หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เสน่ห์ของบราซิล?????

โพสท์โดย bourbon

 

 

 

ไปอ่านเจอบทความของสุภาพสตรีไทยท่านหนึ่ง  ที่แต่งงานกับสุภาพบุรุษชาวบราซิลเลี่ยนแล้วตามสามีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศบราซิล  ลองมาดูมุมมองของเธอเกี่ยวกับสังคมและชีวิตของคนประเทศนี้กันค่ะ(เผื่อสาวๆคนไหนกำลังคบหาดูใจกับหนุ่มประเทศนี้อยู่)

 

  

สุภาพสตรีชาวไทยเจ้าของบทความ(ต้องขออภัยอย่างสูงที่จำชื่อเธอไม่ได้)

 

บทความค่อนข้างยาวหน่อยนะคะ  แต่เห็นว่าอ่านแล้วสนุกและมีสาระไม่ใช่เฉพาะกับคนที่กำลังจะแต่งงานกับคนบราซิลเท่านั้น  แต่นักเรียนนักศึกษา  หรือคนที่จะไปทำงานที่ประเทศนี้อ่านเอาไว้เป็นความรู้ก็ได้ค่ะ


เสน่ห์ของบราซิลในมุมมองของคนมาอยู่ ย่อมแตกต่างจากคนมาเที่ยวที่คิดว่าเสน่ห์ของความเป็นบราซิลคือ งานรื่นเริง บันเทิง ดนตรี และฟุตบอล แต่เสน่ห์ของบราซิลในความคิดของฉันที่แม้จะได้สัมผัสแค่เมืองเซาเปาโลที่มาอยู่ แต่ฉันก็ทึกทักเอาเองเลยว่านี่แหละคือ บราซิล  

 

คนบราซิล - แม้ฉันจะเคยมีประสบการณ์แย่ๆกับคนบางคนหรือหลายคนที่ได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอครั้งแรก แต่เอาเข้าจริง คนบราซิลก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่ฉันเคยตื่นตูมหรอก ช่วงแรกของการมาที่นี่คงเป็นเพราะความไม่ชินและไม่รู้ในความแตกต่างทางวัฒนธรรม ที่สำคัญฉั้นมาจากเมืองไทยที่ผู้คนแสนจะใจดี พออยู่ไปนานเข้าก็พอจะเข้าใจและรู้จักพวกเค้ามากขึ้น ผู้คนที่นี่ค่อนข้างมีเสน่ห์นะ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและนิสัยใจคอบางอย่าง พวกเค้าเป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงออก เปิดเผยมาก บางคนก็มีอารมณ์ขัน ตลกโปกฮา ทะลึ่ง ลามก เจ้าชู้

ขี้เล่น หรือสไตล์สบายๆชิลๆ ก็มีเยอะ แต่น่าเสียดายตรงที่หลายๆคนอาจต้องปรับตัวให้อยู่ในโหมด 'ระวังภัย' กันเล็กน้อย ทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปบ้างหรือดูไม่เชื่อใจใครและไม่ไว้ใจใคร อาจเข้าขั้นดูไม่จริงใจก็มีเยอะ ที่นี่มันไม่ค่อยปลอดภัยน่ะ บางสถานที่แหล่งชุมชนวันดีคืนดีก็มีการปล้น ออกข่าวให้เห็นประจำ ร้านอาหารเอย ตู้ ATM เอย แล้วไม่ได้ปล้นกันธรรมดานะ ปิดร้านปล้นลูกค้า วางระเบิดตู้ ATM ไม่ก็ปล้นแบงค์แบบ 20 แบงค์ภายในวันเดียว0 . 0!!

