เรื่องบันไดชั้นสูง
เช้าวันใหม่ เป็นเช้าแห่งวันสดใสแห่งการเริ่มต้นในหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างรวมทั้งยังเป็นเช้าแห่งความหวังของใครหลายๆคน แม้กระทั่งชายหนุ่มคนนี้ ก้าน ก้านเป็นชายหนุ่มที่จัดอยู่ในประเภทไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตซักเท่าไหร่ ล้มเหลวในเรื่องความรัก มีแฟนแฟนก็ทิ้ง เรียนก็ไม่เก่งจบมาก็ด้วยคะแนนที่อยู่ในเส้นเฉียดตาย แถมเรียนตั้ง 6 ปีกว่าจะจบปริญญาตรี เพื่อนๆ ก็ไม่สนใจเอาใจใส่กันเหมือนเพื่อนกลุ่มอี่นๆ ก็คือ จัดอยู่ในประเภทแทบไม่มีคนคบ เรื่องทางบ้านของก้านก็ไม่ดีเท่าไหร่ เขามีพี่ชาย 1 คน และน้องชายอีก 1 คน พ่อแม่ของก้านค่อนข้างจะรักพี่ชายและน้องชายมาที่สุดเพราะพี่ชายของเขาเป็นคนเก่งเรียนจบก็ได้เกรดนิยม แถมฐานะทางการงานก็ได้ดีอีกต่างหาก และในเวลานี้น้องชายของก้านก็กำลังเป็นความหวังของพ่อแม่อีกทางหนึ่ง มีแววว่าจะได้เกียรตินิยมอีกคนนึงด้วยซ้ำ พ่อแม่ก็เลยยิ่งรักยิ่งเอาใจกันยกใหญ่ เขารู้สึกเสมอว่า ความรักที่มีอยู่ในตัวของพ่อและแม่นั้น มีกันแค่คนละสองส่วนเท่านั้น ซึ่งก็ถูกแบ่งสันปันส่วนได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะพอดิบพอดี ส่วนนึงให้พี่ชาย ส่วนนึงก็ของน้องชาย ก้านรู้สึกเสมอมาว่าเขาไม่เคยได้สัมผัสสิ่งนี้จากพ่อแม่เลย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดไปหมดจะต้องโดนด่าทุกครั้ง แต่วันนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองซะใหม่ วันนี้เขามีนัดสัมภาษณ์งาน ตั้งแต่จบมา เขายังไม่มีงานทำ ส่งใบสมัครไปที่ไหนก็ไม่มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด แต่ที่นี่บริษัทนี้ติดต่อกลับมาหาเขา มันจึงเป็นความหวังที่แสนจะน้อยนิดในความเป็นจริง แต่มันก็มากพอสำหรับเขา เขาหวังกับมันมาก
“วันนี้ 10 โมงครึ่ง ต้องไปให้ทัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แสดงถึงความตั้งใจจริง
เช้าวันนี้ ก้านตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวจัดแจงความพร้อมให้กับตัวเอง ก้านตั้งใจว่าจะออกจากบ้านเวลา 8 โมงเช้า ไปถึงบริษัทนี้ก็เวลา 9.30 น. ก่อนเวลาสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมง ก่อนออกจากบ้านยังตรวจทานเอกสารสมัครงานของเขาอีกครั้งเพื่อความแน่นอนที้งที่เขาก็เปิดดูมันก่อนหน้านี้เป็นสิบๆ รอบไปแล้ว พอตรวจทางเอกสารทั้งหมดครบแน่นอนว่าไม่ได้ตกหล่นอะไร ก้านจึงเริ่มที่จะตั้งสติและตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป การก้าวเดินออกจากบ้านในครั้งนี้มันช่างแตกต่างจากครั้งอื่นๆ วันอื่นๆ ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะวันนี้มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นและความหวังอย่างที่สุด ก้านก้าวเดินจากถนนในซอยบ้านมุ่งตรงไปยังป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ในระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่ เขารู้สึกได้เลยว่า วันนี้มันช่างอากาศดีเสียจริง ลมเย็นสบาย ร่มรื่น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า นี่คือวันของเขาจริงๆ เราจะต้องโชคดีแน่นอนในวันนี้
9.00 น. ก้านอยู่บนรถเมล์ เขานั่งยิ้มอย่างมีความสุข เพราะรถไม่ติดเลย วันนี้มันต้องเป็นวันดีของก้านจริงๆ ตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้ทุกอย่างมันช่างราบรื่นไปหมด 9.30 น. ก้านมาถึงหน้าตึกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งอยู่บนชั้น 9 เขามาถึงก่อนเวลาสัมภาษณ์ 1 ชั่วโมง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่เขาวางไว้เขายิ้มแล้วก็พูดกับตัวเอง
