เรื่องเล่าของคนไปมัลดีฟส์ สาระดีแสนสนุก
นำเรื่องเล่า รีวิวดีๆจากคุณSOMCHARTLEEมาฝาก เราว่าอ่านสนุกแถมมีสาระ เหมาะกับคนงบน้อยที่อยากหาฝันไปท่องแดนไข่มุกแห่งอันดามัน มัลดีฟส์ดูสักครั้ง ลองศึกษาดูได้ หรืองบน้อยแต่อยากไปแบบสบายๆอยู่ ตอนนี้ก้พอมีทาง แต่ต้องเป็นลูกค้า ais เท่านั้นนะ เพราะเอไอเอสเขาจักทริปพิเศษคืนกำไรให้ลูกค้า ด้วยการพาไปดำน้ำ ไกลถึง มัลดีฟส์ ในราคา 39,500 บาท จากราคาเต็มปกติทั่วไป 70,000 บาทแหนะ สุดยอดไปเลย ใครอยากไปก้ไลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ลุ้นที่นั่งกันได้ที่ http://on.fb.me/YFmxxw
ขอให้โชคดีน้าาา
เที่ยวสุดคุ้ม ใช้ชีวิตแบบไฮโซ จ่ายแบบโลโซ
เชื่อหรือไม่ว่าผมเดินทางไปเที่ยวมัลดีฟส์ 4 วัน 3 คืนด้วยเงินเพียง 4 หมื่นบาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอาหารทุกมื้อ) ถ้าให้ดูสมเหตุสมผลหน่อยคุณควรจะตั้งงบประมาณไว้ 50,000 บาท เผื่อเหลือเผื่อขาด ดูเหมือนจะแพง แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว มันถูกกว่าไปญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้กระทั่งฮ่องกงอีก เพราะคุณต้องหมดเงินไปกับการช้อปปิ้ง ค่าอาหารการกิน ค่าเดินทางสารพัด ต่อไปนี้คือข้อแนะนำของผมสำหรับคนที่คิดจะไปมัลดีฟส์อย่างประหยัด แต่ถ้าคุณมีงบไม่อั้นล่ะก็ ไม่ต้องคิดมาก ชีวิตเราใช้ซะ
คำถาม: ควรซื้อตั๋วแยกกับที่พัก หรือควรจองเป็นแพ็กเกจดี?
สำหรับการมาครั้งแรก ผมแนะนำให้ซื้อเป็นแพ็คเกจ เพราะคุณจะกำหนด budget ได้ง่ายกว่า แต่แพ็คเกจที่ว่าไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่โรงแรมและสายการบินจะไม่ได้ทำ co-promotion กัน สันนิษฐานว่าโรงแรมและรีสอร์ตที่มัลดีฟส์เขาก็จะเลือกทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินประจำชาตินั้นๆ รีสอร์ตสัญชาติไทยก็มีเพียงน้อยนิด ซึ่งอาจจะทำแต่โปรโมชั่นลดราคาห้องพักผ่าน Agoda, Tripadvisor ฯลฯ เท่านั้น ยกเว้น Club Med ที่มีสำนักงานขายอยู่ที่เมืองไทย จึงไม่แปลกที่จะเห็น Bangkok Airways กับ Club Med จะจัดโปรโมชั่นแพ็คคู่ให้เห็นเป็นเนืองๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ผ่านเอเยนต์หรือโทรสอบถามที่สำนักงานขายโดยตรง เพราะบางทีราคาพิเศษมันก็ไม่ได้ publish อยู่บนเวบไซต์ ครั้งนี้ผมเลือกจองตั๋วผ่าน Yosotravel ได้ราคาค่อนข้างพิเศษ เพราะว่าจองล่วงหน้านานนับ 3-4 เดือน (ซื้อตอนหน้า Low แต่มาเที่ยวช่วงใกล้ต้นหน้า High) ซื้อจนเกือบลืมไปเลย พอใกล้ถึงวันเดินทาง แทบจะนั่งนับวันนับคืนถอยหลังเลยทีเดียว แบบว่าตื่นเต้นกับประสบการณ์ครั้งแรกอ่ะ สำหรับคนที่เริ่มเชี่ยวและมีข้อมูลเกี่ยวกับมัลดีฟส์มากพอ คุณอาจลองทำการจองตั๋วราคาพิเศษแยกกับที่พักในฝันก็ได้ไม่ว่ากันนะครับ
คำถาม: ควรใช้เวลาสักกี่วัน จึงจะได้ประสบการณ์คุ้มค่ากับการมามัลดีฟส์?
