เลิกทำตัวเป็นพระเอก/นางเอกในออฟฟิศกันซะที0.0!!!!!
คุณเป็นคนดี ยิ้มสวย รวยอารมณ์ขัน ขยันทำงาน แต่พอถึงสิ้นปี “เงินเดือนก็ไม่เพิ่ม โบนัสก็เท่าเดิม แถมตำแหน่งก็ยังอยู่กับที่” คนที่มาทีหลังกลับได้ดิบได้ดีข้ามศรีษะคุณไปนั่งลอยหน้าลอยตาในตำแหน่งที่คุณหมายตาเอาไว้ทั้งๆที่คุณก็ทำงานแทบล้มประดาตายมาตลอดปี มาสำรวจตัวเองดูว่าคุณทำงานสู้เขาหรือเธอไม่ได้ตรงไหน? เมื่อสำรวจตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าคุณสู้ได้ทุกด้านทั้งความคิดและความขยัน คราวนี้ลองมาสำรวจนิสัยของคุณดูกันว่าคุณมีนิสัยแบบนี้กันหรือเปล่า ถ้าคุณมีนิสัยแบบที่กำลังจะอ่านเจอต่อไปนี้เราขอแนะนำให้คุณเก็บ “นิสัยแบบนี้ใส่กล่องและวางทิ้งไว้ที่บ้านได้เลย” (พูดตรงๆก็คือให้คุณพยายามที่จะไม่ทำนิสัยแบบนี้บ่อยๆเวลาที่คุณทำงานในออฟฟิศ ไม่ใช่ห้ามไม่ให้ทำแต่ให้ทำได้เป็นบางโอกาสเพราะถ้าไม่ทำเลยจะพูดได้ว่าใจดำเกินไป)
เพราะอะไรถึงห้ามน่ะเหรอ? ก็เพราะนิสัยแบบนี้แหล่ะที่คอยถ่วงความเจริญในหน้าที่ของคุณน่ะสิคะ
จากงานวิจัยของ “ดร.นิคอส โบซิโอนีโลส” แห่งมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งวิจัยเกี่ยวกับ “บุคลิกภาพและความสำเร็จในการประกอบอาชีพ” พบว่า
“คนที่ใส่ใจความต้องการของคนอื่นมากเกินไป และคนที่คล้อยตามความคิดและคำพูดของคนอื่นอยู่เสมอ” มักไม่ค่อยเป็นที่สนใจของเจ้านายและไม่ได้รับมอบหมายงานที่สำคัญ
นิสัยแสนดีทั้งสี่ข้อนี้จะทำให้คุณโดนเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบได้
1.ปล่อยให้คนอื่นเอาหน้าจากไอเดียของคุณ
แล้วควรทำยังไงดี? เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นขโมยความคิด(ที่คิดมาแทบเป็นแทบตาย)ของคุณ เขียนเรื่องที่คุณคิดเอาไว้อย่างเป็นทางการหรือพูดออกมาให้หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้ยิน(อย่าให้รู้กันแค่สองสามคนเท่านั้น เพราะสิ่งที่คุณพูดออกไปนั้นอาจถูกคนที่ได้ยินอีกคนหรือสองคนนั้นเอาไปใช้หาประโยชน์ใส่ตัวได้) ถ้าคุณอยู่ในที่ประชุมแล้วเพื่อนร่วมงานเสนอบางอย่างที่คุณเคยเสนอเอาไว้ก่อนหน้านี้มาแล้ว พูดให้ชัดถอยชัดคำขณะที่กำลังประชุมอยู่ว่า “ที่คุณกำลังพูดอยู่ดูเหมือนคุณกำลังต่อยอดจากความคิดเดิมของผม/ฉันนะ เพราะฉะนั้นผม/ฉันจะสนับสนุนแผนการนี้แน่”(ก็เราเป็นคนคิดขึ้นมาเอง)
2.ขอโทษในสิ่งที่ไม่จำเป็น
แล้วควรทำยังไงดี? เลิกขอโทษในเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของคุณเองซะทีถ้าคุณขอโทษเพียงเพราะอยากยุติความขัดแย้ง(ที่คุณไม่ได้ก่อ)คุณก็ต้องขอโทษแบบนี้ไปจนตายนั่นแหล่ะ เก็บคำขอโทษของคุณเอาไว้สำหรับความผิดพลาดเรื่องใหญ่ๆ เมื่อใดที่คุณทำผิดให้คุณกล่าวคำขอโทษออกมาอย่างจริงใจ แล้วก้าวต่อไปเพื่อหาทางแก้ไขปัญหานั้นอย่างจริงจัง ประเมินตัวเองด้วยความเป็นกลาง(ไม่ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง) ว่ามีอะไรที่ผิดพลาดแล้วหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด
3.ทำงานโดยไม่เคยลาหยุด
แล้วควรทำยังไงดี? ไม่เคยมาทำงายสาย ไม่เคยลากิจเพราะเรื่องจำเป็นใดๆ ไม่เคยลาป่วยแม้แต่วันเดียว(ทั้งๆที่บางครั้งคุณแทบจะต้องลากสังขารมาทำงาน) และไม่เคยลาพักร้อนเลยตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ ถามจริงคุณชื่อเล่นว่าคุณ “โบ” หรือเปล่าคะ?(ย่อมาจากคูโบต้าน่ะค่ะ) ใช้วันหยุดพักร้อนของคุณให้เป็นประโยชน์บ้าง วันธรรมดาก็ออกไปกินข้าวกลางวันข้างนอกบ้างก็ได้(ถ้าคุณไม่ได้ออกไปไกลจนกลับมาเข้างานช้า) การทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายไม่รู้จักผ่อนคลายจะทำให้ตัวคุณเองหงุดหงิดและประสิทธิภาพในการทำงานของคุณจะลดลงด้วย งานที่ทำออกมามักจะต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่เกือบทุกครั้ง เพื่อรักษาสมาธิและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ออกมาดีผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณเบรกการทำงานทุกเก้าสิบนาที(เขาให้เบรกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์และความเมื่อยล้าจากการทำงานนะคะ ไม่ได้ให้คุณแอบอู้งาน)
4.ทำงานแทนคนอื่น
แล้วควรทำยังไงดี? มองให้ออกเวลาที่คนอื่นโยนงานที่เขา/เธอไม่อยากทำมาให้คุณ หรืองานที่ไม่ได้มีส่วนไหนเลยเกี่ยวข้องกับงานส่วนที่คุณรับผิดชอบมาให้คุณทำเพราะเขา/เธอต้องการหลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ ฝึกพูดประโยคนี้ให้คล่องปากเอาไว้พูดเวลาที่มีคนจะโยนงานมาให้โดยไม่ต้องมีคำว่า “ขอโทษ” นำหน้า “ผม/ฉันก็อยากช่วยคุณ/เธอเหมือนกัน แต่งานที่ผม/ฉันทำอยู่ก็เต็มมือมาก” แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรต่ออีก
คนน่ารักนิสัยดีใครก็อยากอยู่ใกล้อยากคบหา แต่จำเอาไว้ว่าสำหรับคนบางคนที่เห็นแก่ตัว เขา/เธอก็อาศัยประโยชน์จากนิสัยดีๆของคุณนี่แหล่ะ สร้างผลงานให้กับตัวของเขา/เธอ ถ้าคุณไม่อยากเป็นบันไดให้คนเห็นแก่ตัวเหยียบขึ้นไปสู่ความสำเร็จ ก็ใช้นิสัยที่ดีของคุณให้ถูกที่ถูกเวลา ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ
ซ้ำขออภัยค่ะ
รูปประกอบ : google