หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ครูบาศรีวิชัย นักบุญที่ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา

โพสท์โดย กูล่ะท้อ กูล่ะเหนื่อ

ครูบาศรีวิชัย นักบุญที่ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา

         

ครูบาศรีวิชัย เดิมชื่อ อินทร์เฟือน ไม่ทราบนามสกุล เป็นบุตรของนายควายและนางอุสาห์ เป็นชาวบ้านปาง ตำบลแม่ตืน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ เวลา ๒ นาฬิกา ๕ นาที ๓๐ วินาที รวมอายุ ๖๐ ปี ตลอดชีวิตได้ดำรงสมณเพศเป็นภิกษุผู้ที่ปฏิบัติเคร่งครัด เป็นภิกษุผู้ทรงคุณธรรม มักนิยมสันโดษ ฉันอาหาร วันละ ๑ มื้อ เว้นฉันปลา เนื้อ นอกจากผักและถือมังสวิรัติ คือ เว้นจากของเสพติด เช่น หมาก เมี่ยง บุหรี่ เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่พุทธศาสนาและสังคม ท่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์แบ่งปันอาหารเครื่องบริโภคแก่สหธรรมมิกของท่านแก่ผู้ยากจนทั่วไป และเป็นพระนักพัฒนา ชอบก่อสร้าง การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม อันเป็นสาธารณะสมบัติเก่า สร้างถนน สร้างสะพาน 


ผลงานของท่านที่สำคัญ คือ 

สร้างวิหารพระอัฏฐารสลำพูน 

สร้างวิหารพระแก้วลำปาง 
วิหารวัดพระแก้วดอนเต้า ลำปาง 

สร้างพระธาตุช่อแฮจังหวัดแพร่ 

สร้างวิหารหลวงวัดทุ่งเอื้อง จังหวัดพะเยา 

สร้างวิหารวัดพระสิงห์ เชียงใหม่ 

สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ 

สร้างวิหารวัดพระนอนขอนม่วง อำเภอเมืองเชียงใหม่ 

พระธาตุจอมแจ้ง 

วิหารพระบาทสี่รอย 

กุฏิหลวงบ้านปางลำพูน 

ประตูเมืองลี้ 

พระธาตุดอยซาง 

พระธาตุดอยตุง 

บูรณะหอธรรมวัดพระสิงห์ 

พระธาตุบ้านปางอำเภอลี้ลำพูน 

บูรณะพระธาตุดอยตุง 

พระธาตุแม่ตืน 

วิหารพระนอนสบลี้ 

บูรณะพระธาตุดอยกู่แก้วลำปาง 

เป็นต้น 


ครูบาศรีวิชัย พระภิกษุผู้ยึดมั่นในจารีตท้องถิ่น เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ ครูบาศรีวิชัยสะสมบุญด้วยการเดินทางไปบูรณปฏิสังขรณ์ ศาสนสถานต่าง ๆ ทั่วอาณาเขตวัฒนธรรมล้านนา สร้างความศรัทธาให้เกิดแก่ชนทุกกลุ่ม ถึงกับยกย่องให้ท่านอยู่ในฐานะ “ตนบุญ” ด้วยเหตุที่ครูบาศรีวิชัย เป็นที่ศรัทธาว่ามีสถานะและบารมีสูงสุด การบูรณปฏิสังขรณ์ของครูบาศรีวิชัยในระหว่าง ปีพ.ศ.2463-2478 อาทิ บูรณะวัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ วิหารวัดพระเจ้าตนหลวง พะเยา วิหารวัดพระสิงห์และวัดสวนดอก เชียงใหม่ ฯลฯ จึงได้รับการสนับสนุนจากชนทุกกลุ่มของสังคมล้านนา ก่อให้เกิดขบวนการฟื้นฟูศาสนาทั่วเขตวัฒนธรรมล้านนา ดังที่ อ.สนั่น ธรรมธิ จากสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กล่าวถึงลักษณะความเป็นตนบุญของครูบาศรีวิชัยไว้ว่า ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งใจ และความมุ่งมั่นสูง รวมทั้งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เช่นเดียวกัน

