วิธีการแปลกๆ ในการจัดการกับ "ร่างที่เหลืออยู่ของคนตาย"
เคยคิดบ้างไหมว่าถ้าตัวเองตายแล้วจะให้ทำยังไงกับร่างกายต่อไป? คนส่วนมากก็คงจะให้เผาหรือไม่ก็ฝัง แต่ความจริงแล้วยังมีวิธีการไม่ธรรมดามากมายในการจัดการกับร่างที่เหลืออยู่ของคนที่ตายไปแล้ว ลองอ่านดูเผื่อจะได้ไอเดียแปลกๆ อย่างในบทความนี้
Space Burial
ที่มาภาพ cynical-c
สำหรับใครที่มีความฝันว่าเมื่อตายไปแล้วอยากลอยขึ้นไปอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว ตอนนี้ความฝันของคุณจะได้เป็นจริงแล้วด้วยพิธีการฝังศพในแนวโลกแห่งอนาคต "Space burial" สำหรับใครที่ใช้บริการนี้ เถ้าถ่านที่เหลืออยู่ของคุณจะถูกนำมาบรรจุไว้ในภาชนะพิเศษและส่งขึ้นไปยังอวกาศโดยจรวด ค่าบริการอยู่ที่ 1,000-45,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกแพคเกจไหน ที่ทั้งแบบให้เถ้าลอยอยู่บนอวกาศสักพักแล้วตกลงมาบนโลก แบบให้คุณได้ลอยอยู่รอบๆ วงโคจรโลกไปเรื่อยๆ แบบให้ลงจอดบนดวงจันทร์ หรือแบบให้ลอยไปเรื่อยๆ ในอวกาศ
ที่มาภาพ newvision2012 , geekosystem
จริงๆ การปล่อยเถ้าไปในอวกาศเปิดบริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 แล้ว และมีการทดลองปล่อยจรวดหลายครั้งเพื่อจะได้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้อยู่ในอวกาศจริงๆ แบบที่ต้องการ แต่ตอนนี้ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นผู้มีชื่อเสียงหรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านอวกาศเป็นส่วนมาก ส่วนครั้งต่อไปที่จะมีการปล่อยจรวดคือในปี ค.ศ.2014 นี้ ใครอยากไปอวกาศก็คงต้องรีบๆ กันหน่อยนะ
Memorial Diamonds
ที่มาภาพ phoenix-diamonds
ตามคำกล่าวที่ว่า "Diamonds are forever" บางคนก็เชื่อกันเป็นจริงเป็นจังว่า ถึงแม้จะตายไปแล้ว เขา/เธอ เหล่านั้นก็ยังคงอยู่เป็นอมตะได้โดยกลายสภาพเป็น เพชร แทน เมื่อไม่นานมานี้เองที่มีบางบริษัทเปิดบริการรับสร้างเพชรเทียมขึ้นมาจากเส้นผมหรือเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตไปแล้ว บริการนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศทั่วโลก (โดยเฉพาะกับสัตว์เลี้ยง) วิธีการสร้างเพชรก็คือ การสกัดแร่คาร์บอนออกมาจากเถ้าจากนั้นก็ไปผ่านขึ้นตอนการสร้างเพชรเป็นเวลาประมาณ 6-9 เดือน จึงจะได้เป็นเพชรสังเคราะห์ออกมา ซึ่งเพชรเหล่านี้สามารถสั่งได้ว่าต้องการสีอะไรบ้างเช่น สีใส สีเหลือง สีน้ำเงิน สีแดง หรือสีเขียว และสามารถนำไปทำเป็นเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นแหวน จี้ หรือสร้อยข้อมือได้ตามต้องการ ซึ่งเพชรนี้จะส่งให้ยังผู้สั่งทำพร้อมกับใบรับรองด้วย
ที่มาภาพ shifteast
สำหรับใครที่ไม่ต้องการให้นำเถ้าไปทำเป็นเพชร ก็สามารถสั่งทำเครื่องประดับแบบพิเศษซึ่งเป็นอัญมณีที่ข้างในบรรจุเถ้าของผู้เสียชีวิตไว้ได้ด้วย
Resomation
ที่มาภาพ finnohara
