รีวิว Microsoft Surface
หากย้อนเวลากลับไปก่อนหน้าเดือนมิถุนายนของปีนี้ ความคิดที่ว่าไมโครซอฟท์จะทำคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งแท็บเล็ตนั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และแน่นอนว่าการเปิดตัวแท็บเล็ตของไมโครซอฟท์ย่อมสร้างความฮือฮาให้กับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และผู้ใช้งานโดยทั่วไป ดังจะเห็นได้จากทั้งเสียงในเชิงลบและเชิงบวก แต่ในเวลานั้น ยังไม่เคยมีใครได้เห็นแท็บเล็ตตัวนี้ นอกเหนือไปจากที่งานเปิดตัว จนกระทั่งวางขายพร้อมกับการเปิดตัว Windows 8 ในราคาที่เริ่มต้นเท่ากับเจ้าตลาดอย่าง Apple iPad เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ ผมจึงขอรีวิว Microsoft Surface ซึ่งถือเป็นการรีวิวแท็บเล็ตตัวแรก (และอาจจะถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ตัวแรก) จากไมโครซอฟท์ ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะมีการนำมาจำหน่ายในประเทศไทยแต่อย่างไร (อ้างอิง)
ต้องยอมรับว่าไมโครซอฟท์มีความพยายามที่จะผลักดันคอมพิวเตอร์ประเภทแท็บเล็ตมาค่อนข้างจะยาวนาน ไล่ตั้งแต่ Windows for Pen Computing ตั้งแต่ช่วงปี 1990 (อ้างอิง) จนถึงแนวคิดที่เรียกว่า "Microsoft Tablet PC" ในปี 2001 (อ้างอิง) แต่แนวคิดดังกล่าวก็ไม่เคยประสบความสำเร็จสำหรับไมโครซอฟท์แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากออกมาจากผู้ผลิตที่เป็นคู่ค้า เพื่อพยายามผลักดันแนวคิดดังกล่าวให้เป็นความจริงก็ตามที
ขณะที่ไมโครซอฟท์กำลังพยายามผลักดันตลาดนี้ ในปี 2007 การเปิดตัว iPhone ของ Apple ย่อมทำให้ความคิดเรื่องของหน้าจอสัมผัสของตลาดเปลี่ยนแปลงไป นั่นก็เพราะว่า Apple ปฏิเสธแนวคิดแบบไมโครซอฟท์ที่มุ่งจะให้ใช้ปากกา หรือ stylus ในการสัมผัส โดยเปลี่ยนมาใช้นิ้วมือแทนนั่นเอง (อ้างอิง) ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ iPhone ขายดีมาก และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อาจทำให้ไมโครซอฟท์ตระหนักว่า stylus ไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาหน้าจอสัมผัส ทำให้ไมโครซอฟท์เริ่มปรับเปลี่ยนทิศทางของตนเอง โดยหนึ่งในนั้นคือการตัดสินใจสร้างแท็บเล็ตเป็นของตัวเองตั้งแต่ช่วงเริ่มพัฒนา Windows 8 ใหม่ๆ (อ้างอิง) อาจเรียกได้ว่า Surface ถูกออกแบบมาพร้อมกับการออกแบบ Windows 8/RT ตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว iPad ในปีคริสต์ศักราช 2010 เป็นการสร้างปรากฎการณ์ความนิยมแท็บเล็ตอย่างกว้างขวาง และทำให้ภายในเวลาไม่นานก็มีผู้เล่นหลายรายอยู่ในตลาด ไม่ว่าจะเป็น BlackBerry Playbook, Samsung Galaxy Tab และอื่นๆ จำนวนมาก สภาพดังกล่าวทำให้ไมโครซอฟท์ที่ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มาก่อนในตลาดนี้ แต่ก็ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเหตุผลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวรอบแล้วรอบเล่าของคู่ค้า หรือการขาดวัตถุดิบ เป็นต้น (อ้างอิง) การต่อกรกับ iPad ในตลาดโดยใช้วิธีพึ่งคู่ค้าเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่คำตอบของไมโครซอฟท์ที่ดี เท่ากับการพยายามที่จะทำแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง ในรูปแบบเดียวกับที่ Google ใช้กับมือถือกลุ่ม Nexus ทั้งหลายนั่นเอง
สำหรับชื่อ แต่เดิมไมโครซอฟท์ใช้ชื่อ Microsoft Surface ในการทำตลาดคอมพิวเตอร์แบบพิเศษที่เป็นโต๊ะหน้าจอสัมผัส แต่ที่สุดไมโครซอฟท์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft PixelSense และใช้ชื่อ Surface มาทำการตลาดแท็บเล็ตของบริษัทแทน
เหตุผล
เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาคือการเอามาแทนที่ iPad รุ่นแรก (ที่เคยรีวิวไว้) แต่มากกว่านั้นคือความต้องการที่จะเอามาทดสอบกับโปรแกรมที่เขียนโดยใช้ WinRT และไว้สำหรับเป็นตัวฝึกเพื่อเอาไว้สอบ Microsoft Certified Professional แต่เหตุผลที่อาจจะถือว่าสำคัญพอๆ กัน คือ มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกจากไมโครซอฟท์
ราคา
สำหรับเครื่องนี้ ผมซื้อมาในราคา 499 USD (รุ่นที่ถูกที่สุด) โดยผมตัดสินใจไม่เอา Touch Cover เพราะไม่ชอบสีดำที่แถมมากับรุ่น 599 USD ทั้งนี้ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีของแต่ละมลรัฐในสหรัฐอเมริกา (สำหรับผมโดนไป 10% ราคาถ้วนๆ จึงอยู่ที่ 550 USD หรือประมาณ 16,000 บาท)
ประกัน
แน่นอนว่าเมื่อนำเอามาใช้ที่ประเทศไทย ซึ่งยังไม่มีการวางจำหน่าย Surface การรับประกันย่อมไม่มีผลครอบคลุม ซึ่งสำหรับผู้ที่พิจารณาอยู่ว่าจะต้องการซื้อหรือไม่ ผมขอแนะนำให้นำปัจจัยเรื่องของการรับประกันมาเป็นตัวพิจารณาประกอบด้วย (แต่หลายท่านอาจจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้มาก เพราะผ่านมาได้แม้กระทั่งรถทับ)
แกะกล่อง
แรกที่ผมเห็นกล่องของ Surface ผมนึกถึงแฟ้มเอกสารการประชุมที่มีปึกเอกสารล้นออกมา ตัวกล่องเป็นสีดำตัดขาว โดยส่วนสีดำเป็นเพียงปลอกของส่วนกล่องสีขาวที่บรรจุตัว Surface จริงๆ เอาไว้ภายในพร้อมกับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ระบุอย่างชัดเจนว่าใช้ Windows RT และมาพร้อมกับ Office Home & Student 2013 โดยทำงานได้เฉพาะโปรแกรมจาก Windows Store และลงโปรแกรมแบบเดสก์ท็อปเดิมๆ ไม่ได้ (ในจุดนี้ต้องแสดงความเสียใจล่วงหน้าสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อและคิดว่าจะลงโปรแกรมเก่าๆ ได้ ยกเว้นว่าจะต้องรอ Surface Pro ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้)
เมื่อแกะส่วนที่เป็นสีขาวออกมา ก็จะพบอยู่เพียงสามอย่าง คือ Surface ที่ชาร์จ และคู่มือเล็กๆ (อยู่ใต้ Surface)