ในขณะที่ครูบาศรีวิชัยกำลังบูรณะวัดสวนดอกเชียงใหม่ใน พ.ศ.๒๔๗๕ อยู่นั้น หลวงศรีประกาศได้หารือกับครูบาศรีวิชัยว่าอยากจะนำไฟฟ้าขึ้นไปใช้บนดอยสุเทพ แต่ครูบาศรีวิชัยว่าหากทำถนนขึ้นไปจะง่ายกว่าและจะได้ไฟฟ้าในภายหลัง ทั้งนี้ทางการเคยคำนวณไว้ในช่วง พ.ศ.๒๔๖๐ ว่าหากสร้างทางขึ้นดอยสุเทพนั้นจะต้องใช้งบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ครูบาศรีวิชัยได้เริ่มสร้างทางเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๗ และเปิดให้รถยนต์แล่นได้ในวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๘ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเลย ครั้นเสร็จงานสร้างถนนแล้ว ครูบาศรีวิชัยก็ถูกนำตัวไปสอบอธิกรณ์ที่กรุงเทพฯอีกเป็นครั้งที่สอง และงานชิ้นสุดท้ายของท่านที่ไม่เสร็จในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คือสะพานศรีวิชัยอนุสรณ์ ทอดข้ามน้ำแม่ปิงเชื่อมอำเภอหางดง เชียงใหม่ กับอำเภอเมืองจังหวัดลำพูน 


ในการก่อสร้างต่าง ๆ นับแต่ พ.ศ.๒๔๖๓ ถึง ๒๔๗๑ มีผู้ได้บริจาคเงินทำบุญกับท่าน ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ รูปี คิดเป็นเงินไม่น้อยกว่าสามหมื่นห้าพันบาท รวมค่าก่อสร้างชั่วชีวิตของท่านประมาณสองล้านบาท นอกจากนั้นท่านยังได้สร้างคัมภีร์ต่าง ๆ อีกไม่น้อยกว่า ๓๐๐๐ ผูก คิดค่าจารเป็นเงิน ๔,๓๒๑ รูปี(รูปีละ ๘๐ สตางค์) ทั้งนี้ แม้ครูบาศรีวิชัยจะมีงานก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และมากมาย แต่บิดามารดาคือนายควายและนางอุสาก็ยังคงอยู่ในกระท่อมอย่างเดิมสืบมาตราบจนสิ้นอายุ 


ครูบาศรีวิชัยซึ่งเป็นคนร่างเล็กผอมบางผิวขาว ไม่ใช่คนแข็งแรง แม้ท่านจะไม่ต้องทำงานประเภทใช้แรงงาน แต่การที่ต้องนั่งคอยต้อนรับและให้พรแก่ผู้มาทำบุญกับท่านนั้น ท่านจะต้อง"นั่งหนัก"อยู่ตลอดทั้งวัน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงอาพาธด้วยโรคริดสีดวงทวารซึ่งสะสมมาแต่ครั้งการตระเวนก่อสร้างบูรณะวัดในเขตล้านนา และการอาพาธได้กำเริบขณะที่สร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ครูบาศรีวิชัยถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๑ ที่วัดบ้านปาง ขณะมีอายุได้ ๖๐ ปี ๙ เดือน ๑๑ วัน และตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปางเป็นเวลา ๑ ปี บางท่านก็ว่า ๓ ปี จากนั้นได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ที่วัดจามเทวี ลำพูน จนถึงวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๙ จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่องานพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้นจึงได้มีการแบ่งอัฐิของท่านไปบรรจุไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ที่วัดจามเทวีจังหวัดลำพูน วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปาง วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ และที่วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูนอันเป็นวัดดั้งเดิมของท่าน เป็นต้น 


ด้วยเหตุที่ท่านปฏิบัติยึดตามจารีตแบบดั้งเดิมของคณะสงฆ์ล้านนา จึงทำให้ท่านกลายเป็นศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐบาลกรุงเทพฯไปโดยปริยาย แม้จะมิใช่ในลักษณะการก่อกบฏด้วยกำลังอาวุธอย่างพระยาปราบสงคราม แต่กรณีที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นการต่อสู้ทางความคิดความเชื่อที่แฝงอยู่ในกิจกรรมทางศาสนา ผู้สนับสนุนครูบาฯ มีจำนวนมาก ทั้งบรรดาเจ้านาย พระสงฆ์ พ่อค้า คหบดี ข้าราชการ ตลอดจนประชาชนทั้งคนเมืองและชาวเขา ซึ่งท่านต้องอธิกรณ์ ถึง 5 ครั้ง ทำให้ความขัดแย้งกรณีครูบาศรีวิชัยนี้ยืดเยื้อยาวนานเกือบ 30 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2451 จนกระทั่งปี พ.ศ.2479 



