เลือดประจำเดือนมาจากไหน ทำไมเราต้องปวด เรื่องที่อยากให้อ่าน
สวัสดีครับเพื่อนๆ จากบทความที่แล้ว เรื่อง "สัญญาณบอกโรค จากประจำเดือน" สาวๆ หลายคนคงได้อ่านกันมาบ้าง แต่ละคนก็คงได้สำรวจตรวจดูว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรหรือไม่ ประจำเดือนเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ของมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้กำเนิดที่ยิ่งใหญ่
แต่เชื่อว่าคงมีเพื่อนๆ อีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว เลือดที่ออกมาทุกรอบเดือนนั้นมันคืออะไร ทำไมมันต้องมี แล้วทำไมเราต้องรูสึกปวดท้องส่วนล่าง ทำไมเราต้องรู้สึกหงุดหงิดโมโหง่าย วันนี้เรามาหาคำตอบและทำความเข้าใจกันจริงๆ สักครั้งดีกว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นที่ควรรู้ ผู้ชายอย่างเราๆ ก็รู้ไว้ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยเราก็อธิบายให้คนที่เรารักฟังได้ว่าที่มาที่ไปมัีนเป็นอย่างไร
เลือดประจำเดือน หมายถึง เลือดที่มีการไหลออกมาจากช่องคลอดทุกรอบเดือน เกิดจากมีการสลายตัวของเยื่อบุภายในโพรงมดลูก โดยจะเริ่มเกิดขึ้นกับผู้หญิงเมื่อเริ่มเข้าสูวัยเจริญพันธุ์ จนกระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน โดยทั่วไปผู้หญิงจะมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุระหว่าง 11-14 ปี ปกติไม่ควรเร็วกว่า 9 ปี และไม่ควรช้ากว่า 18 ปี
การมีประจำเดือนเกิดจากกรเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน อุณหภูมิของร่างกาย การพัฒนาของไข่ และการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุผนังมดลูก ดังนี้
1. ในแต่ละเดือน ต่อมใต้สมองจะผลิตฮอร์โมนฟอลลิควิล่าร์ สติมูเลติ้ง (Follicular Stimulating Hormone) ไปกระตุ้นให้ไข่อ่อนที่อยู่ในถุงหุ้มในรังไข่เจริญเติบโตขึ้น และในระยะนี้รังไข่จะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนขึ้นด้วย จึงมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น
2. จนถึงวันที่ 14 ของรอบประจำเดือน ต่อมใต้สมองก็จะส่งฮอร์โมนลูติไนซิ่ง (Luteinizing Hormone) ไปกระตุ้นให้ไข่สุกและหลุดออกจากถุงหุ้ม ส่วนปลายของท่อนำไข่ก็จะโบกพัดให้ไข่เคลื่อนที่เข้าไปภายในท่อนำไข่ โดยจะมีไข่เพียง 1 ใบ เท่านั้นที่เจริญเต็มที่และพร้อมที่จะผสมกับอสุจิได้ ที่เหลือจะไม่เจริญและสลายไป
3. รอยแตกของถุงหุ้มไข่จะยังคงเจริญต่อไปกลายเป็นคอร์ปัส ลูเตียม หรือที่เรียวกว่า อวัยวะสีเหลือง ซึงจะยังคงให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อไป และให้ฮอร์โมนเพิ่มขึ้นอีกชนิดหนึ่ง คือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน อันเป็นฮอร์โมนที่จะช่วยทำให้เยื่อบุมดลูกหนานุ่ม มีน้ำเลี้ยงที่สมบูรณ์พร้อมที่จะรีบการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้วเพื่อให้เจริญเติบโตต่อไปเป็นทารก
4. ถ้าหากไข่ไม่มีการปฏิสนธิหลังจากการตกไข่แล้ว 8 วัน คอร์ปัสลูเตียมจะเริ่มสลายไป และถูกขับออกมาพร้อมกับเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลอกตัวหลุดออกมาเป็นเลือดประจำเดือน โดยไหลอย่างช้าๆ ออกมาจากมดลูก ใช้เวลา 3-5 วัน หลังจากเลือดประจำเดือนหยุด เยื่อบุโพรงมดลูกจะเริ่มสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
จากภาพจะเห็นว่าเยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นในวันไข่ตก (สีแดง)
ภาพแสดงการเดินทางของไข่จากปีกมดลูกจนถึงการฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก
รอบประจำเดือน
รอบประจำเดือน หมายถึง ระยะเวลาตั้งแต่วันแรกของประจำเดือนจนกระทั่งถึงวันก่อนประจำเดือนมาครั้งต่อไป รอบเดือนขอผู้หญิงแต่ละคนจะมีระยะเวลาแตกต่างกันมาก แต่โดยปกติแล้วควรเป็น 28 + 7 วัน คือ คนที่มีรอบเดือนอยู่ในระยะ 21 35 วัน ถือว่าปกติ ระยะที่มีประจำเดือนจะกินเวลาประมาณ 3-7 วัน และจำนวนเลือดที่เสียไปแต่ละเดือนประมาณ 50-70 มิลลิลิตร ในปีแรกๆ ที่มีประจำเดือน และในวัยใกล้หมดประจำเดือน ประจำเดือนมักจะมาไม่สม่ำเสมอ และบางเดือนก็ไม่มาเลย เนื่องจากไม่มีไข่สุกหรือไม่มีการตกไข่
ลักษณะของเลือดประจำเดือนที่ปกติ
1. รอบประจำเดือน ควรอยู่ในช่วง 28 + 7 วัน
2. ระยะเวลาที่เลือดออก ประมาณ 3-5 วัน ไม่ควรน้อยกว่า 1 วัน และไม่ควรนานเกิน 7 วัน
3. จำนวนเลือดที่ออกประมาณ 100-150 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือถ้าใช้ผ้าอนามัยก็ไม่เกิน 3 ผืนชุ่มๆ / วัน
4. ลักษณะของเลือดที่ออก ควรเป็นเลือดน้ำ ไม่ใช่เลือดลิ่ม วันแรกๆ จะมีสีแดงคอนข้างสด วันต่อมาจะค่อยๆ จางและหมดไป
5. อาการร่วม อาจมีอาการปวดท้องข้างในวันต้นๆ เพราะมดลูกจะบีบตัว เพื่อขับผนังมดลูกที่หนาขึ้นจากการเตรียมให้ไข่มาฝังตัว บางคนอาจมีอาการนำ ก่อนการมีประจำเดือน เช่น เมื่อยหลัง หน้าอกคัดตึง อ่อนเพลีย เหนื่อย หงุดหงิด หรือรู้สึกซึมเศร้า (เกิดจากการขึ้นหรือลดลงของระดับฮอร์โมน)
หวังว่าเพื่อนๆ ที่อ่านจนจบคงได้รับประโยชน์ไปบ้าง บางทีสิ่งใกล้ตัวเราอย่างเรื่องนี้มันช่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอนอย่างน่าอัศจรรย์ จากการทำงานของร่างกายเราเอง เมื่อไหร่ที่เกิดความผิดปกติของประจำเดือนสิ่งหนึ่งที่อย่าลืมคิดถึงนั่นคือ "ฮอร์โมน" รักษาสุขภาพทุกคนด้วยนะครับ....mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ขอบคุรภาพประกอบ http://natthakanhealthy.blogspot.com, http://www.zabzaa.com
ที่มา: eduzones.com, http://natthakanhealthy.blogspot.com