ที่ชาร์จ (มีขนาดเล็กพอสมควร)
ตัวเครื่อง
สำหรับเรื่องของคุณลักษณะของเครื่อง (specification) ผมขออนุญาตข้ามนะครับ เพราะเชื่อว่าหาอ่านได้กันเองอยู่แล้วจากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ โดยภาพรวมถือเป็นเครื่องที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับ BlackBerry Playbook อยู่พอสมควร ถือว่าเบาใช้ได้ในขนาดเครื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ (Playbook กลายเป็นของหนักไปโดยปริยายเมื่อเทียบต่อขนาด)
ด้านหน้า นอกจากปุ่ม Windows และหน้าจอแล้ว ก็มีกล้อง
ด้านข้างซ้ายมือมีลำโพง ช่องเสียบหูฟัง ปุ่มปรับเสียง
ด้านขวามือมีลำโพง ช่องเสียบ Micro HDMI ช่องเสียบ USB และ ช่องต่อที่ชาร์จ
ด้านบนมีปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และไมโครโฟนสองตัว
ด้านล่าง เป็นช่องพิเศษสำหรับ Touch/Type Cover โดยเฉพาะ
ด้านหลังไม่มีอะไรมากครับ นอกจากกล้อง และขาตั้ง
ขาตั้ง
สิ่งที่น่าสนใจคือขาตั้งที่สามารถจับออกมาตั้งแล้วพับเก็บได้ในตัว ซึ่งพอตั้งแล้ว Surface กลายสภาพเป็นเหมือนกรอบรูปอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่บนโต๊ะไป มากกว่าที่จะเป็นแท็บเล็ต
นอกจากนั้น ขนาดขาตั้งก็ไม่ได้บางเหมือนที่คิดเอาไว้ (แต่ก็ยังถือได้ว่าบาง)
รายละเอียดหลังเครื่องครับ
การใช้งานจริง
ในเรื่องของการใช้งาน Windows RT นั้น มีความคล้ายคลึงกับ Windows 8 อย่างมาก สามารถอ่านที่คุณ mk เขียนถึงการใช้งานทั้งตอนที่ 1และ ตอนที่ 2 ได้เลยครับ
กลับมาที่เครื่อง ในส่วนของการใช้งานจริง ขออนุญาตสรุปเป็นข้อ ดังนี้ครับ
- ตัวเครื่องเวลาถือเปล่าๆ มีโอกาสจะโดนปุ่ม Windows บนหน้าจอมากแล้วก็จะทำงานเอง ถึงเข้าใจว่าทำไมถึงออกแบบมาพร้อมกับ Touch/Type Cover
- พื้นที่ใช้งานจริงๆ อยู่ที่ประมาณ 17 GB นอกนั้นเป็นส่วนของ Windows
- ขนาดเครื่องถ้ายืนใช้ตามขวางจะกินที่มาก รู้สึกแปลกกว่าการใช้ iPad ในขณะเดียวกัน ถ้าใช้ตามยาว บางโปรแกรมก็จะไม่แสดงผลเลย
- ถ้าเคยใช้ Windows 8 อยู่แล้ว Surface จะเรียกการตั้งค่าจากเครื่องที่เคยใช้ออกมาให้หมด ถ้าเข้าสู่ระบบด้วยชื่อและรหัสผ่านเดียวกัน
- หน้าจอสะท้อนแสงพอสมควร
- ถ้าคุ้นเคยกับ BlackBerry Playbook อาจจะใช้งานได้เร็ว เพราะมีหลายครั้งที่ต้องลากจากขอบจอสีดำเข้ามาโซนหน้าจอเพื่อทำงาน เช่น เรียกใช้ Charm Bar เป็นต้น
- น้ำหนักเบามาก ในการใช้งานจริงไม่มีเมื่อยมือ
- คีย์บอร์ดบนหน้าจอที่เป็นภาษาไทย ทำเอาผมเกาหัวไปสองที เพราะไม่ใช่รูปแบบมาตรฐาน
- ใช้งานลื่นมาก "แต่" ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกม เพราะพอเล่นเกมอย่าง Fruit Ninja ยังทำงานได้ค่อนข้างช้า
- มาพร้อมกับ Adobe Flash Player (ตอนแรกผมนึกว่าไม่มี)
- เปิดเครื่องปุ๊บ จับสั่งอัพเดตทันที ทำให้ใช้เครื่องทันทีไม่ได้ตอนแรก
