ชีวิตของเราจะมีค่าแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ที่ส่งมันผ่านมาจากความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจตัวเอง

Napat's Rating : (A+) , 10 /10


Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : 

https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans



- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -

 

จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อถ้าจะบอกว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกของปี 2013 ที่ผมให้เกรดนี้ (A+) ทำเอาหลายๆคนที่เคยตามอ่านงานรีวิวของผมเหวอ แต่ผมนั้นเหวอยิ่งกว่า เพราะดูจากตัวอย่างแล้ว หนังไม่น่ามาได้เรื่องได้ราวจนเอาใจไปได้มากขนาดนี้ และต่อจากนี้ เราจะมาดูว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเอาใจนักดูหนังอย่างผมไปได้เต็มร้อย

 

ต่อจากบรรทัดนี้ยังอ่านไปได้เรื่อยๆ ถ้าผมยังไม่ขึ้นเตือนว่าสปอยด์ ก็จงอ่านไปเถิด ไม่ทำให้คุณเสียอารมณ์เวลาดูหนังแน่ๆ

 

ก่อนอื่น ต้องขอเกริ่นก่อนว่าผลงานของพี่มะเดี่ยวนั้น ผมเคยประทับใจมากๆตอนที่พี่เขาทำหนังเรื่อง รักแห่งสยาม ตอนนั้นพี่โอ้รุ่นพี่ผมได้ไปเล่น เราก็เข้าไปเชียร์ไปชม แต่ปรากฏว่าดันประทับใจกับหนังมาก เลยขอติดตามเป็นแฟนคลับรุ่นก้นกุฏิของพี่มะเดี่ยวด้วยตั้งแต่บัดนั้น (ตอนอยู่ประมาณม.4) แต่หลังจากผลงานชิ้นนั้นผมก็ค่อยๆเฟลทีละนิดกะงานพี่ ตั้งแต่ฝันหวานอายจูบ หลุดสี่หลุด ที่ตอนของพี่เขาหลุดสุดกระจุย!! จนมาถึงเรื่อง โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ อันเป็นหนังยอดเยี่ยมในเวทีรางวัลของหลายสถาบันปีที่แล้ว แต่สำหรับผม ผมว่ามันยังไม่ใช่อ่ะ!! มันยังไม่สุด!!! ผมรู้ในใจว่าคนอย่างพี่มะเดี่ยว ผู้ที่เคยฝากผลงานในตำนานอย่างรักแห่งสยาม เขาสามารถทำหนังที่ดีกว่านี้ออกมาได้ และในวันนี้ผมรู้สึกดีใจที่จะบอกว่า หลังจากผมดูหนังเรื่องนี้จบ ส่วนตัวสามารถเอาความรู้สึกมาบอกได้เลยว่า "ฝีมือพี่มะเดี่ยวแบบที่เรารอ" เขากลับมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มาสเตอร์พีซแบบรักแห่งสยาม แต่ผมก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ก็พาเราไปได้สุดทางในตัวของมัน 

 

หนังเรื่องนี้เป็นอีกงานที่พี่มะเดี่ยวสามารถคุมอารมณ์ของหนังได้อยู่หมัดและไม่หลุดโทนเลอะเทอะเกินกว่าที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาไม่แมสนัก ผู้กำกับจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ในการเล่าเรื่องและมีความกล้าหาญในการนำเสนอมากๆเพราะไม่สามารถคาดคะเนความรู้สึกของคนดูได้ ถึงแม้ว่าหลายๆแก๊กจะมีซาวเอฟเฟคเกรียนๆ แต่นั่นถือว่าเป็นส่วนที่จะช่วยเสริมความเกรียนในเรื่องมากขึ้น หนังเรื่องนี้พาเราเข้าไปค้นหาคุณค่าของชีวิตคน ความรู้สึกนึกคิด ความคึกคะนอง การได้ไปรู้จักโลกภายนอกที่แท้จริงของวัยรุ่น ก่อนที่จะก้าวข้ามผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ โดยที่มีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครนำเรื่องอย่างไอ้ตี๋ และตลอดทั้งเรื่อง เราก็เอาใจช่วยมันอยู่ตลอด จนบางครั้งวัยรุ่นอย่างผมดูเข้าแล้วยังนึกถึงภาพตัวเองเป็นมันอยู่ในบางฉาก ไม่ใช่ว่าชีวิตเรากับมันดันเหมือนกันหรอก แต่ผมว่ามันเป็นตัวแทนของความเป็นปัจเจกที่มีอยู่ในตัววัยรุ่นยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือ มันแค่ต้องการให้คนได้เห็นคุณค่าในตัวมันหรือในสิ่งที่มันทำก็เท่านั้นเอง