ปล้นร้านเพชรร้านทองก็บ่อย รถไฟ และรถเมล์ บางวันพนักงานก็หยุดงานประท้วงกันประจำ ประท้วงขอขึ้นเงินเดือน ผู้โดยสารก็เดือดร้อนกันไป ไม่มีรถไฟ ไม่มีรถเมล์ ให้ขึ้น พอมีเข้าซักคันก็ต้องแย่งกัน เบียดเสียดกันขึ้นไม่ว่าจะคนแก่ หรือเด็ก ไม่เว้นแม้แต่คนท้องก็ต้องโดนเบียดโดนผลัก ยิ่งมีการปล้นมากๆคนรวยบางคนกลับยิ่งอยากจะอวดรวย แปลกจัง!! คงเพราะไม่อยากให้คนอื่นดูถูก หรือไม่ก็เพราะอยากเป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา  ไหนจะข่าวอุบัติเหตุ และอาชญากรรมแบบจ้างวานฆ่า แบบเอาปืนจ่อยิงตายคารถ ก็มีให้ดูไม่เว้นแต่ละวันจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา พวกขอทาน คนไร้บ้าน คนติดยา หรือพวกที่ชอบฉกชิงวิ่งราว สำหรับที่นี่เรียกว่า เด็กๆไปเลย =_=!

 

แม้ยังไม่เคยเจอกับตัวหรือเห็นกับตาแค่ได้ยินข่าวเตือนมาก็ผวาแล้ว แต่ก็ถือว่าโชคดีไป!  แต่ที่พูดมาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า น่าเห็นใจที่คนหลายๆคนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับภาวะเครียด หวาดระแวง ระวังภัย มองโลกด้านลบ ทั้งที่เนื้อแท้ของคนบราซิลจริงๆแล้ว พวกเค้าเกิดและเติบโตมากับความบันเทิงเริงรมย์ การร้องรำทำเพลง การท่องเที่ยว การได้แสดงความรักใคร่ชอบพอด้วยการกอด การจูบ การแตะเนื้อต้องตัวอย่างไม่ถือสา การแสดงอารมณ์ได้แบบไม่ต้องปิดบัง หลายคนก็มีอารมณ์ขันดี แม้การพบเจอกับคนบราซิลในครั้งแรก อาจเจอกับท่าทีไม่เป็นมิตรอยู่บ้าง หรือไม่ก็ท่าทีที่เป็นมิตรจนเกิดเหตุก็มี หลายคนมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวก็อารมณ์ดีแต่เดี๋ยวก็โมโหร้าย ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ฉันได้เห็นอะไรมากมายจนเข้าใจเอาเองว่า ยิ่งสังคมทวีความเครียดและความรุนแรงมากขึ้นเท่าไร วัฒนธรรมการไม่เก็บกักอารมณ์ของพวกเค้าก็ยิ่งส่งผลให้ผู้คนระบายออกทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าการแสดงความโมโห ความกลัว ความรัก ความชัง ความดีใจ หรือเสียใจ ผู้คนที่นี่ต่างแสดงออกอย่างไม่ปิดบัง บางครั้งอาจดูเข้าขั้นฟูมฟาย คลุ้มคลั่ง ไม่สมเหตุสมผล เช่น การใส่อารมณ์เชียร์ฟุตบอล ความใจร้อนไม่ยอมกันบนท้องถนน หรือแม้แต่การพูดจาแบบสาดอารมณ์ใส่กัน ซึ่งดูแปลกมากสำหรับฉันซึ่งมาจากวัฒนธรรมไทยที่ไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์กันซักเท่าไร แต่สำหรับพวกเค้ามันเป็นเรื่องปกติจนฉันคิดไปเองว่า บางทีพวกเค้าอาจทำตามกันจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

มารยาทอย่างนึงของคนบราซิล คือ การพูดคุยเมื่อพบประเจอะเจอ แม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกก็ต้องหาเรื่องคุยไปเรื่อย เช่น เจอกันงานสังสรรค์ เจอกันตามที่ต่างๆ จะสังเกตเห็นว่าคนบราซิลจะช่างพูดช่างคุย ช่างเจรจากันมาก บางทีก็คุยกันเหมือนว่าเคยรู้จักกันมาก่อน แม้แต่ฉันซึ่งหน้าตาไม่ได้เข้าพวกเลย บางทีก็ยังมีคนหันมาชวนคุย ถามนู้นถามนี่บ้าง แต่พอรู้ว่าฉันคุยภาษาเค้าไม่ได้ก็จะเลิกคุยด้วยทันที สังเกตหลายทีละ ที่นี่น้อยคนมากที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ถึงพูดได้ก็ไม่ค่อยอยากจะพูดกัน งง? อย่างกับเค้าไม่แคร์ภาษาอังกฤษกันเลยอ่ะ!! แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ก็ยังจะชวนคุยต่อ ปล่อยให้ฉันเดาไป ถ้าเจอกันในลิฟท์ มารยาทอย่างหนึ่งก็คือการกล่าวสวัสดีทักทายและกล่าวบ๊ายบายเมื่อออกจากลิฟท์ จึงดูไม่ออกหรอกว่าใครเป็นคนชอบพูดชอบคุยจริงๆหรือคุยไปตามมารยาท แต่ก็ไม่ใช่จะคุยกับใครก็ได้เรื่อยเปื่อยนะ เพราะในที่ที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องระวังตัวดีๆเหมือนกัน และที่สำคัญกว่านั้น บางคนออกแนวพูดไม่หยุดซะด้วย ไม่รู้สรรหาอะไรมาคุยนักหนา คุยทั้งเรื่องที่ควรคุยและทั้งเรื่องไม่ควรคุย เรียกว่า คุยไปเรื่อยเปื่อย หรือ คุยจนลิงหลับ ก็มีเยอะ~.~