ด้วยความงก ตอนแรกผมจองมาแค่ 3 วัน 2 คืน แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ขอไม่เล่าในรายละเอียด ทำให้ต้องอยู่พัก 4 วัน 3 คืน นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก Where where is where where??? ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมแนะนำว่าคุณต้องอยู่ที่มัลดีฟส์อย่างน้อย 3 คืนเพื่อสัมผัสรสชาติทะเลอย่างลึกซึ้ง ถ้ากลัวงบบานปลายให้จัดโปรแกรมอย่างนี้นะครับ พักอยู่ที่ Male (เมืองหลวงของมัลดีฟส์) 1 คืน และอีก 2 คืน ให้พักอยู่บนเกาะที่คุณเลือกเป็นจุดหมายปลายทาง
คืนแรกเน้นซุกหัวนอน ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำความคุ้นเคยกับเมืองมาเล่ซึ่งอยู่ใกล้สนามบินที่สุด ใช้ที่นั่นเป็นฐานทัพในคืนแรก ซื้อทัวร์ออกเรือไปเที่ยวเกาะอื่นแบบ 1-day trip เหมาะมากสำหรับการไปดำน้ำดูปะการังน้ำลึก หรือทะเลน้ำตื้นที่โรงแรม/ที่พักในคืนที่ 2 และ 3 ไม่สามารถพาคุณไปถึง (เลือก route ที่ไม่ซ้ำกัน)
คืนที่สองเดินทางไปยังรีสอร์ตที่คุณจองไว้ เลือกห้องพักแบบธรรมดาที่สุด ที่ Club Med ห้องพักถูกสุดคือห้อง Superior หน้าตาคล้ายบ้านพักสวัสดิการข้าราชการ หลังจากเช็คอินแล้วให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ Enjoy กับกิจกรรมนอกห้องนอน เอาแบบให้เหงื่อยโทรมกาย จะได้กินได้เยอะๆ แบบไม่กลัวอ้วน
คืนที่สามขออัพเกรดเป็นห้องแบบลากูน (Lagoon Suites) เป็นกระท่อมที่ยื่นไปในทะเล เห็นวิวทิวทัศน์มัลดีฟส์แบบเต็มตา คืนสุดท้ายนี้เน้นกิจกรรมภายในร่ม (จะทำอะไรก็แล้วแต่วิจารณญาณและจินตนาการส่วนตัว) เนื่องจากห้องพักมันหรูและเก๋สุดเปรียบเทียบกับคืนก่อนหน้านี้ เราควรใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศ นิ่งๆ ชิลล์ๆ เรียกได้ว่าเริ่มต้นอย่างสมบุกสมบันแล้วค่อยมาฟินจบแบบ…สุดยอด
ถ้า 3 คืนมันยังไม่หนำใจ ให้เพิ่มอีก 1 คืนที่มาเล่ เผื่อไว้สำหรับการจัดการเวลาให้เข้ากับตารางของเที่ยวบิน และการออกเรือด้วย จะได้ไม่ฉุกละหุกและหวาดเสียวจนเกินไป เพราะว่าถ้าตกเครื่องตกเรือขึ้นมาล่ะก็ อาจหมดสนุกและแถมยังต้องเสียตังค์เพิ่มโดยใช่เหตุ
คำถาม: อาหารการกิน และค่าครองชีพที่นี่แพงมั๊ย?