ผลงานการก่อสร้างและปฏิปทาของท่าน อยู่ในความทรงจำของประชาชนที่มีความเคารพศรัทธาในตัวท่านไม่มีวันลืม เมื่อท่านถึงแก่มรณภาพแล้วได้มีการทำพิธีสร้างเหรียญรูปของท่านและทำพิธีปลุกเสก เพื่อไว้เป็นที่สักการะบูชาเป็นสิริมงคลหลายครั้ง เหรียญที่ค่อนข้างหายาก คือ เหรียญที่สร้างขึ้นรุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ สร้างเมื่อท่านมรณภาพไปแล้วหนึ่งปี ทำพิธีปลุกเสกที่วัดพระ ธาตุหริภุญชัย 


ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาต่อชาวล้านนามาก เมื่อท่านมรณภาพและประชุมเพลิง แล้วอัฐิของครูบาศรีวิชัยแบ่งออกเป็น ๔ ส่วน คือ 
๑. ให้ชาวอำเภอลี้นำไปบรรจุที่วัดบ้านปาง 
๒. บรรจุไว้ที่สถูปวัดจามเทวี อันเป็นที่ประกอบพิธีเผาศพของท่าน 
๓. ให้ชาวเชียงใหม่นำไปบรรจุไว้ที่สถูปวัดสวนดอก 
๔. ให้ศิษย์ใกล้ชิดนำไปบรรจุไว้ที่สถูปดอยง้ม ระหว่างเขตอำเภอสันกำแพง - เชียงใหม่ และเขตลำพูน


จากการที่ครูบาศรีวิชัยได้รับการสนับสนุนจากชนทุกกลุ่มในสังคมล้านนา ครูบาฯจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ที่แม้แต่อำนาจรัฐก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ในระยะนี้เอง พระภิกษุสุนทรพจนกิจหรือพระสุนทรพจนกิจ กวีเอกของล้านนา ได้แต่ง “ค่าวประวัติครูบาศรีวิชัย” เล่าถึงประวัติความเป็นมาการต้องอธิกรณ์ และการบูรณะศาสนสถานต่าง ๆ ซึ่งค่าวนี้ก็เป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนล้านนาในเวลานั้น 


“พระทำดี เกิดมีเพียงนี้ 
ก็มีเหตุขึ้นพัวพัน
สุขกับทุกข์ ย่อมเป็นคู่กัน 
ร้ายกับดี ย่อมมีเป็นหมั้น 
พระเกิดไหน ช่างมีมาหั้น 
ย่อมจักพัวพันดั่งนี้

อาณาจักร ระแวงเหตุนี้ 
เพื่อใคร่ได้หันมุล 
กลัวจักเป็นพระ ล่อลวงสับสน 
จิ่งว่าผีบุญ มิจฉาสาวแสร้าง 
ถือพรมพราย อย่างไรไม่แจ้ง 
ระแวงไปคู่ชั้น 

พระสีวิไชย ไม่เป็นอย่างนั้น 
เป็นพระเที่ยงหมั้นสีลธัมม์ 
เป็นผู้มักน้อย ครัดเคร่งเล็งกัมม์ 
พ่ำเพ็งธัมม์ จำสีลเสพสร้าง 
มีผู้นิยม มากหลายแผ่กว้าง 
เหมือนรายงานว่าไว้” 


พระสุนทรพจนกิจ 
“ค่าวประวัติครูบาศรีวิชัย”

ครูบาศรีวิชัยเป็นทองคำบริสุทธิ์ ถึงบางครั้งจะมีผู้นำสิ่งสกปรกมาสาดใส่ แต่ก็ไม่อาจทำให้ทองคำนั้นเปลี่ยนสถานะไปได้ 

ที่มา baanmaha.com

ที่มา: baanmaha.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
76 VOTES (4/5 จาก 19 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลกมิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อกัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุมเจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่งไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
ตั้งกระทู้ใหม่