พูดถึงการพบปะเจอะเจอกันในงานสังสรรค์ จะมีมารยาทอีกอย่างที่ต้องทำใจ คือ คนบราซิลจะมาสายเป็นแฟชั่น เรียกว่านัดที สายกันเป็นชั่วโมง ถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะนัดทานมื้อเที่ยงในวันหยุด นัดเร็วก็ไม่ได้ ต้องนัดสายๆไว้ ประมาณบ่ายโมงครึ่งหรือบ่ายสอง แต่กว่าจะมากันพร้อมอาจจะสามโมงหรือสายกว่านั้นแล้วแต่สถานที่ที่นัดและก็แล้วแต่คนด้วย มีบ้างถ้าเป็นวันธรรมดาแล้วนัดเป็นมื้อเย็น คนบราซิลจะนิยมนัดค่ำๆเช่น ทุ่มครึ่งหรือสองทุ่ม แล้วกว่าจะมากันครบ กว่าจะนั่งเมาท์ กว่าจะเสริฟของว่าง และกว่าจะเริ่มรับประทานเมนคอร์ส อาจปาเข้าไปเกือบ 3 ทุ่มได้ แล้วกว่าจะรับประทานเสร็จ แล้วกว่าจะเม้าท์ต่ออีก เสร็จก็สี่ทุ่มห้าทุ่มโน้น การนัดกับคนบราซิลในบราซิล สายแค่ไหนจึงไม่มีสิทธ์บ่นเพราะเค้านัดกันแบบนี้จนเป็นธรรมเนียม เป็นนิสัย เป็นแฟชั่น เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้ากลัวหิวก็ต้องหาอะไรรองท้องไปก่อน ลามไปถึงนัดเรื่องอื่นๆด้วย เช่น นัดช่างซ่อม นัดส่งของรับของ ทุกอย่างเรียกว่า สายได้หมดจนต้องทำใจว่าพวกเค้าไม่เคารพเรื่องเวลาเอาซะเลย ไม่เหมือคนยุโรป เอ๊ะ!!...ว่าแต่นี่เรียกเสน่ห์ป่าวเนี่ย??

 

 