ถ้าเทียบกับเมืองหลวงทั่วไป ที่นี่ค่าครองชีพก็ไม่นับว่าแพงมากจนรับไม่ได้ ในเมืองมาเล่ มีตลาดปลา และตลาดสดให้ช้อปพวกผักและผลไม้ ส่วนของใช้และอาหารสำเร็จรูป หาได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ราคาสินค้าค่อนข้างแพงเพราะต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด ที่น่าแปลกใจคือผลิตภัณฑ์ของไทยนี่ชนะเลิศนะ ผมเห็นพวกเครื่องแกง เครื่องดื่ม และขนมหลายชนิดเป็นสินค้าที่ผลิตในไทย ยี่ห้อที่คุ้นตานอกจากกระทิงแดงแล้ว ก็ยังมีมาลี, ดัชมิลล์, โมกุ โมกุ, มันฝรั่งยี่ห้อแจ๊กซ์ ฯลฯ
มาถึงที่นี่ไม่ต้องแลกเงินท้องถิ่นมานะ แค่พกเงินดอลล่าร์มาก็พอ ไม่จำเป็นไม่ต้องซื้ออะไร เพราะไม่มีอะไรน่าซื้อ อาหารการกินก็ให้ฝากท้องกับที่โรงแรมทั้ง 3 มือ (ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมอยู่ในค่าที่พักอยู่แล้ว) พยายามเลือกกินเมนูปลาเป็นหลัก เพราะเขาจับมาสดๆ ส่วนเนื้อสัตว์ประเภทอื่น เขานำเข้ามาเกือบหมด รวมถึงกุ้งลอบสเตอร์ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องสั่งอาหารนอกเมนู อยากกินหรูกว่านี้ กลับมาเมืองไทยก็ค่อยว่ากัน อย่างที่คลับเมดนี่ บุฟเฟต์ทุกมื้ออยู่แล้ว ทั้งกินและดื่มไม่อั้น อะไรที่ไม่ค่อยอร่อยและไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องกระ***กระสนเสกเข้าพุงทั้งหมด ตอนเอาเข้ามันง่าย แต่ตอนเอาออกมันยาผม้มั๊ย!!!
คำถาม: มาถึงมัลดีฟส์ ควรทำกิจกรรมอะไรบ้าง?
อันนี้แล้วแต่เลย ถ้าคุณเป็นคนโสด คุณคงอยากตื่นขึ้นมาแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น วิ่งจ็อกกิ้งริมชายหาด ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วพอสายๆ ก็ออกเรือไปดำน้ำดูปะการัง กลับมาว่ายน้ำต่อ กินข้าวเที่ยงแล้วก็ไปเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด ตีปิงปอง เหนื่อยแล้วก็หยุดพักอ่านหนังสือ หรือไปนวดสปา นั่งสมาธิ โยคะ ทานอาหารเย็น ดูโชว์ ชวนกันปาร์ตี้ จิบ cocktail กลับเข้าห้องพัก นั่งบวกเลข ฟังเพลง ดูละคร โอ๊ยเยอะ ส่วนคู่รัก ก็เน้นกินนอน อาบแดด แช่น้ำนม ชมจันทร์ อะไรประมาณนั้น ที่มัลดีฟส์มันดีอยู่อย่างก็คือ คุณอยากหยุดเวลา ใช้ชีวิตแบบสโลซบ หรือคุณอยากไฮเปอร์ ถ่างตาทั้งวันทำกิจกรรมไม่รู้เบื่อก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีข้อห้ามเยอะแยะ แต่ขออย่างนึงเหอะ คืออย่ามัวเป็นบังอรเอาแต่นอน ใช้ประสาททั้ง 5 สัมผัสธรรมชาติให้คุ้ม เพราะเมื่อไหร่คุณปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดจมูก และปิดการสัมผัส เมื่อนั้นคุณไม่ต้องมาไกลถึงมัลดีฟส์ อยู่เมาดีพที่บ้าน จะคุ้มกว่ามั๊ย!