ผู้ทรงปัญญาในจักรวาล เขาคือมิตรหรือศัตรู
มนุษย์ต่างดาว (UFO และ Alien) เป็นจริงเฉพาะภาพยนต์ แต่ในจักรวาล สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ พยายามค้นหาและติดต่อ คือ ผู้ทรงปัญญา (Extraterrestrial Intelligence) โดยเชื่อว่ามีอารยะธรรมต่างดาว (ETI Civilization) ในจักรวาลอันไพศาล (Scale of the Universe)
ภาพประกอบ abovetopsecret.com/forum/thread855270/pg1
ความพยายามตลอดมากกว่า 50 ปี แห่งการสืบค้น ด้วยวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการของ สถาบัน SETI Institute เพื่อศึกษาชีวิต ในจักรวาล (Life in the Universe) และสืบค้นสิ่งทรงปัญญาในจักรวาลด้วยการสำรวจ ในหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูง จนเคยได้รับสัญญานตอบกลับ ที่เรียกว่า Wow
แม้มีเสียงคัดค้าน จากผู้เชี่ยวชาญด้านจักรวาลวิทยาบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและให้เหตุผลว่า อารยะธรรมอื่นนั้น อาจไม่อยากติดต่อกับมนุษย์ก็ได้ จึงไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว หรืออีกเหตุผลหนึ่งคือ มนุษย์แน่ใจแล้วหรือว่า แต่ละอารยะธรรมจะมีพฤติกรรมเช่นใด จะสร้างความหวาดกลัว เกิดภัยคุกคาม ต่อระบบสุริยะหรือไม่
อย่างไรก็ตามข้อคัดค้านไม่เป็นผล แม้จะต้องใช้เวลานานสักเท่าใด จำเป็นต้องสืบค้นหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ เพื่อจะอธิบายต่อผู้คนบนโลก ด้วยหลักฐานอันมั่นคงให้หายสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใน 9 ปีข้างหน้า การส่งยานสำรวจ เข้าใกล้ระบบดาวในจักรวาลมีเป้าหมาย 800 ดวง (ซึ่งเป็นตัวเลขน้อยกว่า 1% ของ จำนวนดาวที่มีอยู่ทั้งหมดในทางช้างเผือก) เพื่อการสืบค้นทางกายภาพอย่างใกล้ชิด
การค้นหาสัญญานสิ่งทรงปัญญาของระบบดาวอื่น ด้วยความถี่คลื่นวิทยุประเภท Modulation (การใช้คลื่นเสียง กล้ำคลื่นวิทยุ) โดยมุ่งไปยังดาวเคราะห์ ที่โคจรอยู่ในระบบดาวนั้นๆ ตลอดวันตลอดคืนจากโลก
วิธีการดังกล่าว อย่างน้อยสามารถสืบค้นได้ 9 มิติ สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นสัญญานตอบกลับจริงหรือเท็จ อภิมหาแผนการต้องสืบค้น อารยธรรมต่างดาว
ด้วยการสำรวจดาว มากกว่า 100,000 ดวง ในระบบสุริยะพิเศษต่างๆ หมายความว่า ต้องสำรวจดาวเคราะห์ (Discovery the planets) ในระบบสุริยะ อื่น (Exoplanet) ที่หลบซ่อน อยู่วงโคจรแต่ละระบบ อย่างน้อยนับล้านดวง อาจมีความเป็นไปได้ มนุษย์อาจพอจะเห็นบางสิ่งบางอย่าง ของอารยธรรมอื่นที่นึกไม่ถึงหรือไม่ หรือหากการติดต่อกับระบบดาวอื่นๆ แล้วไม่ลงเอยกันในมิตรภาพกันแล้ว คงเกิดความเปลี่ยนแปลงกับโลกขนานใหญ่ ไปในทางอันตรายขั้นรุกรานกัน ทำสงครามข้ามจักรวาล
มีทางออกเรื่องนี้อย่างไร ?
เชื่อว่าในอารยะธรรมอื่นๆ คงไม่ต่างกันกับ อารยธรรมมนุษย์ เรื่องด้านบวกและด้านลบ ซึ่งเป็นธรรมชาติอันมั่นคงของจักรวาล หมายความว่า มีประโยชน์ต้องมีโทษ หรือ ตัวอย่างเพียงอำนาจพื้นฐานในจักรวาล ของน้ำมีคุณสมบัติไว้ดับไฟได้ ทำนองเดียวกัน เมื่อแยกธาตุสารประกอบน้ำออกมา พบออกซิเจนและไฮโดรเจน ซึ่งกลายเป็นสิ่งช่วยให้ติดไฟ (มีอย่างมายมากในจักรวาล) เท่ากับเพียงแค่น้ำยังมีคุณสมบัติ 2 ด้าน
ดังนั้นเมื่อมีอารยะธรรมที่ไม่เป็นมิตร ควรมีอารยะธรรมที่เป็นมิตร คู่ขนานกันไป ขึ้นอยู่กับว่าในเวลานั้น แต่ละ่อารยะธรรมสูงส่ง หรือด้อยกว่าอารยธรรมมนุษย์ในด้านสติปัญญา เทคโนโลยีและสามัญสำนึก เป็นทางออกที่เลือกได้เสมอ
แล้วเพื่อนๆ ล่ะ คิดว่าเราควรค้นหาเพื่อนจากต่างดาวหรือไม่ หรือวันที่โลกล่มสลาย คือวันที่เราได้พบสิ่งที่รอคอย....mata