กีฬาและการออกกำลังกาย - ไม่พูดถึงกีฬาฟุตบอลคงไม่ได้สำหรับบราซิล ความสุขความสุขอีกอย่างนึงของคนบราซิล คือ การได้เชียร์บอลมันส์ๆในยามค่ำคืน โดยเฉพาะทีมที่ตัวเองรักลงแข่งใน League ใหญ่ๆสำคัญๆ ทั้งพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟดังลั่นสนั่นเมือง บรรยากาศในสเตเดียมยิ่งฮึกเหิม เสียงโห่ร้อง ตะโกน ร้องเพลงเชียร์ ใส่อารมณ์กันอย่างบ้าคลั่ง เวลาทำประตูได้แทบจะหัวใจวาย ความสุขที่นี่หายากน่ะ การได้ใส่อารมณ์กับกีฬาฟุตบอลจึงเป็นที่โปรดปรานของทุกคน ทุกเพศทุกวัย ลูกเล็กเด็กแดง คนแก่ คนท้อง .... เข้าไปเชียร์ในสนาม ทีมที่ตัวเองรักชนะที ร้องไห้ร้องห่ม ใครไม่มีอารมณ์ร่วมถือว่าแปลก ใครจะตะโกนโวกเวกลั่นถนนก็ไม่มีใครว่า ดูน่ากลัว แต่ก็ดูบ้าๆบอๆดี แปลกดีอ่ะ!! อีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนที่นี่ดูจะใส่ใจเป็นพิเศษก็คือ การออกกำลังกาย เพราะพวกเค้าคลั่งใคล้การมีเรือนร่างที่ดีและการรักการแข่งขันเป็นชีวิตจิตใจ การออกกำลังกายเป็นประจำจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนบราซิลไปเลย คนแก่ไม่ยอมแก่ คนหนุ่มคนสาวก็สวยหล่อตลอด ที่นี่ Fitness และ Personal Trainer เป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งที่เป็นที่นิยม การปิดถนนเพื่อปั่นจักรยานกันในวันอาทิตย์ การวิ่งมาราธอนประเพณีในช่วงปีใหม่ การเล่นฟุตบอลจนเป็นกีฬาประจำชาติ และการเก่งด้านกีฬาหลายๆอย่างจนนำมาซึ่งชื่อเสียงของประเทศ การเต้นโชว์สรีระ เรือนร่าง เซ็กซี่สไตล์แซมบ้า และศิลปะการต่อสู้สไตล์บราซิลอย่าง Capoeira ก็น่าสนใจ ทั้งหมดก็มีสาเหตุมาจากความรักที่อยากจะมีเรือนร่างที่ดีและชื่นชอบการประชันขันแข่ง หลายคนเชื่อว่าการมีเรือนร่างที่ดีเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม หนุ่มหล่อๆที่นี่มักหว่านเสน่ห์ด้วยการอวดกล้ามเป็นมัดๆด้วยการเดินเหินด้วยกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวตามชายหาด สาวๆก็นิยมการใส่บิกินี่ตัวเล็กจิ๋ว เพื่อโชว์เรือนร่าง หน้าอกหน้าใจ แก้มก้นที่สมส่วนงอนงาม และต้นขาใหญ่ๆแต่ฟิตเปรี้ยะ เชพบ๊ะ!! ถือเป็นความภูมิใจของพวกเค้า โดยเฉพาะถ้าใครได้เจอหนุ่มบราซิลที่รักสุขภาพ เรือนร่าง และยังโรแมนติกอีกด้วยละก็ อาจถึงขั้น 'โงหัวไม่ขึ้น' กันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ!! ผู้ชายบราซิลนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะจะบอกให้ ก็ไม่ใช่แค่เรือนร่าง หน้าตาเท่านั้น ยังจะดวงตาคมเข้มและแววตาที่ส่อความเจ้าชู้ ขี้เล่นนั่นอีกล่ะ!! สาวๆบราซิลส่วนใหญ่จึงพยายามกันสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อทำให้ตัวเอง สวย เซ็กซี่ ดูดี ไม่แพ้ใคร ความเชื่อหนึ่งที่ว่าความเซ็กซี่เป็นความงามที่แท้จริงทำให้หลายต่อหลายคนพยายามเซ็กซี่กันแบบไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าต้องออกกำลังกายหนักแค่ไหน หรือต้องศัลยกรรมกระหน่ำขนาดไหน หรือแม้ต้องโชว์เรือนร่างเนื้อหนังมังสา ก็ขอให้บอกมาเถอะพวกเธอจะลงทุนแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว แต่เห็นแบบนี้แล้วบราซิลเลี่ยนก็ให้ความสำคัญกับการคบหาดูใจเหมือนกันนะ ถึงแม้้ One Nigth Stand จะถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าพวกเค้าชอบกันจริงๆก็จะใช้เวลาคบหาดูใจกันก่อนแต่งนานมากด้วย จนกว่าจะแน่ใจว่าพบคนที่ใช่นั่นแหละ

 