 

 

[[อ่ะ เตือนละ ต่อจากนี้เพื่อความสนุกของบทรีวิว จะสปอยด์นิดๆ วิเคราะห์หน่อยๆ ใครจะอ่านก็ไม่ว่ากัน ใครไม่อ่านก็ไปรอชมในโรงเลยก็ได้ครับ ออกตัวเชียร์ตั้งแต่บรรทัดนี้เลย]]

 

 

หนังเปิดเรื่องด้วยฉากที่น่าสนใจที่กล่าวถึงการที่วัยรุ่นยุคใหม่มักจะทำตัวเป็นที่น่าสนใจด้วยการทำอะไรสักอย่างที่ต้องเกรียนๆคูลๆ หนึ่งในนั้นอาจผ่านการแชร์คลิปไวรัลในยูทูป ซึ่งเด็กกลุ่มเกรียนฯนี่ก็เป็นต้นแบบของการทำสิ่งนี้ของวัยรุ่นยุคนี้ จึงก่อให้เกิดสี่ตัวนำเรื่อง ได้แก่ ไอ้ตี๋ โอ๊ต ม่อน และโมน เป็นเดอะแก๊งค์นั่นเอง

 

ก่อนที่หนังจะโฟกัสที่ชีวิตของตี๋ ผู้ซึ่งมีอะไรบางอย่างในตัวเองเป็นปมหลายอย่างเช่นเรื่องของครอบครัว จนกระทั่งเรื่องได้พามันเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวอย่างในงานละครเวทีซึ่งต้องมีเอี่ยวกับ "พลอยดาว" ดาวสุดสวยของโรงเรียน จนเป็นเรื่องเป็นราวจนได้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ตัวละครนี้พยายามจะหาทางแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไป ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันสาย แต่อย่างน้อยมันก็ยังคงดีกว่าการที่ไม่ได้ทำอะไร ไม่ใช่เหรอ? เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้นก็จึงหาทางลงมือ ทว่าอะไรๆก็ไม่ได้ง่ายๆขนาดนั้นเพราะชีวิตของคนเราล้วนต้องเกี่ยวข้องกับคนมากมาย จะมีใครสักกี่คนที่จะเห็นหัว เห็นใจ หรือเข้าใจเราได้จริงๆกันเล่า 

 

ในขณะที่ไอ้ตี๋เหมือนจะเจอวิกฤตหนัก แต่รอบตัวมันยังมีเพื่อนๆที่อยู่ข้างมันอยู่ และแต่ละคนก็สร้างสีสันได้เป็นอย่างดีและมีความหมาย โดยเฉพาะน้องเจเจในบทโอ๊ตที่ชอบถ่ายอะไรไว้ตลอดถือว่าโดดเด่นมากๆเลยทีเดียว และยังมีตัวละครอย่างรุ่นพี่ของตี๋ และอาจารย์ที่แสดงโดยตั๊ก บริบูรณ์ สองคาแรคเตอร์นี้เป็นอีกหนึ่งความหวังที่เข้ามาประทังชีวิตของตี๋ไว้ และเป็นคาแรคเตอร์ที่ผมชอบมาก

 

ลองคิดดูว่า ในขณะที่เราอาจรู้สึกว่าเราเป็นตี๋ และในบางครั้งอาจมีเรื่องราวที่เรารู้สึกเฟล เสียใจ ไม่สบายใจ และโทษตัวเราเอง เราอาจไม่ได้รู้หรอกว่าในนั้นอาจไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกผิด แต่มันกลายเป็นว่ารู้สึกผิดกันเป็นทอดๆโดยที่ไม่ต้องมีใครพูดอะไรออกมาเลยจากความผิดพลาดครั้งนั้น หนึ่งในนั้นคือตัวละครรุ่นพี่ละครเวที ที่เขาพยายามจะหาทางแก้ไขชีวิตให้กับตนเองและตี๋เสมอโดยยังมีความเชื่อในความหวังและวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า โดยประโยคนึงที่เขาบอกกับตี๋แล้วทำผมขนลุกเลยคือ 

