สัตว์ยักษ์จากยุคก่อนประวัติศาสตร์
ในป่าฝน การค้นหาทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาข้อพิสูจน์เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของยักษ์ใหญ่จากยุคก่อนประวัติศาสตร์กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องพวกเขามีความเชื่อว่า ยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่อยู่จริง ซึ่งมีเหลืออยู่น้อยมาก และยังไม่เป็นที่รู้จักในทางวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าที่มีผิวหนังประดุจชุดเกราะ ที่นักวิทยาศาสตร์เคยได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนน่าขนลุกของมันลึกเข้าไปกลางป่าฝนในบราซิล
ทายาทกลุ่มสุดท้ายของชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวอสุรกายที่พวกเขาเรียกว่า“มาปินกัวรี่ (Mapinguari)” นิทานข้างกองไฟของพวกเขาเหล่านี้กล่าวถึงสัตว์ในตำนานหรือว่าจะเป็นสัตว์ที่รอดชีวิตจากยุคดึกดำบรรพ์กันแน่ในโลกที่สาบสูญไปแล้ว ภาพของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตอยู่–ตัวสลอธยักษ์บางชนิดมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าช้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็ได้รับการยืนยันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว
หากทว่าเป็นช่วงเวลา 20 ปีมาแล้วที่นักสัตวศาสตร์ เดวิดโอเรน(David Oren)ได้ทำการสำรวจเพื่อไขปริศนาของป่าฝนแห่งอเมซอน และเขาเชื่อว่าสายพันธุ์หนึ่งของตัวสลอธยังคงมีชีวิตรอดอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นตัวแทนสุดท้ายของสัตว์ยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์บนพื้นโลกสลอธเป็นตัวแทนความรุ่งเรืองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้อเมริกากลาง และอเมริกาเหนือ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วในช่วงระหว่าง 4 – 8 พันปีที่ผ่านมาดังนั้นความเป็นไปได้ในการที่เจ้าสลอธยักษ์จะยังคงหลงเหลือมีชีวิตรอดอยู่ในดินแดนป่าฝนอเมซอนอันกว้างใหญ่ไพศาล ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหลวไหล
ซึ่งทุกวันนี้มีเพียงสลอธขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนต้นไม้เท่านั้นหลงเหลืออยู่และเป็นที่รู้จักของมนุษย์เราพวกมันถูกพบเห็นได้ทั่วไปในอเมริกาใต้สัตว์ที่เชื่องช้า ขี้เซา และออกหากินเฉพาะเวลากลางคืนเหล่านี้มีขนาดใหญ่ที่สุดก็เพียงสามฟุตเท่านั้นแต่สายพันธุ์ญาติยุคก่อนประวัติศาสตร์ของพวกมัน, “อะรีมาเทเรียม (Arematherium)” กลับมีขนาดใหญ่ได้ถึง 18 ฟุตเลยทีเดียว
ดร. เดวิด เวบบ์ (Dr. David Webb) เป็นศาตราจารย์ทางสัตวศาสตร์และธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้าเขาคำนวณว่าหินที่เชิงเขาเก่าแก่แห่งหนึ่งในทวีปอเมริกามีอยู่มาตั้งยุค อีโอซีน (เมื่อ 2 ล้านปีก่อน)สิ่งนี้ช่วยเป็หลักฐานยืนยันถึงแหล่งพักพิงแห่งสุดท้ายของครอบครัวสลอธที่ยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนสายพันธุ์ อะรีมาเทเรียม ซึ่งหมายถึงสัตว์ที่โดดเดี่ยว
ทีมงานของ ดร. เดวิด เวบบ์ ได้พยายามขุดเอากระดูกเชิงกรานของ สลอธยักษ์อายุ 2 ล้านปีออกมาจากแหล่งขุดแห่งหนึ่งในฟลอริด้าจากการพิสูจน์ ทำให้เราได้ทราบว่า สัตว์ที่เป็นเจ้าของกระดูกเชิงกรานชิ้นนี้เป็นสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ ที่มีหัวยาว2 ฟุต ฟันเป็นบล็อคขนาดใหญ่บนขากรรไกรมหึมา มีกระดูกต้นขาขนาดใหญ่ และหางที่ทรงพลังมันสูงถึง 12 ฟุต เป็นหนึ่งในสัตว์ประเภท “เมก้าฟอน่า (Megafauna)” หรือสัตว์ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ล้มตายไปเมื่อ8,000 ปีก่อน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
ในหมู่บ้านอันแสนห่างไกล ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสมาชิกกลุ่มสุดท้ายของชนเผ่า “คาริโจน่า (Carijona)” ณ ที่แห่งนี้ ตำนานที่เล่นขานกันมาหลายต่อหลายรุ่นเกี่ยวกับสัตว์เหนือธรรมชาติที่พวกเขาเรียกขานกันว่า มาปินกัวรี่เพื่อค้นหาว่า มาปินกัวรี่ นั้นเป็นสลอธยักษ์จริงหรือไม่ ดร. เดอ ซิลวา (Dr. De Silva)จะต้องทำให้ชนเผ่าเหล่านี้ยอมนำทางการสำรวจของเขา แต่หัวหน้าเผ่า – ซาซีม ยังคงไม่ค่อยเต็มใจ เขาพร่ำพูดถึงเรื่องราวของสัตว์กินคนอสุรกายแห่งค่ำคืน และในถ้ำที่มืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใด
ตำนานอสุรกายที่ไม่สามารถฆ่าได้อาจจะบดบังข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นเกี่ยวกับตัวสลอธยักษ์ซึ่งมีเกราะลับ นั่นก็คือกระดูกที่ฝังอยู่ในผิวหนังที่เรียกว่า “เดอร์มอล ออสซิเคิ้ลส์ (Dermal Ossicles)”สิ่งหนึ่งที่ทำให้สลอธมีเหมือนกับญาติของมัน–ตัวนิ่ม ก็คือ กระดูกขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในผิวหนังเหมือนกับชุดเกราะ ในกรณีของสลอธที่มีเดอร์มอล ออสซิเคิ้ลส์ ถ้าหากว่าใช้ปืนยิงมัน ปืนก็จะโดนเกราะกระดูก และไม่โดนอวัยวะภายในที่สำคัญ เจ้ามาปินกัวรี่นี้ก็คงจะถูกฆ่าได้โดยการยิงที่หัวมากกว่าส่วนอื่น
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างตำนาน มาปินกัวรี่ และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เมกาโลนิค สลอธ(Megalonicked Sloth) : เวลายืนมันจะสูงถึง 7 ฟุต,กระสุนปืนไม่สามารถทำอันตรายมันได้,เท้าหันเข้าหาลำตัวและ ดร. เดอ ซิลวา ก็ยังเชื่อมโยงได้อีกจุดหนึ่ง คาดกันว่า สลอธยุคก่อนประวัติศาสตร์มีต่อมกลิ่นที่ท้อง ซึ่งชาวคาริโจน่าก็บอกว่า มาปินกัวรี่ก็สามารถส่งกลิ่นดึงดูดแมลงซึ่งติดตามร่องรอยของมันเข้าไปในป่า
ถึงจุดนี้ ดร. เดอ ซิลวา เชื่อแล้วว่า มาปินกัวรี่มีตัวตนจริงๆ นอกเหนือจากจินตนาการของชาวคาริโจน่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?