ความรักสวยรักงาม - นอกจากเรื่องออกกำลังกายให้เรือนร่างดูดีแล้ว ก็หนีไม่พ้นความรักสวยรักงามของบรรดาสาวๆ ตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ฉันก็ค่อนข้างต่อต้านและต่อสู้กับตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่(สามี)ชอบคะยั้นคะยอและชวนให้ไปร้านเสริมสวยเป็นประจำ ทำผม ทำเล็บทุกสัปดาห์  เสื้อผ้าเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ก็ต้องเนี๊ยบกริบ พิถีพิถันและลงทุน ใส่ใจให้มันดูดี อยู่ไปอยู่มาจึงเริ่มรู้ว่าคนที่เซาเปาโลส่วนใหญ่ก็เหมือนคนเมือง ที่มองและตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับแรก แถมสาวๆที่นี่ก็เริ่มแต่งตัวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน เพราะที่นี่เค้าไม่มียูนิฟอร์มอย่างบ้านเรา และไม่มีอาจารย์มาคอยตรวจตราว่าเล็บยาวมั้ย ผมมัดเรียบร้อยรึป่าว ใช้โบว์ต้องเป็นสีเดียวกัน กระโปรงห้ามสั้นห้ามยาวเกินไป ฯลฯ เด็กผู้หญิงที่นี่เลยเริ่มเสริมสวยกันแต่เนิ่นๆโดยมีคุณแม่นี่แหละคอยตรวจตราดูแล โดยเฉพาะถ้าคุณแม่ก็เป็นประเภทรักสวยรักงามเอามากๆก็ยิ่งอยากให้ลูกเสริมสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า การแต่งหน้า เข้าร้านทำผมทำเล็บจึงถือเป็นเรื่องจำเป็น มาอยู่ใหม่ๆฉันไม่ค่อยชินเพราะคนไทยอย่างเราก็ค่อนข้างสบายๆถ้าไม่ได้ไปไหนไกลจะแต่งตัวยังไงก็ได้ไม่มีใครว่า แค่อย่าโป๊ก็เป็นพอ ฉันไม่ค่อยถนัดใส่อะไรรุงรัง ชอบความเรียบง่าย สะอาดสะอ้าน แต่คนที่นี่ใส่ใจตัวเองมากตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีใครบอกว่าเราเว่อร์หรอกถ้าเราแต่งตัวเยอะๆ เพราะก็เห็นเยอะไว้ก่อนกันทุกคน ทองหยอง นาฬิกาเรือนใหญ่ๆ สร้อย กำไล เห็นแต่ละคนประโคมกันสุดฤทธิ์ ฉันเคยโดนทักว่าดูเหมือนเด็ก บางคนก็มองเราหัวจรดเท้า อยู่ไปอยู่มาตอนนี้ฉันก็เลยติดนิสัยกับการดูแลตัวเองให้มากขึ้นไปด้วย บวกกับความเป็นผู้หญิงที่มีความรักสวยรักงามอยู่บ้างแล้ว และพอทำให้ตัวเองดูดี เราก็รู้สึกดีกับตัวเอง แถมไม่เสียความมั่นใจเวลาต้องพบปะกับสาวๆบราซิลที่ชอบสนทนาเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก เช่น ทำเล็บที่ไหน ทำผมที่ไหน เครื่องประดับสวยจัง กระเป๋าสวยจัง อย่างนี้เป็นต้น แถมพวกร้านทำผมดีๆเค้าก็ฝีมือดีนะ (แม้สนนราคาจะแพงอยู่ซักหน่อย แค่เล็มๆไดร์ๆยังปาเข้าไปเกือบจะ 1,500THB เข้าไปแล้ว) ร้านทำเล็บก็มีให้เลือกมากมายเต็มไปหมด ดูๆแล้วรู้สึกว่าเพื่อความงามของสาวๆร้านเสริมความงามเลยจะมีมากกว่าร้านของกินซะอีกนะ ^ . ^

 

 

 