- Microsoft Office ที่แถมมาทำงานได้อย่างดี เปิดเอกสารไม่มีเพี้ยน
- รองรับภาษาไทยเป็นอย่างดี
- จอภาพคมชัดพอสมควร แม้ไม่ใช่ Full HD ก็ยังชัด
- สำหรับแบตเตอรี่ ผมใช้วันนี้ครึ่งวันประมาณ 4 ชั่วโมง เปิดและเปิด Wi-Fi บ้าง หายไปประมาณ 35% เท่านั้น ถือว่าเยี่ยมมากๆ
- การ sleep/wake ทำได้รวดเร็วมาก แต่การ restart และเปิดเครื่องกลับช้า
เรื่องของกล้อง
ในบรรดาแท็บเล็ต ผมอาจจะถือว่ากล้องที่ติดมาพร้อมกับ Surface ถือเป็นกล้องที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มา รูปภาพที่ได้อยู่ในระดับที่แย่ไม่ต่างจาก Samsung Galaxy Mini/BlackBerry Curve 8520 เรียกว่ากล้อง Dev Alpha B ของ BlackBerry อาจจะยังให้ภาพที่สวยกว่าด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำ กล้องยังถูกตั้งให้เอียงจากระดับภายใน ประมาณ 22 องศา (อ้างอิง) ทำให้เวลาถ่าย ต้องเบน Surface ออกจากตัว ยืนถ่ายโดยตั้งเครื่องตรงๆ ไม่ได้ ถือเป็นความปวดหัวที่น่าหงุดหงิดประการหนึ่ง
ภาพจากกล้องของ Surface
ข้อสรุปและความเห็น
ในเชิงตัวเครื่อง ต้องยอมรับว่าไมโครซอฟท์ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม และถือว่าเอาใจใส่ในเชิงรายละเอียดอย่างมากโดยเฉพาะในทางวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม ในจุดอย่างกล้องหลังซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะทำได้ดีกว่านี้ ถือเป็นข้อด้อยอย่างสำคัญ ในเชิงซอฟต์แวร์ โดยทั่วไปถ้าไม่ได้เล่นเกมหรืออะไร การตอบสนองถือว่าทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม โปรแกรมที่มีให้ใช้บน Windows Store ยังถือว่าเป็นปัญหาอยู่พอสมควร แต่คาดว่าปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยลงไปในภายหลัง
ในความเห็นของผมตอนนี้ ผมแนะนำว่าด้วยราคาประมาณนี้ เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่าอยู่ในข่ายซื้อได้ (และถ้าจะแนะนำ ควรซื้อ Touch/Type Cover ควบคู่ด้วย) แต่ก็ต้องยอมรับว่า Windows RT นั้นไม่ใช่ Windows 8 และก็ต้องปรับตัวใช้งานพอสมควร ดังนั้นแล้ว ถ้าต้องการใช้โปรแกรมเดิมๆ ได้ และใช้งานกับของเดิมๆ ได้ ควรจะรอ Surface Pro ที่กำลังจะออกภายในปีหน้านี้ (ประมาณเดือนเศษๆ)
หมายเหตุ รูปภาพทั้งหมดสามารถดูได้จากที่นี่ และขอขอบพระคุณ ฤชากร ไตรรัตนานุสรณ์ และ กอบชาติ วิเชียรศรี สำหรับประเด็นพิจารณาในการทำรีวิวครั้งนี้
เนื้อหายาวหน่อยนะคับมีอะรัยผิดพลาดต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคับ


ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันการชันสูตรพบสาร “ไซยาไนด์”ในกระแสเลือดและกระเพาะอาหารของ “นัทปง” ในปริมาณที่ทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการไหลตาย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย

















