“ความจริง” ที่แฝงอยู่ในคำพูดของชายคนรัก

เรื่อง  :  วาตะ

ผู้ชายหลายคนชอบพูดจาแฝงไว้ซึ่งความนัย ไม่ยอมพูดหรือบอกอะไรตรงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงแรกเริ่มของการรู้จักกัน 
หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่เปิดเผยท่าทีของตนออกมา เพราะคนไทยถูกสอนให้ขี้เกรงใจ ทำให้ไม่ค่อยจะยอมพูดอะไรออกมาก 
จึงกลายเป็นว่าต้องอาศัยการพูดที่อ้อมโลก ต้องนั่งเทียนเอาเองถึงจะเข้าใจ เหมือนที่บางทีโดนเรียกไปว่า “อาร์ตตัวพ่อ” 
เคล็ดรักฉบับนี้จึงมาเผยไต๋ว่าสิ่งที่ผู้ชายเหล่านั้นพูด ต้องการสื่อความหมายใด

ช่วงนี้ผมงานยุ่ง
      ประโยคสุดคลาสสิกที่ฟังกี่ทีก็ไม่เข้าใจ ก็เห็นงานยุ่งตลอดทั้งปี ตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มคบ แล้วอยู่ดีๆ จะมาบอกว่างานยุ่งทำไม 
โอเค ถ้าได้โปรเจ็คต์ใหม่มาก็ว่าไปอย่าง แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ต้องทำงาน 24 ชั่วโมงหรืออย่างไร ถึงไม่มีเวลาโทรหาเนี่ย 
ถ้าเขาบอกแบบนี้กับคุณ พร้อมแสดงพฤติกรรมที่เริ่มแปลกๆ เช่น เวลาคุยกันก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากคุย ไม่พยายามที่จะติดต่อ 
นั้นแหละสัญญาณเลย แปลได้ง่ายๆ ว่า “ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว” เขาอาจจะกำลังเจอคนที่ใช่มากกว่าคุณและพยายามที่จะ
ห่างคุณอยู่ก็เป็นได้

ให้ผมส่งคุณกลับบ้านเถอะ
      ถ้าเขาอยากสานสัมพันธ์กับคุณ เขามักจะหาโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคุณให้นานที่สุด นอกเหนือจากการไปเที่ยวด้วยกันแล้ว 
การไปส่งคุณที่บ้าน นอกจากเป็นการยืดเวลาที่ได้อยู่กับคุณแล้ว ถ้าหากเจอครอบครัวของคุณ เท่ากับว่าเหมือนการสร้างการ
ยอมรับแบบหนึ่งด้วย แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเขาทำเช่นนี้กับคุณเพียงคนเดียวหรือไม่ เพราะถ้าไม่จะได้ไม่คิดไปฝ่ายเดียว ดังนั้นหาก
ผู้ชายเอ่ยปากขอไปส่งคุณที่บ้าน หรืออย่างน้อยใกล้บ้านคุณที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งๆ บ้านเขาอยู่คนละทิศกับคุณก็ตาม แสดงว่าเขาคง
มีใจให้คุณเข้าแล้วล่ะ

คุณว่าผมกำลังโกหกอยู่หรือ
      คนเราบางครั้งก็คงมีบ้างที่ต้องโกหกกัน แต่สำหรับคนที่คบกันบางคนอาจจะบอกว่า ไม่ได้ยังไงก็ห้ามโกหก แต่หากเราเกิด
จับพิรุธขึ้นมาได้ว่าท่าทีของเขาดูเป็นการโกหก และเมื่อเราซักไซ้ไล่เรียงหรือถามเขา ผู้ชายบางคนก็พร้อมยอมรับโดยดุษฎี
พร้อมการขอโทษและเหตุผลที่โกหก แต่สำหรับผู้ชายอีกประเภทก็คือคนที่พูดว่า “คุณว่าผมกำลังโกหกคุณอยู่หรือ” ด้วยน้ำเสียง
ที่ออกอาการหงุดหงิด โมโห อาจใช้เสียงดังเพื่อกลบเกลื่อน แสดงความไม่พอใจ เพราะเขารู้ว่าหากแสดงออกแบบนั้นจะทำให้คุณกลัว 
และจะไม่กล้าคิดว่าเขาโกหกนั่นเอง ดังนั้นเมื่อไรที่เขาแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณ จำไว้เลยว่าเขาจะต้องมีเรื่องราวใหญ่โตอะไร
ปิดบังอยู่แน่นอนระวังตัวไว้ให้ดี

