สุดยอด “เด็กหนีออกจากบ้าน” ด้วยวิธีการที่ใครๆ ก็คิดไม่ถึง
การหนีออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเพื่อเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ หรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม สำหรับเด็กเพียงหนึ่งคนนั้น จะมีสักกี่วิธีที่เด็กจะใช้เพื่อหนีออกจากบ้าน
และมากกว่านั้นคือ มันสามารถเกิดขึ้นจริงๆ ได้
รายการต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของ สุดยอด “เด็กหนีออกจากบ้าน” ด้วยวิธีการที่ใครๆ ก็คิดไม่ถึง
Barbara McVay :: หนีออกจากบ้านโดยแอบขึ้นเรือดำน้ำ
Barbara McVay ที่มาภาพ ebay
ในปี ค.ศ.1966 Barbara McVay เด็กสาววัย 17 ปี จากรัฐแมรี่แลนด์ ได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่สมกับเป็นเด็กผู้หญิง "เพราะเธอชอบหนุ่มอังกฤษ" แต่ในสมัยนั้น การเดินทางไกลข้ามประเทศแบบนี้ออกจะยากลำบาก ยิ่งสำหรับเด็กหนีออกจากบ้านแบบเธอที่ไม่มีเงินด้วยแล้วยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ หลังจากคิดแล้วคิดอีก Barbara ก็ค้นพบวิธีการสุดบรรเจิด เธอจะเดินทางไปยังอังกฤษโดยแอบไปกับเรือดำน้ำ
เธออาศัยโอกาสในตอนที่เรือดำน้ำ HMS Walrus แห่งกองทัพเรืออังกฤษมาจอดแวะพักที่ท่าเรือบัลติมอร์ แอบหลบเข้าไปอยู่ในส่วนของหอบังคับการ (conning tower คือ ส่วนบนสุดของเรือดำน้ำ ไว้สำหรับสอดส่องวิสัยทัศน์ภายนอก) และหลบอยู่ในนั้นนาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะต้องจำใจโผล่ออกมาจากที่ซ่อนเพราะเกือบขาดอากาศหายใจ
เรือดำน้ำ HMS Walrus ที่มาภาพ battleships-cruisers
ถือว่า Barbara ยังโชคดี เพราะถ้าเรือดำน้ำดำลงไปจนมิด น้ำก็จะค่อยๆ ไหลเข้าไปในส่วนหอบังคับการจนเต็ม และเรือดำน้ำนี้ก็กำลังจะเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อไปยังสกอตแลนด์ เมื่อลูกเรือพบว่ามีคนแอบขึ้นเรือมาด้วย ทั้งหมดก็ต้องเดินทางกลับไปยังบัลติมอร์อีกรอบเพื่อพาเธอกลับไปส่งบ้าน เป็นอันจบการผจญภัยที่ไม่ประสบความสำเร็จของ Barbara
Semaj Booker :: หนีออกจากบ้านโดยการขับรถซิ่งหนีตำรวจข้ามรัฐ
Semaj Booker ที่มาภาพ komonews
ในปี ค.ศ.2001 เด็กชายผู้มีชื่อว่า Semaj Booker ได้ตัดสินใจว่า เขาอยากจะหนีออกจากบ้านที่วอชิงตันไปหาปู่ที่ดัลลัส เขารู้ว่าวิธีที่จะไปได้เร็วที่สุดคือการนั่งเครื่องบิน แต่ปัญหาคือ เขาอายุแค่ 9 ปี และที่บ้านคงต้องไม่ยอมไปส่งเขาที่สนามบินแน่ๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ เขาจึง ขโมยรถของเพื่อนบ้านและขับไปที่สนามบินเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขับไปถึงสนามบิน ตำรวจจราจรก็สังเกตเห็นความผิดปกติเสียก่อน จึงเปิดฉากการขับรถไล่ล่าที่นอกจากจะมีรถตำรวจแล้ว ยังมีเฮลิคอปเตอร์ และรถหุ้มเกราะเข้ามาช่วยกันไล่ตาม ด้วยทักษะชั้นยอดที่ฝึกมาจากวิดีโอเกมส์ Semaj สามารถขับรถหนีตำรวจได้อย่างน่าทึ่ง แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเพราะรถของเขาเกิดเสียขึ้นมาทำให้เขาก็ถูกจับจนได้ แต่ด้วยความที่เขายังเด็กเกินกว่าจะตั้งข้อหาอะไร ตำรวจจึงจำต้องปล่อยเขากลับบ้านไป