“วันนี้มันเป็นวันของเราจริงๆ” จากนั้นก้านจึงตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปในตึก ก้านมองสิ่งรอบตัวภายในตึกพยายามที่จะจดจำองค์ประกอบเหล่านี้ เพราะหลังจากวันนี้ไปเขาจะต้องมาทำงานที่ตึกแห่งนี้บนชั้น 9 เขาจะต้องเดินผ่านสิ่งเหล่านี้ทุกวัน เขาก้าวเดินมุ่งหน้าไปสู่ลิฟต์ผ่านยามก็ยิ้มให้ยามเหมือนคนที่รู้จักคุ้นเคยกัน เขาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์ ซึ่งมีอยู่ 3 ตัวด้วยกัน แต่ปรากฏว่า ตอนนี้เกิดเหตุขัดข้องกะทันหันลิฟต์ดันเสียพร้อมกันทั้ง 3 ตัว เขาเริ่มสะดุดหยุดนิ่งแล้วก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง 9.34 น. ยังมีเวลาตั้งเกือบชั่วโมง
“เอาวะแค่ชั้น 9เองค่อยๆ เดินขึ้นไปก็ถึง” เขาพูดให้กำลังใจตัวเอง เพราะปัญหาเพียงแค่นี้ไม่สามารถมาหยุดความตั้งใจจริงของเขาไปได้
ถึงแม้จะผิดแผนไปซักหน่อยแต่แค่ชั้น 9 ยังงัยก็ถึงก่อน 10.30 น. อยู่ดี ก้านก้าวเดินตรงไปที่บันไดหนีไฟ ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทีละชั้น ทีละชั้น ตลอดทางที่ก้าวขึ้นไปในหัวของก้านมีภาพของอนาคตที่จะเปลี่ยนไป เขาจะได้รับความภาคถูมิใจ คำชม จากพ่อ แม่ พี่ น้อง และเขาจะมีเพื่อนจากที่ร่วมงานด้วยกัน เลยไปถึงว่าเขาจะพบรักกับผู้หญิงซักคนที่ทำงานอยู่ภายในตึกแห่งนี้ เขาก้าวเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าประตูทางออกของชั้นที่ 9
“ถึงแล้วสินะ ชีวิตใหม่ของเรา อนาคตของเรา” เขาพูดด้วยความรู้สึกที่ภูมิใจ มุ่งหวัง ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาก้มมองดูนาฬิกาอีกครั้ง ขณะนี้เวลา 10.05 น. “ยังมีเวลาเหลือ”
เขาตรวจสภาพตัวเองอีกครั้ง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ใบหน้า คอและแขน เสื้อของเขาเริ่มเปียกเหงื่อนิดๆ เดี๋ยวเข้าไปตากแอร์ให้คลายร้อนก็หายไปเอง เขาเปิดประตูแล้วเดินตรงเข้าไปที่บริษัทแห่งนี้ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อพนักงานทำความสะอาด ได้บอกกับเขาว่า บริษัทแห่งนี้ได้ย้ายขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 20 แล้ว เขาก้มมองดูที่นาฬิกาอีกครั้งนึง
“อืม เอาวะยังงัยก็ยังดียังอยู่ในตึกนี้” เขาพูดให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง
เขาลองเดินไปที่ลิฟต์อีกครั้ง แต่ลิฟต์ก็ยังใช้การไม่ได้
“อีกนานหน่ะคุณ มันเป็นอย่างงี้บ่อย” พนักงานทำความสะอาดพูดขึ้นเมื่อเห็นก้านเดินไปกดที่ลิฟต์
เขาหันมายิ้มกับพนักงานทำความสะอาด แล้วนิ่งคิดอยู่ครู่นึง จึงตัดสินใจเดินไปที่บันไดหนีไฟ ก้าวขึ้นต่อไปยังชั้นที่ 20 ตอนนี้หนทางของเขาช่างดูยาวไกลขึ้นมากนัก สภาพของเขาเริ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาเดินขึ้นไปมองนาฬิกาไป ยังงัยต้องขึ้นไปให้ทัน10.30 น. ให้ได้ เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก อารมณ์ของเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นจนมาถึงชั้นที่ 16 เขาหยุดพักนั่งพิงกำแพง ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก ในความรู้สึกของก้านตอนนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจในความฝันของเขา ภาพและเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มเกิดขึ้นมาในหัวของเขา แต่ไม่ใช่ภาพแห่งความสวยหรูภาพแห่งความสุขที่เขาได้วาดฝันไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันคือภาพเหตุการณ์จริงในชีวิตของเขาที่เขาพยายามที่จะเปลี่ยนมัน