สำหรับผู้รักธรรมชาติที่ถึงจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ไม่ขอทำลายโลก หรือสำหรับใครบางคนที่อยากให้โลกมีสีเขียวเพิ่มขึ้นอีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี วิธีการจัดการกับศพนี้คงน่าสนใจทีเดียว Resomation คือกระบวนการที่ทำให้ร่างกายย่อยสลายเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเผาหรือฝัง เมื่อผ่านขั้นโดยการนำร่างใส่ไว้ในถุงแล้วนำไปไว้ใต้น้ำอัลคาไลน์ซึ่งถูกทำให้ร้อนและควบคุมความดัน ร่างกายก็จะถูกสลายอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น สิ่งที่ได้ออกมาคือ ขี้เถ้าสีขาวและของเหลวสีน้ำตาลเขียว ซึ่งของเหลวนี้คือกรดอะมิโนและเปปไทด์ ดังนั้น กระบวนนี้ก็เหมือนกับเป็นการย้อนกลับไปยังจุดพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิตนั้นเอง
ที่มาภาพ perfect memorials
ของเหลวสีน้ำตาลที่เหลือจากกระบวนการจะถูกส่งไปรดยังต้นไม้หรือสวน แล้วแต่ว่าคุณอยากจะเลือกไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเพราะคุณจะช่วยให้ต้นไม้เติบโตได้ดีขึ้นและไม่ปล่อยแก๊สเรือนกระจกทำลายสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก
Promession
ที่มาภาพ silveroutlinedwindow
อีกหนึ่งวิธีการสำหรับผู้รักธรรมชาติและอยากอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าตลอดไป สำหรับใครที่ชีวิตนี้ปลูกอะไรก็ไม่เคยขึ้นเลยวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาของคุณได้ Promession คือวิธีการที่รับประกันว่า คุณจะสามารถช่วยธรรมชาติได้ถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้ว กระบวนการของวิธีนี้คือ การนำร่างไปจุ่มในไนโตรเจนเหลวซึ่งทำให้ร่างกายเย็นจนแข็ง จากนั้นก็ใช้คลื่น Ultrasound ในการสั่นเพื่อให้ร่างกายกลายเป็นผุยผงภายในชั่วพริบตา จากนั้น เถ้าที่เหลือนี้จะถูกบรรจุไว้ในกล่องที่ทำจากแป้งข้าวโพด (ย่อยสลายได้ง่าย) แล้วนำไปฝังไว้ในหลุมตื้นๆ ด้วยวิธีนี้จะไม่เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแถวยังช่วยให้พื้นดินสมบูรณ์ขึ้นอีกต่างหาก ที่มาภาพ areacremations
Sky Burial
ที่มาภาพ ecologywithoutnature
สำหรับใครที่สองวิธีข้างบนนั้นยัง "ไม่เป็นธรรมชาติ" พอ พิธีกรรม Sky burial ของชาวธิเบตอาจจะเหมาะกับคุณที่สุดแล้ว ในประเทศทิเบต นกแร้งถูกเรียกว่า Dakinis แปลได้ว่า นักร่ายรำแห่งท้องฟ้า และเป็นสัตว์ที่ถือเป็นเหมือนกับเทพแบบหนึ่งที่ทำหน้าที่นำดวงวิญญาณขึ้นไปยังสวรรค์ ที่ๆ วิญญาณเหล่านั้นจะรอเวลากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง และเพื่อให้ขั้นตอนนี้เกิดขึ้นได้ ร่างกายของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปไว้ที่บนยอดเขาที่สวยงามนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการแล่แนื้อและหั่นกระดูกออกเป็นชิ้นๆ ก่อน แล้วเอาให้นกแร้งกิน
ที่มาภาพ patheos