 

"คนอย่าง...อ่ะ ไม่สมควรที่จะเป็นรอยแผลให้กับชีวิตของใคร"

 

ผมคิดว่าประโยคนี้ประโยคเดียวก็สื่อให้เห็นถึงความเข้าใจในอารมณ์ที่ทั้งสองมีเหมือนกันโดยที่ไม่ต้องบอกเลยว่าพี่เข้าใจ...ที่รู้สึกผิด แต่ตัวเขาเองก็รู้ว่าตี๋มันเป็นคนจิตใจดี มุ่งมุ่นอยู่ลึกๆ แค่ภายนอกมันอาจจะดูห้าวบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าในใจของมันจะห้าวตามไปด้วย

 

และในการที่ชีวิตของเราจะเดินไปข้างหน้า อีกหนึ่งความเข้าใจอย่างยิ่งที่สำคัญเลยคือครูบาอาจารย์ของเรา มีคำกล่าวไว้ว่าถ้าศิษย์มีครูดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เรื่องนี้ก็เปรียบเทียบกลายๆได้เป็นอย่างดีของตัวอย่างครูดี และครูเลว 

 

หนึ่งในคุณสมบัติของครูที่ดีคือการที่เขาต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าเขาจะต้องทำได้ และเอาใจช่วยให้ฝันของเขาได้เป็นจริง ในเรื่องนี้ตัวเอกอย่างตี๋ได้เจอ "ครู" หลายคน ทั้งครูดี และครูเลว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบครูจริงๆ หรือเป็นตลกคณะ เป็นพี่ เป็นเพื่อนซี้ เพื่อนของพี่ รุ่นน้อง หรือเพื่อนระหว่างทาง ก็ได้ทำให้เขาได้รับบทเรียนชีวิตเป็นอย่างดีและทำให้เรารู้จักโลกของคนอื่นมากกว่าที่จะอยู่เพียงโลกของตัวเองไปวันๆ และหนึ่งคำกล่าวของครูที่ดีที่ผมขนลุกทุกครั้งที่ได้ยินและชอบมากๆคงจะหนีไม่พ้นคำว่า

 

"ถ้า...ไปได้ได้ดี แล้ว...อย่าลืมกูนะ"

 

ใช่แล้ว ประโยคนี้เป็นตัวแสดงสัจธรรมของชีวิตได้เป็นอย่างดีว่ายังไงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องก้าวออกไปข้างหน้า สุดท้ายก็ไม่มีใครจะอยุ่ที่เดิมหรือจะอยู่กับใครได้ชั่วนิรันดร์ แต่ลองถามตัวเองว่า แล้วในขณะนั้นในช่วงเวลานึงที่เราได้ใช้เวลาได้กับสิ่งแวดล้อมรอบกายเรา ณ ตอนนั้น เราได้ใช้เวลาได้คุ้มค่าหรือยัง เราได้ทำทุกอย่างตามความต้องการของเรามั้ย เราทำให้ตัวเองและผู้อื่นมีความสุขหรือป่าว เข้าใจผู้อื่นหรือป่าว เห็นทุกคนอยู่ในสายตาอย่างเท่าเทียมหรือไม่ หนังเรื่องนี้เป้นสิ่งที่เตือนส่วนเล็กๆที่เราอาจได้ทิ้งมันไประหว่างทางได้เป็นอย่างดีขณะที่เรากำลังมุ่งมั่นทำสิ่งใหญ่ๆอยู่ 

 

ชัดเจนเลยคือตัวอย่างของการที่เด็กๆแก๊งเกรียนฟิคชั่นผู้ซึ่งต่อมาได้ทำหนังชนะรางวัลในโรงเรียน ได้มาทำหนังที่ใหญ่ขึ้นจนลืมที่จะเห็นความสำคัญของเพื่อนคนนึงที่อยู่ช่วยตลอดมา และเห็นเขาเป็นแค่ส่วนเล็กๆจนทำให้ความนอยด์บังเกิด ผนวกกับปัญหาครอบครัวมารุมเร้า คนอย่างตี๋จึงหนีไปผจญภัยในโลกกว้างตามลำพัง