ที่มาภาพ komonews แต่ Semaj ยังไม่ถอดใจจากการเดินทางไปดัลลัส วันต่อมา เขาเปลี่ยนวิธีโดยการนั่งรถบัสไปยังสนามบินซีแอตเทิล (น่าจะใช้วิธีนี้แต่แรก) แต่คราวนี้เขาต้องพบกับปัญหาอีกอย่าง เขาไม่มีตั๋วเครื่องบิน ในตอนนั้นเอง สายการบินก็ประกาศชื่อผู้โดยสาร Frank Williams ที่ทำตั๋วเครื่องบินหาย เมื่อเห็นโอกาสเป็นใจขนาดนี้ Semaj เด็กสุดแสบก็สวมรอยไปบอกกับพนักงานประจำสายการบินว่า เขาชื่อ Frank Williams และในที่สุดก็ได้ตั๋วเครื่องบินขึ้นเครื่องไปได้อย่างหน้าตาเฉย เขาเปลี่ยนเครื่องบินถึง 3 ต่อ จนเกือบจะไปถึงเมืองดัลลัสตามที่ตั้งใจไว้ แต่พนักงานประจำสายการบินเกิดเห็นผิดสังเกตขึ้นมาก่อน จึงมีการติดต่อไปยังแม่ของเขา และส่งตัวกลับไปยังบ้านอีกครั้ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ การผจญภัยของ Semaj ไม่ได้จบแค่นี้ ในระยะเวลา 2 ปีหลังจากเหตุการณ์นี้ ตำรวจต้องนำตัว Semaj ที่หนีออกมากลับไปส่งที่บ้านถึง 12 ครั้ง
Bobby Stap :: หนีออกจากบ้านโดยการล่องเรือ
ที่มาภาพ cracked ในปี ค.ศ.1938 Bobby Stap วัย 13 ปี มีความฝันอยากจะเป็นกะลาสีเรือเหมือนกับพ่อของเขาที่เป็นหัวหน้าเรือสินค้าข้ามสมุทรของอเมริกา แต่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ตรงที่เขามีความฝันแรงกล้ามากแบบที่ใครก็หยุดไม่อยู่ ถึงขนาด แอบหนีขึ้นเรือเดินทางข้ามประเทศไปหลายต่อหลายครั้ง ครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.1938 Bobby แอบหนีออกจากบ้านที่ควีนส์ รัฐนิวยอร์กไปโผล่ที่นอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้นก็กลับมาบ้านเองอย่างปลอดภัย หลังจากกลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นานนัก เขาก็หนีออกจากบ้านอีกครั้ง คราวนี้นั่งเรือ Georgic เพื่อจะไปลงที่ประเทศอังกฤษ แต่เขาไปไม่ถึงเพราะลูกเรือมาเจอเข้าเสียก่อน เลยถูกส่งกลับไปกับเรือ Queen Mary ไปยังบ้านเขาที่นิวยอร์ก ดูเหมือนการผจญภัยที่ไม่สำเร็จนี้คงทำให้ Bobby อัดอั้นตันใจมาก เพราะหลังจากเขากลับมาบ้านได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เขาก็หนีออกไปอีกครั้ง โดยแอบขึ้นไปบนเรือ City of Chattanooga ที่มุ่งหน้าไปสะวันนา รัฐจอร์เจีย แต่คราวนี้ก็ไม่สำเร็จอีกเพราะลูกเรือมาเจอเข้าเสียก่อน เขาเลยถูกส่งกลับบ้านไปอีกครั้ง แต่ยังไม่หมดเท่านี้่ เพราะหลังจากนั้น Bobby ก็หนีออกจาบ้านอีกเป็นครั้งที่ 4 โดยคราวนี้แอบขึ้นไปบนเรือล่องสมุทรแคริบเบียน จนถึงตอนนี้ เรื่องของ Bobby ก็โด่งดังกลายเป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกคนตั้งคำถามว่า จะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี? ในที่สุดก็มีทางที่ดูจะแก้ปัญหานี้ได้ ในเมื่อชอบล่องเรือขนาดนี้พ่อแม่ของเขาก็เลยตัดสินใจส่ง Bobby ไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเรือซะเลย Bobby กลายเป็นนักเรียนเตรียมทหารเรือที่อายุน้อยที่สุด และดูเหมือนวิธีนี้จะช่วยให้เขาสงบลงได้มากเพราะหลังจากเรียนจบในเดือนกันยายน ค.ศ.1940 ข่าวของ Bobby ก็เงียบหายไป จนกระทั่ง ปี ค.ศ.1942 หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวเกี่ยวกับ Bobby อีกครั้ง คราวนี้เขาถูกช่วยเหลือขึ้นมาจากเรือติดอาวุธตอปิโด แถมเขายังได้รับสมญานามใหม่ว่า เป็นตัวสร้างความรำคาญให้กับกองทัพเรือ ดูเหมือนว่านิสัยแบบนี้จะแก้กันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด
Phillip Davidson :: หนีออกจากบ้านและเดินทางท่องโลก
ที่มาภาพ cracked
ในหมู่เด็กทั้งหลายที่ชอบหนีออกจากบ้าน Phillip Davidson คือต้นแบบของเด็กรักอิสระที่อยู่กับที่ไม่ได้ ความพยายามในการหนีออกจากบ้านครั้งแรกของเขาเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1960 เมื่ออายุได้ 6 ขวบ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ Phillip หนีออกจากบ้านไปต่างประเทศอีกหลายต่อหลายครั้ง ทำเอาทุกคนปวดหัวกันไปหมด ในปี ค.ศ.1971 พนักงานสนามบินพบ Phillip วัย 16 ปี เดินไปเดินมาอยู่คนเดียวในสนามบิน Tampa International Airport สหรัฐอเมริกา ทั้งที่จริงๆ แล้วบ้านของเขาอยู่ที่โคเวนทรี ประเทศอังกฤษ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพยายามหาคำตอบว่าเขาบินข้ามประเทศมาได้อย่างไรทั้งๆ ที่ไม่มีตั๋วเครื่องบิน แต่ Phillip ก็ไม่ให้ความร่วมมือ อีกทั้งยังเล่าเรื่องไม่เหมือนกันสักครั้งจนเจ้าหน้าที่ยอมแพ้และติดต่อให้พ่อเขามารับตัวกลับไป พ่อของเขาก็เลยได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า ตั้งแต่อายุ 6 ปี ถึง 16 ปี รวม 10 ปีมานี้ Phillip หนีออกจากบ้านมาแล้ว 46 ครั้ง ถึงตอนนี้ใครๆ ก็คงคิดว่า พ่อแม่ของเขาคงต้องเป็นคนแย่มากแน่ๆ ลูกถึงหนีออกจากบ้านบ่อยขนาดนี้ ความจริงแล้วคือ พ่อของเขาก็รักลูกมากขนาดเพิ่งยอมเสียเงิน 1,000 เหรียญ เพื่อไปรับ Phillip ที่หนีไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์กลับมา สรุปคือ เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาอะไร แค่เกิดมารักการผจญภัยมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง สุดท้าย Phillip เองก็ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด้วยประโยคที่ทำเอาทุกคนกุมขมับว่า "นี่เป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น และเป้าหมายต่อไปของผมคือออสเตรเลีย"
ที่มา http://www.everyday-readers.com
ที่มาภาพประกอบ bagscard