คำด่าทอต่างๆ นาๆ หน้าของผู้หญิงที่ทิ้งเขาไป ภาพของเขาที่ต้องมานั่งมาอยู่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อนๆ คนไหนสนใจเข้ามาพูดคุยกับเขา ความรู้สึกของเขาตอนนี้กดดันมาก ภาพในหัวของเขาทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันมันรุมเร้าบั่นทอนจิตใจเขาเหลือเกิน เขากุมหน้าตัวเองและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรมานอย่างเหลือหลายเหมือนคนบ้าอยู่พักนึงแล้วจึงเงียบสงบลง 10.40 น. เขายังนิ่งอยู่เหมือนเดิมที่เดิม บรรยากาศรอบตัวเขาเงียบสงบมาก ซักพักนึงเขาค่อยๆ ปลดสายนาฬิกาข้อมือออกแล้วทิ้งมันไว้ที่พื้น เขาลุกขึ้นก้าวเดินต่อไปยังชั้นบน ท่าทางของเขาช่างเงียบสงบเหมือนคนไม่มีวิญญาณความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นในตัว ไม่มีอารมณ์ของความสุขแห่งการเพ้อฝัน ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดจากภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ถูกด่าทอมาตลอด ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เราไม่รู้เลยว่าในใจตอนนี้เขามีความรู้สึกอย่างไร คิดอะไรอยู่ ร่างที่ไร้วิญญาณ ค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้
11.20 น. เขาเดินมาถึงปลายทางแห่งความฝันแล้ว ชั้นที่ 20 เขาค่อยๆ เปิดประตู ก้าวตรงไปยังจุดมุ่งหมายนี้สภาพของเขาช่างโทรมผิดจากตอนแรกที่เขาก้าวมาถึงหน้าตึกแห่งนี้โดยสิ้นเชิง
“ไม่ทราบ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานต้อนรับถามก้านด้วยความรู้สึกสงสัย เพราะสภาพของก้านในตอนนั้นโทรมมาก พนักงานบริษัทคนอื่นที่เดินไปเดินมาก็ต้องเหลียวมองตามกัน
“ผมมาสมัครงานครับ” ก้านตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นธรรมดามากแล้วเขาก็ค่อยๆ เปิดกระเป๋าหยิบเอกสารที่เตรียมมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ พนักงานต้อนรับหยิบเอกสารของเขามาดู แล้วบอกให้ก้านนั่งรอซักครู่จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ก้านเดินไปนั่งรอก้มหน้านิ่งเฉย เวลาผ่านไปซักพักก็มีชายหนุ่มแต่งตัวดีเดินมาในมือถือเอกสารของก้านมาด้วย ชายหนุ่มคนนี้เดินตรงมาที่ก้าน
“โทษนะครับ เรามีนัดสัมภาษณ์กันวันนี้ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่สายตาก็อดที่จะสังเกตสภาพที่โทรมของก้านไม่ได้
“ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับคือตำแหน่งที่คุณสมัครมานี่ เราได้รับพนักงานใหม่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ว่าจะให้คุณลองสมัครตำแหน่งอื่นดูแต่ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งไหนว่างเลย ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับเอ่อ หรือคุณจะลองเขียนใบสมัครทิ้งไว้ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มยังพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
ก้านไม่ได้พูดอะไรหยิบเอกสารของตัวเองใส่กระเป๋าแล้วจึงก้าวเดินออกไป เขามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบริษัทแห่งนี้อยู่ครู่นึง ก็มีเสียงประตูลิฟต์เปิดออก มีคนก้าวเดินออกจากลิฟต์ประมาณ 5-6 คนเดินคุยผ่านหน้าก้านไป ริมฝีปากของก้านค่อยๆ ยิ้มแล้วจึงกลายเป็นหัวเราะปากก็หัวเราะไปแต่แววตาของเขาแดงก่ำ เขาเดินไปหัวเราะไปตรงไปยังบันไดหนีไฟ เดินก้าวลงไปเรื่อยๆ เสียงหัวเราะของเขาค่อยๆ จากหายไปพร้อมกับประตูบันไดหนีไฟที่ค่อยๆ ปิดลง