 

แต่ในการผจญภัยของตี๋ครั้งนี้ก็ทำให้มันได้รับบทเรียนชีวิตหลายอย่างมากมาย เช่นฉากทะเลาะกันในร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วมีคนชักปืนขู่ที่พัทยา ก็เป็นตัวเปิดประเดิมซีนที่มีนัยประมาณว่า "ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันกว้างใหญ่" ตี๋กลายเป็นเด็กน้อย ณ เมืองเหนือทันทีที่เห็นอะไรที่ไม่เคยเจอแบบนี้ จนกระทั่งชีวิตเขาถูกดึงนำไปบาร์เกย์ ผับ ตลาดมืด หาดทรายและทะเล ไปจนถึงคณะตลกคาเฟ่ ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้ชีวิตของผู้อื่นเป็นอย่างดี และยังทำให้เขาได้รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย

 

ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า เพื่อนๆมันไม่ได้ทิ้งมันหรอก พี่มันไม่ได้ทิ้งมันหรอก แต่เมื่อทุกอย่างบานปลายทุกคนก็ออกตามหาตี๋กันทั้งนั้น จนสุดท้ายทุกตัวละครก็จะไปจบที่คำคมแรกของผมว่า ชีวิตของเราจะมีค่าแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ที่ส่งมันผ่านมาจากความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจตัวเอง สุดท้ายไอ้เพื่อนมันก็ต้องหาทางตามหาไอ้ตี๋ให้ได้ และพี่สาว ผู้เป็นหนึ่งเดียวของครอบครัวตี๋ผู้ซึ่งปากแข็ง กำแพงหนามาตลอดเรื่องก็สามารถทำลาย "ทิฐิ" ตัวเองลงได้ด้วยเพียงเส้นบางๆเส้นนึงที่เขาเพิ่งจะสัมผัสได้ก่อนจะสายเกินไป นั่นคือ "ความรัก" นั่นเอง สุดท้ายครอบครัวก็ยังเป็นเสมือนบ้านของเราอยุ่ดี ไม่ว่ามันจะดีร้ายยังไงแต่มันก็คือ"เรา"ที่เป็นส่วนนึงส่วนเดียวกัน 

 

ความดราม่าช่วงท้ายที่ว่าด้วยเรื่องประเด็น "เพื่อนแท้ที่ย่อมหากันจนเจอเสมอ" และ "ครอบครัวที่ไม่จากไปไหน" ทำเอาผมแทบจะร้องไห้ออกมาเลยจริงๆ นี่คือความรู้สึกที่ตื้นตันมากและเป็นสิ่งที่พระเอกอย่างตี๋รอมาตลอดเรื่องนั่นคือ "ความเข้าใจ ที่เกิดมาจากความรักด้วยความจริงใจ" เท่านั้นเอง และนั่นคือสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนทุกคนก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งนี้มิใช่หรือ?

 

ขณะที่หนังมีข้อคิดดีๆสอนใจแล้ว หนังเรื่องนี้ยังดำเนินไปด้วยจังหวะตัดต่อมันส์ ภาพที่สวยสดงดงามมาก ฉากนวลตาด้วยแสงอาทิตย์ก็ดูเหลืองอุ่นชวนให้ระลึกถึงความหวังที่ซ่อนอยู่ในใจเป็นอย่างดี ภาพสโลว์อันเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของเรื่องนี้ และตัดต่อฉึบฉับดำเนินเรื่องไวแต่ก็ไม่ทิ้งคนดูก็เป็นสิ่งที่ทำให้ดูหนังเรื่องสนุกมากตลอดเรื่อง แถมยังมีเพลงเพราะมาแซมเป็นช่วงๆตามสไตล์ของพี่มะเดี่ยวอีก แค่นี้ก็คุ้มค่าตั๋วแล้วละมั้ง 

 