ผมคงเป็นผู้นำครอบครัวใครไม่ได้ในตอนนี้
     ต่อให้เขาเป็นคนชอบล้อเล่นกับคุณอยู่บ่อยๆ ก็ตาม แต่ยังไงก็จะไม่ล้อเล่นด้วยคำพูดประเภทนี้แน่ และนั้นหมายถึงเขาต้อง
จริงจังตามความหมายที่พูดอย่างแน่นอน เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นพวกจริงจังกับความรัก และก็มักจะหวังให้ได้มีบทสรุปด้วย
การแต่งงาน หากรักใครสักคนแต่ไม่อยากแต่งงาน ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่สามารถเป็นผู้นำครอบครัวได้ แสดงว่าเขาคงต้องมี
สาเหตุอื่นแน่ๆ ไม่ใช่เพราะไม่พร้อม แต่เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะแต่งงานกับคุณ หรือแรงกว่านั้นอาจจะคิดเพียงคบเล่นๆ ก็เป็นได้
 เขาจึงอยากให้คุณเตรียมใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ว่าต่อไปหากเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่อยากจะรับผิดชอบ
อะไรมากมาย 
     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เขาเอ่ยประโยคทำนองนี้ออกมาจะเป็นเพราะด้วยสาเหตุใดนั้น คงต้องพิจารณาหาสาเหตุที่แน่ชัดเป็นรายๆ ไป
 แต่สิ่งที่แน่ใจคือ ในคำพูดของเขานั้นแฝงไว้ด้วยนัยที่คุณควรต้องระมัดระวังและหาทางรับมือกับมันให้ดี

โทรมาทำไม มีธุระอะไร?
     ตัดรอนกันสุดๆ สำหรับประโยคแบบนี้ ถ้าเขากล่าวคำแบบนี้กับคุณหลังจากที่คบกันได้สักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วอยู่ๆ เขาก็เริ่ม
ทำตัวเหินห่าง  เมื่อคุณเป็นฝ่ายโทรไปหาก่อน เขาก็กลับตอบมาด้วยประโยคถามกลับว่า “มีธุระอะไร” ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
และเหินห่าง ราวกับว่าถ้าไม่มีธุระทีหลังก็อย่าโทรมา ทั้งๆ ที่คุณโทรมาเพราะคิดถึงและเป็นห่วง หากเขาตอบกลับแบบนี้กับคุณจริง
 แสดงว่าเขาไม่ได้รู้สึกหรือสนใจอะไรในตัวคุณเป็นพิเศษอีกต่อไปแล้วล่ะ รวมถึงพยายามทำร้ายจิตใจคุณ ตั้งแง่เย็นชากับคุณ 
หวังให้คุณจะไม่ชอบและบอกเลิกเขา ซึ่งนั่นควรกลับมาคิดพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาแล้ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่ เดี๋ยวกลับมา 
    เชื่อไหมว่าห้องน้ำเป็นเรื่องที่เซ็นซิทีฟกว่าที่คิด ลองคิดดูว่าเวลาคุณอยากเข้าห้องน้ำ คุณยังเขินๆ ที่จะบอกเขาเลยจริงๆ ไหม 
แล้วยิ่งเข้าไปนานๆ ยิ่งอายเข้าไปกันใหญ่ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีโทรศัพท์ดัง หรือมีข้อความส่งเข้ามาหาเขา และเขาก็
ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเป็นพิเศษ นอกเสียจากหยิบมาดู อย่างมากก็อาจมีอาการกระสับกระส่ายเล็กน้อย หลังจากนั้นก็
ขอตัวไปเข้าห้องน้ำหรือขอตัวไปสูบบุหรี่ ไม่ต้องเสียเวลานั่งเดาเลย เพราะคำพูดขอตัวประเภทนี้ พูดเพื่อหาทางเลี่ยงไปโทรศัพท์
อย่างแน่นอน และไม่อยากให้คุณรู้เสียด้วยว่าคุยกับใคร
       จริงๆ แล้วคำพูดที่สื่อออกมานั้นไม่มีใครสามารถเข้าใจในเจตนาของผู้พูดได้หมดหรอก ส่วนใหญ่จะตีความจาก
ความหมายโดยตรงกันทั้งนั้น หากคุณไม่อยากให้ใครเกิดความเข้าใจผิดจากคำพูด คุณก็ควรพูดออกมาตรงๆ ตาม
ความรู้สึก รวมถึงแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แล้วความบาดหมาง ความเข้าใจผิดจากคำพูดก็จะลดน้อยลง

ซ้ำขออภัยค่ะ

รูปประกอบ : อินเตอร์เน็ต