อากาศ - หลายคนคงคิดว่า ที่บราซิลซึ่งมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็น ป่า เขา ทะเล และชายหาดอันสวยงามมากมาย คงจะมีแดดจัดทั้งปี แต่จริงๆแล้ว อากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวเย็นนะ โดยที่อุณหภูมิจะสูงหน่อยทางตอนเหนือของประเทศไล่ต่ำลงไปทางตอนใต้ของบราซิล ส่วนฉันอยู่ที่เซาเปาโล เรียกว่าเป็นภาคกลางของประเทศ อากาศก็จะร้อนแค่ช่วงหน้าร้อนคือปลายปีถึงต้นปีเท่านั้นเอง นอกนั้นก็เย็นสบาย ไม่หนาวจัดและไม่ร้อนจัด และไม่มีแดดจัด แม้จะมีมลพิษทางอากาศอยู่บ้างเนื่องจากรถติดและควันพิษ แถมฝนก็ตกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอยู่เสมอ แต่วันไหนถ้าอากาศดีๆการเดินไปไหนมาไหน หรือการไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าหรือยามเย็นก็สบาย สดชื่นดี ถ้าให้เทียบกับเมืองไทยที่ร้อนจนตับแทบแลบ เหงื่อไหลไคลย้อย หรือที่นิวซีแลนด์ที่หนาวเหน็บจนเดินตัวสั่น อากาศที่นี่ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของบราซิล แต่ก็อีกแหละ....ข้อเสียก็คือ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้แดดออก พรุ่งนี้อาจฝนตก วันต่อมาอาจหนาวเหน็บหรือหมอกลงจัด แล้วไม่แน่วันต่อมาอีกก็อาจจะร้อนอีก หรืออาจจะหนาวไปอีก 3-4 วัน แล้วก็ร้อนใหม่ เรียกว่า สามารถเปลี่ยนได้ 3 ฤดูภายในหนึ่งสัปดาห์ให้อารมณ์เสียเล่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวีตอยู่ที่นี่คือ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แถมบางที่อากาศชื้นๆเย็นๆก็อาจมี "การัว" ซึ่งก็คือสายฝนปรอยๆบางๆหล่นลงมาเป็นฝอยๆให้หัวเปียกเล่นๆอีกด้วย

ความสะอาด - แม้เซาเปาโลจะไม่ใช่เมืองที่สวยงามหรือสะอาดเอี่ยมอะไร แต่ชอบตรงที่ ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น มด หนู แมลงสาบ จิ้งจก กบ เขียด หรือสัตว์อะไรที่บ่งบอกถึงความสกปรกเลยอ่ะ  ไม่ว่าตามที่พักอาศัย หรือ ตามถนนหนทาง ก็ไม่มีให้เห็น อาจเพราะที่นี่ไม่มีร้านอาหารริมทางเยอะแยะอย่างบ้านเราน่ะ เลยอดเปรียบเทียบไม่ได้กับกรุงเทพฯ ที่แม้แต่ถนนในย่านดีๆอย่างราชดำริ สาทร สุขุมวิท หรือ ย่านช้อปปิ้ง อย่างสีลม หรือสยามฯ กลับยิ่งสกปรก น่าเสียดายมาก ที่สำคัญที่นี่ไม่ค่อยมีหมาจรจัดให้เห็น คนที่นี่รักหมามาก เลี้ยงหมาในคอนโดก็ได้ ส่วนใหญ่เป็นหมาฝรั่งพันธุ์น่ารักๆ ตัวใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่รสนิยม เจ้าของจะเลี้ยงดูอย่างดี เช้าๆเย็นๆก็พาไปเดินเล่น ให้อึให้ฉี่ เจ้าของจะต้องพกถุงพลาสติกไปสำหรับเก็บอึสุนัขของตัวเองทิ้งถังขยะด้วย บางคนก็จ้างคนพาเดินก็มี ถนนหนทางที่นี่จึงไม่มีขี้หมาให้ต้องเดินระวังซ้ายขวาหน้าหลังให้เหนื่อย เห็นแต่หมาพันธุ์ดีๆเดินเล่นไปมา บางคนก็พาไปเดินเล่นห้าง บ้างก็พาไปอาบน้ำตัดขนอย่างดี น่ารักดี^^

