ทำไมเราถึงให้กำลังใจน้องริด้า
รูปที่สถานีวิทยุ ผมได้จากดีเจท่านหนึ่งที่จังหวัดกระบี่ครับ ดีเจท่านนั้นบอกว่า ยังจำน้องริด้าได้ดี ไม่ใช่เพราะน้องสวย แต่เป็นเพราะมารยาทที่สุภาพเรียบร้อยของน้องครับ (ไม่ติ่งและไม่เกรียน)
ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่คนภาคใต้ แต่เคยทำงานร่วมกับคนหลายๆ ภาค เห็นน้องริด้าตอนแรกก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นลูกครึ่ง คิดว่าเป็นสาวใต้เชื้อสายไทยมลายู แต่พอได้ดูสัมภาษณ์น้องในรายการเจาะใจ เลยต้องย้อนไปดูเทปการประกวด น้องริด้าสมควรได้ตำแหน่งครับ ไม่ใช่เพราะว่าสวยกว่าน้องมายด์ แต่เป็นเพราะน้ิองริด้าได้ใช้การทักษะการคำถามที่เธอฝึกมาเกือบทั้งชีวิตได้อย่างดีครับ
นี่คือสิ่งที่ภูมิใจที่สุด ที่มีน้องริด้าเป็นตัวแทนประเทศไทยปีนี้ครับ ถ้าตัดเรื่องภาษาอังกฤษออกไป น้องริด้าตอบได้ตรงประเด็น และสามารถนำเสนอประเทศไทยได้อย่างดี เพราะมีผู้เข้าประกวดไม่กี่คน ที่จะบอกชื่อและอธิบายวัฒนธรรมวันหยุดของประเทศตัวเองได้ชัดเจนครับ ผมว่าน่าภูมิใจกว่าการแบ่งแยกคนไทยมลายูว่าหน้าไม่ไทยอีกนะครับ (ฟาริดา เป็นชื่อคนไทยมลายูชัดเจนครับ) คนที่อยู่บ้านเดียวกันแล้วไม่รู้จักหน้ากันนี่...น่าคิดนะครับ
และยิ่งเมื่อพิจารณาภาษาอังกฤษแล้ว หาเด็กไทยได้น้อยมากครับ ที่จะฝึกตัวเองให้ภาษาดีแบบสากลได้อย่างนี้ (ไม่ใช่เรื่องสำเีนียงครับ แต่เป็นเรื่องการตอบตรงประเด็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานภาษาอังกฤษนานาชาติ CEFR ครับ) น้องริด้าเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะครับ คนออสเตรียพูดภาษาเยอรมัน) ที่เติบโตในประเทศไทย และเรียนโรงเรียนไทยที่ต้องสอบ Onet เหมือนเด็กไทยทั่วไปครับ ซึ่งการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของน้องก็แค่ปีเดียวเท่านั้น ถึงจะเป็นเด็กโรงเรียนนานาชาติ หรือเด็กเจ้าของภาษา ก็หายากมากครับที่จะพูดมีสาระไม่มีการออกทะเลได้ดีขนาดนี้ (ส่วนมากก็เหมือนเด็กไทยเรียนภาษาไทยครับ ไม่เห็นเห็นค่าการฝึก กว่าจะรู้ตัวก็เรียนจบและไม่มีโอกาสทำสิ่งที่อยากทำแล้ว)
ทักษะการพูดของริด้า แม้แต่เจ้าหน้าที่กองประกวด Miss Universe ที่ไม่ได้ฟังน้องริด้าให้สัมภาษณ์ ก็ยังชมเลยครับ