ผมว่ารอบนี้พี่มะเดี่ยวเล่าเรื่องชีวิตวัยรุ่นได้อย่างเข้าอกเข้าใจและเล่ามากลมกล่อมดีมากๆ ผมรู้สึกว่านักแสดงทุกคน องค์ประกอบทุกอย่างของเรื่องนี้มันเป็นส่วนที่เติมเต็มให้เกรียนฟิคชั่น ออกมาสมบูรณ์ได้แบบที่ควรจะเป็นในวันนี้ อย่างพระเอกตี๋ ผมว่าการแสดงแบบใช้สีหน้าและอารมณ์แบบนี้ไม่ง่ายนะที่จะทำให้คนดูเชื่อและเอาใจช่วยตลอดเรื่อง ผมนึกถึงนักแสดงอย่างไรอัน กอสลิ่งขึ้นมาเลยเวลาเห้นหน้าน้องบางฉาก คือไม่ต้องแสดงอะไรมาก แต่ตามันบอกเลยว่าน้องคิดอะไรอยู่ และน้องก็ทำมันออกมาได้ดีมากจริงๆ พี่เชียร์ได้ตลอดเรื่อง ไอ้แก๊งค์เพื่อนก็สุดยอด ไม่ต้องให้บรรยายว่าแต่ละคนเป้นไง เอาเป้นว่าสอบผ่านกันหมด ตัวละครอื่นก็โอเคหมด แต่หนังก็แอบมีทิ้งกิมมิคความสับสนระหว่างตัวละครเล็กๆให้ตีความเอาเองแบบ แตง ในรักแห่งสยาม ก็มีเหมือนกัน ไปดูกันเอาเองว่าเป็นไง

 

สรุปว่านี่คือหนังไทยคุณภาพคับจออีกเรื่องของปีนี้ และเท่าที่ดูมาตั้งแต่ต้นปีรวมทั้งพี่มาก และคู่กรรม ถ้าในด้านคุณภาพ ขอให้เรื่องนี้เต็มสิบเลย คุณค่าของหนังมันถูกสอดแทรกไว้มากกว่าสองเรื่องนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นวัยรุ่น ผมขอแนะนำให้ไปดูเรื่องนี้เถอะ มันน่าจะให้อะไรกับเราได้พอสมควร รวมถึงการที่เราจะได้คำถามหลายๆข้อจากการชมเรื่องนี้มาถามใจตัวเองด้วยว่าสุดท้ายเรามีจุดยืนยืนในชีวิตแล้วหรือไม่ เราได้พยายามเปลี่ยนแปลงวันข้างหน้าด้วยความหวังที่มากพอมั้ย แล้วเราได้ทำสิ่งที่เราต้องการตามความปรารถนาของเราแล้วหรือยัง ทั้งหมดนี้เองที่จะทำให้ชีวิตของเราทุกคนขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็นไปมากที่สุดอันจะนำให้หนทางของเราไป..สู่ฝันนิรันดร์

 

"ถ้าได้ดีแล้ว อย่าลืมกันล่ะ ;)"

 

สวัสดี.

 

 

 

ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ 

ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม 

ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!


https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans

https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent

 

 



ปล.สุดท้ายขอฝากหนังตัวอย่างทีเซอร์ "หนังซอมบี้" ผลงานเรื่องใหม่ของผมไว้ด้วยนะคร้าบ




อันนี้ตัวอย่างหนัง "เกรียนฟิคชั่น" ครับ


ขอลากันด้วยเอ็มวีพลงประกอบหนัง "แดดลมฝน" สุดไพเราะจากหนังเรื่องนี้ครับ ขอเชียร์ให้หนังประสบความสำเร็จนะครับ  ยิ้ม





และอย่าลืมช่วยโหวตให้กระทู้นี้ด้วยนะคร้าบ :)

 

ขอบคุณมากคร้าบ

 

เนื้อหาโดย: [S]UPERMAN
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
[S]UPERMAN's profile


โพสท์โดย: [S]UPERMAN
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
72 VOTES (4/5 จาก 18 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?เลขปฏิทินไทย งวด 2 พฤษภาคม 2567อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเลขเด็ดลุงแป้น 2 พฤษภาคม 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
ตั้งกระทู้ใหม่