ความร่มรื่น -  เซาเปาโล มีต้นไม้เยอะมาก ถึงแม้ต้นไม้ใหญ่ๆในหลายๆแห่งจะแก่และแห้งตายจนทำให้หักล้มลงมาทับบ้านช่อง รถรา หรือถนนหนทางอยู่บ่อยๆเวลาฝนตกหนักๆแล้วมีพายุพัดแรงๆ แต่อีกหลายๆแห่งที่มีต้นไม้ครึ้ม ปกคลุมทั่วบริเวณ และมีคนดูแลดีๆ หลังฝนตกจะเขียวชอุ่มชุ่มชื้น ร่มรื่น อากาศก็เลยไม่ร้อนจัดจนเกินไป ถ้ากรุงเทพฯมีต้นไม้เยอะกว่านี้อากาศคงไม่ร้อนขนาดนี้นะ แถมบางถนนแทนที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่กลับไปปลูกต้นปาล์มสไตล์รีสอร์ท มันก็สวยอยู่หรอก แต่มันไม่ร่มรื่นและไม่ให้ความชุ่มชื้นเท่ากับต้นไม้ใหญ่บางชนิด สวนสาธารณะหลายแห่ง ก็มีไว้ให้เดินเล่น นั่งเล่น และออกกำลังกาย แต่เพราะที่นี่แทบจะไม่มีการสร้างถนนหนทางเพิ่มเติม เลยไม่ต้องรื้อต้นไม้ทิ้ง อยู่ยังไงก็เลยอยู่อย่างงั้นมาหลายสิบปีละ

ธรรมเนียมการมอบของขวัญ คนที่นี่เท่าที่ฉันรู้จัก ชอบให้ของขวัญกันเป็นชีวิตจิตใจ ได้ยินว่าได้รับอิทธิพลจากคนญี่ปุ่นที่มาอยู่ที่นี่ ก็ท่าจะจริงเพราะญี่ปุ่นมีร้านกิฟท์ช็อปเยอะแยะมากมาย ธรรมเนียมการให้ของขวัญ ในวันเกิด วันพ่อ วันแม่ วันปีใหม่ วันคริสต์มาส ฯลฯ ไม่ว่าวันพิเศษไหนๆการมอบของขวัญให้แก่กันถือเป็นธรรมเนียมหรือมารยาทเลยก็ว่าได้ แรกๆฉันรู้สึกเหนื่อยมากกับการต้องไปเดินหาซื้อของขวัญให้กับสมาชิกในครอบครัวสามี เพราะต้องไล่ตั้งแต่พ่อ แม่ พี่น้อง หลานๆ รวมไปถึง เขยและสะใภ้อีก แต่หลังๆก็เริ่มชิน ตามร้านต่างๆเวลาเราเข้าไปซื้อ พนักงานก็จะถามด้วยว่าซื้อเป็นของขวัญรึป่าว ถ้าใช่...เค้าก็ใส่กล่องหรือถุงดีๆหน่อย แล้วก็จะเปลี่ยนจากป้ายราคาเป็นโค๊ดอะไรซักอย่างสำหรับให้ผู้รับเอาไว้เปลี่ยนได้ โดยเฉพาะวันคริสมาสต์ร้านรวงจะแน่นเอี๊ยด เพราะเป็นวันที่สำคัญที่สุดประจำปี คู่สามีภรรยาก็ต้องทำงานหนักหน่อยเพราะต้องไปเดินหาซื้อของขวัญมาให้สมาชิกในครอบครัวของทั้งตัวเองและของภรรยาหรือสามี แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ อย่างฉันตั้งท้อง หลายคนก็ส่งของขวัญมาแสดงความยินดีตั้งแต่รู้ข่าวแน่ะ อาจเพราะคนที่นี่เค้าไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อฉันพี่น้องอย่างคนไทยมั้ง? การมอบของขวัญเลยเหมือนเป็นตัวช่วยในการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่ง

ละครบราซิล ที่นี่มีละครฉายหลายเรื่องหลายเวลาเหมือนบ้านเราไม่มีผิด แต่แตกต่างตรงที่ละครหลังข่าวบ้านเค้า ถ้าเรื่องที่สร้างดีๆ Production ดีๆ ฉายทีฉายได้ 5-6 เดือน มีเรื่องเดียวช่องเดียว(ช่อง Globo) ไม่แข่งใคร ไม่มีโฆษณาคั่นเยอะแยะให้หงุดหงิดรำคาญใจ ยิ่งถ้าเรื่องไหนทำเงิน เนื้อหาก็จะถูกยืดเยื้อออกไปอย่างตั้งใจ เพราะรู้ว่ามีคนทั้งประเทศติดตาม แต่ก็มีเหมือนกันที่บางเรื่องสร้างมาเหมือนเพื่อมาคั่นเวลา เนื้อหาไม่ค่อยดี Production ก็งั้นๆ ไม่เป็นที่นิยมก็จะจบเร็วหน่อย