ถึงแม้จะดูเป็นวิธีการที่โหดร้ายรับไม่ได้สำหรับบางคน แต่สำหรับชาวธิเบตแล้ว เมื่อคนเราเสียชีวิตไปแล้วร่างกายก็จะเป็นเพียงแค่ภาชนะว่างเปล่าเท่านั้นที่ไม่ได้มีค่าอีกต่อไป (สิ่งที่มีค่าคือวิญญาณ ซึ่งไปรอการเกิดใหม่แล้ว) การทิ้งร่างให้เป็นอาหารนกและเน่าเปื่อยไปเองนี้ก็เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความไม่ยั่งยืนของชีวิตมนุษย์ อีกทั้งสภาพพื้นดินของประเทศทิเบตก็เป็นดินแข็งและหินทำให้ขุดฝังศพได้ยาก อีกด้วย
Endocannibalism
ที่มาภาพ the list cafe
นี่น่าจะเป็นวิธีจัดการกับศพที่น่ากลัวที่สุดวิธีหนึ่ง ในกลุ่มของชนเผ่าบนเกาะนิวกินีเมื่อมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งของเผ่าเสียชีวิตลง จะมีพิธีกรรมที่คนในเผ่าจะช่วยกัน กินศพ นั้น ไม่เพียงแต่ที่เกาะนิวกีนีเท่านั้น ชนเผ่าในประเทศบราซิลที่จะมีการนำเถ้ากระดูกของผู้ตายมาผสมกับน้ำซุปแล้วกิน ถึงจะดูป่าเถื่อนแต่สำหรับชนเผ่าเหล่านี้ การกินเนื้อของญาติพี่น้องตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการไว้อาลัย และความเชื่อที่ว่าอย่างน้อยผู้ที่ตายก็จะได้มีส่วนหนึ่งอยู่ในคนที่ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับบางเผ่าการกินเนื้อคนตายก็เพราะเชื่อว่า จะได้รับพลังและความแข็งแกร่งมานั่นเอง
Plastination
ที่มาภาพ entertainmentworld00
Plastination นี่เป็นวิธีการที่จะให้ได้มัมมี่แบบยุคใหม่ น้ำและไขมันจะถูกนำออกจากร่างกายจนหมดและแทนที่ด้วยซิลิโคนแทน ร่างที่นำมาทำส่วนใหญ่จะถูกนำเอาผิวหนังออกเพื่อจะได้เห็นกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจน โดยชิ้นส่วนหรือทั้งร่างกายที่ถูกเก็บรักษาได้ด้วยวิธีนี้จะคงสภาพอยู่ได้ตลอดไป อีกทั้งยังแข็งแรงทนทานพอที่จะนำมาถือเล่นหรือเคลื่อนย้ายได้โดยไม่เกิดความเสียหาย พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Gunther von Hagens ชาวเยอรมันในปี ค.ศ.1977 ตอนแรกใช้เพื่อเก็บรักษาสัตว์หรือพืชไว้เท่านั้น
จนกระทั่งปี ค.ศ.1993 จึงเริ่มมีการนำวิธีนี้มาใช้กับร่างของมนุษย์ และหลังจากนั้นก็มีการจัดงานแสดงร่างกายนุษย์ที่ถูกเก็บรักษาด้วยวิธีนี้โดยจัดแสดงให้มีท่าทางเหมือนกับยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1995 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้คนสนใจกันมาก และมาเยี่ยมชมงานกันถึง 3 ล้านคน
ที่มาภาพ time ที่มาภาพ entertainmentworld00 , longwood
สำหรับบางคนอาจจะไม่สบายใจเวลาได้เห็นร่างที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตกลายมาเป็นหุ่นตุ๊กตาแบบนี้ แต่หลายๆ คนก็คิดว่าวิธีการนี้ดีกว่าการบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลแบบธรรมดาๆ เพราะนอกจากจะได้นำไปใช้ในการศึกษาแล้ว ยังได้กลายเป็นผลงานศิลปะที่ได้เดินทางไปโชว์ตัวทั่วโลกอีกด้วย ไม่เลวเลยใช่มั้ย?
ที่มา The List Cafe , Wikipedia : Space Burial , Wikipedia : Plastination