ข้อเท็จจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11
เช้าวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น เมื่อตึกแฝด เวิล์ดเทรดเซนเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก ถูกเครื่องบิน 2 ลำพุ่งเข้าชนโดยฝีมือของผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ จากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมเกือบ 3,000 คน และนับเป็นเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดกับสหรัฐอเมริกา แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแต่เหตุการณ์นี้ก็ยังมีความสำคัญกับโลกปัจจุบัน และนี่คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ที่คุณอาจจะยังไม่รู้
- ในวันนั้น ตึกที่ถล่มลงมานอกจากตึกเวิร์ดเทรดเซนเตอร์แล้ว ยังมีตึก third skyscraper- WTC Building 7 ที่ถล่มลงมาด้วย ซึ่งสาเหตุไม่ได้เกิดจากโดนเครื่องบินชน แต่เพราะมันอยู่ใกล้ตึกแฝดทั้งสองมาก
- หลังจากตึกถล่มลงมาแล้ว มีผู้รอดชีวิตถูกช่วยออกมาได้ 20 คน หลังจากถูกฝังอยู่ใต้ซากตึกกว่า 20 ชั่วโมง และมีผู้รอดชีวิตจากชั้นที่อยู่สูงกว่าชั้นที่ถูกเครื่องบินพุ่งชน เพียง 4 คน ที่หนีออกมาทันก่อนที่ตึกจะถล่ม (ทั้ง 4 คนหนีออกมาจากตึกทางใต้ ส่วนตึกทางเหนือไม่มีผู้รอดชีวิต)
- นอกจากชาวอเมริกาแล้ว ประเทศที่สูญเสียประชาชนไปจากเหตุการณ์นี้มากเป็นอันดับสองคือ อังกฤษ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 67 คน จากในชาวต่างชาติทั้งหมด 372 คน
- ไฟไหม้ที่เกิดในบริเวณซากปรักหักพังของเวิร์ลเทรดเซนเตอร์จากการถูกเครื่องบินชน ใช้เวลาถึง 99 วันจึงจะดับลงหมด
- เหล็กจากซากตึก หนัก 185,101 ตัน ถูกนำไปหลอมและขายต่อให้กับจีนและอินเดีย ซึ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับชาวอเมริกันมาก เพราะเหล็กพวกนี้ถูกนำไปขายก่อนจะมีการนำมาพิสูจน์หลักฐาน ส่วนเหล็กที่ยังเหลืออยู่ก็ถูกนำมาเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
- บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ที่สุด คือ Global financial services firm Cantor Fitzgerald ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่บนตึกเวิล์ดเทรดเซนเตอร์ชั้น 101 และ 105 โดยมีพนักงานเสียชีวิต 658 คน จาก 960 คน หลังจากนั้น บริษัทได้ให้สัญญาว่าจะเปิดทำการต่อไปและจะช่วยเหลือด้านการเงินแก่ครอบครัวของพนักงานที่เสียชีวิต 10 ปีผ่านไป บริษัทได้ให้เงินช่วยเหลือไปเป็นจำนวนมากกว่า 180 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ
ที่มา MSN Lifestyle , Yahoo News
แปลและเรียบเรียงโดย
ทีมงาน everyday-readers.com