 

 


 

ยังมีอีกหลายอย่างที่ผู้คนหลายต่อหลายคนให้ความสนใจและอยากจะมาเยือนบราซิลตามคำเล่าลือที่พูดถึง งานรื่นเริงระดับโลกอย่างคาร์นิวัล รวมไปถึงชายหาดอันแสนเซ็กซี่ในริโอ ดิ จาเนโร สำหรับฉั้นทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันประทับใจซักเท่าไร เพราะยังไม่เคยไปร่วมงานคาร์นิวัลเลยซักครั้ง หลายคนบอกว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ขอสารภาพว่าก็ค่อนข้างกลัวกับบรรยากาศอยู่เหมือนกัน ไม่ชอบอยู่ในที่ที่คนเยอะๆอ่ะมันรู้สึกไม่ปลอดภัย การเต้นรำที่ออกแนวยั่วยวน เซ็กซี่ โชว์เรือนร่าง ส่วนเว้าส่วนโค้งสไตล์นี้ก็ไม่ค่อยสันทัด อายแทนคนเต้นอ่ะ! ฉันมันพวกหัวโบราณ!! ก็เป็นคนไทยนี่ ร่างกาย จิตใจเป็นไทยแท้ เกิดและเติบโตในสังคมแบบไทยๆ -_-' ส่วนริโอฯนี่เคยไปนะ ครั้งนึง ยืนยันว่าทะเลสวยมาก วิวและบรรยากาศดีมาก แต่ริโอฯ ไม่ใช่เมืองที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนขับรถเร็ว แท็กซี่ก็ขับรถไม่สุภาพ ปล้น จี้ วิ่งราวก็มีเยอะ มีแหล่งสลัมขนาดใหญ่ ที่วันดีคืนดีกลุ่มตำรวจก็เข้าปราบปรามกลุ่มนักค้ายาเสพติดให้ได้ตื่นเต้นกันทั้งประเทศ แต่ไปที่ชายหาด Buzios ทะเลสวยนะ สะอาด เงียบสงบ แลดูปลอดภัย อยู่ที่ริโอฯนี่แหละ แต่ขับรถห่างจากชายหาดแหล่งท่องเที่ยวหลักไปประมาณ 2 กิโลกว่าได้ สวยใช้ได้ เงียบ สงบ
ฉันพยายามรวบรวมสิ่งที่ประทับใจที่เกิดขึ้นที่นี่ พยายามเรียกมันว่า เสน่ห์ของบราซิล แหม่...คิดออกแค่นี้จริงๆ ไว้จะลองคิดเพิ่มแล้วค่อยมาอัพเดทอีกทีแล้วกัน ...^ __ ^

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

รูปประกอบ  :  google

ที่มา: koychantima.blogspot.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bourbon's profile


โพสท์โดย: bourbon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
56 VOTES (4/5 จาก 14 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ดราม่าพระที่ขุดได้ที่ลาว อายุไม่ถึง 500 ปี พึ่งหล่อมาได้ไม่ถึง 3 เดือน!?4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนเจ้าหน้าที่ภาคพื้นตกจากเครื่องบิน เพราะเพื่อนร่วมงานเลื่อนบันไดหนีเจอมนต์ดำทำเสน่ห์หรือเปล่า ? ผัวนางร้ายถึงหลงมือที่ 3 ขนาดนี้หนุ่ม กรรชัย โอนเงิน 2 บาท ช่วยทนายธรรมราช บอกกล้าขอก็กล้าให้บ้านไหนมีนกพิราบระวังไฟไหม้..เพราะรังใต้ฝ้าเป็นเชื้อไฟอย่างดีจังหวัดทางภาคเหนือของไทย ที่ถูกประกาศจัดตั้งขึ้นใหม่ล่าสุดช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันหน้าร้อนนี้มาล่องเรือชมธรรมชาติตามสายน้ำอารยธรรม"คลองปูลาไซร้”(สกู๊ปพิเศษ)
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนนักวิชาการเตือน อย่าดราม่ากับพระพุทธรูปที่ลาวค้นพบเกาะที่ลึกลับและน่าสงสัยที่สุด ในพื้นที่ของมหาสมุทรอินเดีย
ตั้งกระทู้ใหม่