ส่วนชุดโลหะพัตรา ผมไม่มีความรู้ด้านการออกแบบตัดเย็บ เลยเฉยๆ กับชุดนี้แต่แรก (ชุดประจำชาติแนวแฟนซีนี่ชอบของน้องแก้มที่สุดครับ นอกนั้นเฉยๆ ครับ เพราะดูไม่เป็นจริงๆ ว่าสวยหรือไม่สวย) แต่ถึงจะโดนถล่มหนักอย่างไร แม้การตัดเย็บจะเร่งจนไม่ตรงกับการออกแบบแค่ไหน ถ้าไม่มีชุดของจีน ผมก็ว่าชุดโลหะพัตราก็สวยเหนือว่าชุดประจำชาติของประเทศอื่นอยู่หลายขุมครับ ชาวต่างประเทศยังชอบใจการออกแบบเครื่องประดับสีดำของชุดนี้เลยครับ ยิ่งน้องริด้าทุ่มแรงทั้งชีวิตสะบัดผ้าที่แสนหนักไปด้วย และต้องทรงตัวให้อยู่กับเครื่องสวมหัวที่สูงมากด้วย ยิ่งทำให้ชุดนี้ดูดีึขึ้นผิดตาจากตอนเดินสายในไทยก่อนประกวด แต่พอเห็นชุดของจีนแล้ว...ปีนี้ต้องยกให้เขาจริงๆ (การแข่งขันความคิดเชิงสร้างสรรค์ก็ดีอย่างนี้แหละครับ มีแต่พัฒนาขึ้น)
คนที่ติดตามการประกวด รู้ดีครับว่าริด้าต้องเสียเวลาแก้ไขสถานการณ์ขนาดไหน แต่น้องก็สู้ บาดเจ็บก็ไม่ถอย นี่เป็นสิ่งที่เราภูมิใจมากครับ จริงอยู่ไม่มีใครทำอะไรให้ทุกคนพอใจได้ทั้งหมด (เหมือนที่มิสออสเตรเลียให้สัมภาษณ์ไว้ในการประกวด) แต่ต้องช่วยกันหาจุดที่สามารถเสริมเติมแต่งให้ดีได้ และให้กำลังใจกันเพื่อทำให้ได้ครับ จุดบกพร่องปีนี้ ผมยกให้กองประกวดของไทยทั้งหมดอย่างเต็มใจครับ เพราะน้องริด้าก็เป็นเหมือนเด็กไทยในวงการอื่น (เช่นฟุตซอล เล่นดีแต่ไม่มีสนามซ้อมทั้งที่เป็นเจ้าภาพ) ที่โดน "ความขัดแ้ย้งทางผลประโยชน์" ถ่วงหนักจนไปได้ไม่ไกลอย่างที่ควร
(1) เกิดอะไรขึ้นกับการตัดเย็บเสื้อ เราเน้นข้อดีด้านการออกแบบตัดเย็บมาตลอด แต่ตัดชุดเกือบไม่ทันทั้งที่การประกวดช้าที่สุดเท่าที่เคยจัดมา อีกอย่างการยืมชุดจากห้องเสื้อแล้วปรับแต่งนิดหน่อย เป็นเรื่องที่ทำกันมานานแล้ว ทำไมปีนี้ชุดที่เตรียมให้น้อง ด้อยกว่าที่น้องถ่ายแบบออกงานอย่างชนิดผู้ชายที่ไม่มีหัวด้านแฟชั่นอย่างผมยังเห็นว่า "ด้อยกว่ามาก" แล้วในเชิงธุรกิจ ห้องเสื้อที่ไหนก็ยินดีให้ยืมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายทั้งนั้น เพราะถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว
(2) ข้อดีของน้องริด้าเห็นตั้งแต่ตอนประกวดแล้วว่าคือ "การสัมภาษณ์และการมีวินัยในตัวเองอย่างเคร่งครัด" ซึ่งหาได้ยากมาก น่าจะวางแผนให้น้องสามารถประคองตัวผ่านรอบ "ชุดว่ายน้ำ" และ "ชุดราตรี" ให้ได้ นางงามจักรวาลที่สวยไม่เด่นหลายคนก็แก้ไขได้ อย่างโอลิเวียเองที่มีจุดเด่นอยู่ที่การสัมภาษณ์ ก็เลือกชุดกรอมเท้าตลอดทั้ง Miss USA และ Miss Universe เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการที่สามารถทำให้ตัวเองสูง 170 ซม. ได้ ทั้งๆ ที่ความสูงจริงแค่ 166 ซม.