7 สัตว์โบราณ
นับตั้งแต่โลก นี้มีสภาพอากาศและสภาวะแวดล้อมเหมาะสม ก็ได้ปรากฏสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมายถือกำเนิดบนโลกใบนี้ แต่ท่านรู้มั้ยว่า โลกที่เราอาศัยอยู่ในตอนนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตสมัยดึกดำบรรพ์รอดจากภัยพิบัติต่างๆและอาศัยอยู่กับเราด้วย วันนี้ผมจะพาไปพบกับ 7 สัตว์โบราณที่ยังมีชีวิต แถมหน้าตาน่ารักน่าชังซะด้วย ไปดูกันเลยคับ
อันดับที่ 7: Goblin shark
Goblin shark หรือ ฉลามก็อบลิน มีชีวิตตั้งแต่สมัย 124 - 112 ล้านปีก่อน อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกแถบมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ ไล่ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ พบครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของมัน คือ เหมือนฉลามทั่วๆไป แต่จะมีครีบที่ค่อนข้างมาก
แต่ส่วนที่เห็นได้ชัดเลยว่าแตกต่างไปจากฉลามตัวอื่น คือ เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากหน้าผากมันหรือก็คือจมูกที่มีลักษณะแบนราบซึ่งจะ เป็นตัวช่วยให้ฉลามก็อบบลินหาเหยื่อได้ โดยจะมีอวัยวะที่ทำงานคล้ายเซนเซอร์ไฟฟ้าอยู่ข้างในจมูกของมัน คอยส่งสัญญาณให้ฉลามก็อบลินรู้ว่าเหยื่ออยู่ที่ไหน แต่บางทีมันก็ใช้การดมกลิ่นแทน และปากของมันสามารถยืดออกมาได้อีกด้วย ส่วนขนาดความยาวทั้งตัวตั้งแต่หัวถึงหางของฉลามก็อบบลินก็ยาวประมาณ 11-15 ฟุตหรือ 3.3 -4.5 เมตร
อันดับที่ 6: Giant River stingray
Giant River stingray หรือ กระเบนราหู มีชีวิตมาตั้งแต่สมัยยุคจูราสสิค หรือประมาณ 100 ล้านปีก่อน กระเบนนั้น เป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในตะกอนใต้น้ำ ซึ่งดูภายนอกแล้ว ไม่มีพิษมีภัยซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไปแหย่มันละก็ มันจะใช้หางพิษแทงเข้าที่ตัวเหยื่อ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ตายชัวร์ และกระเบนน้ำจืดยักษ์ขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยวัดได้ มีขนาดถึง 4.3 เมตร !! ซึ่งจับได้ที่แม่น้ำบางปะกง ประเทศไทยเีรานี่เอง
อันดับที่ 5: Frilled Shark
Frilled Shark หรือ ฉลามครุย ในภาษาไทย เป็นฉลามที่มีรูปร่างเรียวยาวคลายปลาไหล มีผิวสีน้ำตาลหรือเทาเข้ม มีซี่กรองเหงือก 6 คู่ และพู่กางออกเหมือนซาลาแมนเดอร์บางชนิด ทำให้ดูแลเหมือนครุย ปากกว้างเลยตำแหน่งของตา ภายในปากมีฟันที่แตกเป็นดอกแหลม ๆ 3 แฉก ซึ่งแต่ก่อนนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ปลาฉลามสายพันธุ์นี้เคยสูญพันธ์ไปเมื่อยุคครีเตเซียส หรือประมาณ 95 ล้านปีก่อน
ฟันที่เป็นเอกลักษณ์ของฉลามครุย
แต่ในเดือน มกราคม ค.ศ. 2007 ปลาฉลามชนิดนี้ก็ถูกชาวประมงชาวญี่ปุ่นจับตัวได้ที่ชายฝั่งใกล้สวนน้ำอะวาชิ มา ในเมืองชิซุโอกะทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ซึ่งสาเหตุที่จับได้นั้น เนื่องจากมันทนสภาวะที่ระดับอุณหภูมิในน้ำสูงขึ้นไม่ไหว จึงลอยมาเกยตื้นและตายไปในที่่สุด ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่า ปลาฉลามครุยนั้นเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตในโลกปัจจุบันนี้
เชื่อว่าปลาฉลามชนิดนี้อาศัยอยู่ใน แหล่งน้ำลึกทุกที่ แต่จะกระจายพันธุ์อยู่ในเขตน้ำลึกใกล้นอร์เวย์, แอฟริกาใต้, นิวซีแลนด์และชิลี ส่วนความยาวเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดประมาณ 6.5 ฟุต
อันดับที่ 4: Alligator Gar
ปลาปากจรเข้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัย เมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน โดยปลาจรเข้เป็นปลาพื้นเมืองของสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดาและแถบลุ่มแม่น้ำมิซิซิปปี้ เป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มปลาการ์ ลักษณะของมันคือ มีปากคล้ายกับจระเข้รูปร่างกลมยาว ภายในปากมีฟันแหลมคม 2 แถว ตากลมสีดำ บริเวณลำตัวจรดหางคล้ายปลา มีครีบเล็กใต้ท้อง 2 ครีบคู่ ใต้ท้องสีขาว ที่บริเวณปลายหาง ใกล้หางมีครีบใหญ่อีก 2 ครีบ ขนาดเมื่อโตเต็มวัยประมาณ 350 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 127กิโลกรัม
ปัจจุบัน บ้านเราก็พบเห็นได้ง่าย เนื่องจากมีบางคนนิยมเลี้ยงปลาที่มีหน้าตาแปลกพอสมควร แต่พอน้ำท่วมปุ๊บ ไอ้ปลาพวกนี้ก็หลุดออกมาตามแหล่งน้ำธรรมชาติบ้าง ทุ่งนาบ้าง ทำให้มันได้ออกข่าวค่อนข้างบ่อย สุดท้ายบ้านเราก็มีอีก 1 สมาชิกหน้าตาประหลาดอาศัยรวมอยู่ด้วย (จะดีใจหรือเสียใจดีวะเนี่ย)
อันดับที่ 3: Giant Chinese Salamander
เพิ่งออกข่าวไปไม่นานสำหรับ ซาลามานเดอร์ยักษ์จีน ที่กลบกระแสแพนด้าเพื่อนร่วมประเทศไปได้มาก โดยซาลามานเดอร์ชนิดนี้มีชีวิตมาตั้งแต่ 30 ล้านปีก่อนและยังเป็นซาลามานเดอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (อันดับที่สองคือซาลามานเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น) โดยมีความยาวได้ถึง 180 ซม.
รูปร่างภายนอก จะมีลักษณะตัวที่ใหญ่ หัวแบน ปากกว้าง ลิ้นใหญ่ หางยาวและมีขนาดถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของความยาวทั้งตัว ผิวหนังจะมีลักษณะขรุขระ มีรอยย่นมากมาย และมีปุ่มๆทั่วทั้งตัว มีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้ม สีดำไปจนกระทั่งสีเขียว ขนาดโดยทั่วไปยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 25-30 กิโลกรัม และมีอายุได้ถึง 50 ปี
โชคยังดีหน่อยที่เจ้าตัวนี้ไม่นิยม เนื้อคนซักเท่าไหร่ แต่อาจจะโชคร้่ายสำหรับมันก็ได้ ที่ดันไปเกิดในประเทศที่นิยมกินทุกอย่างโดยไม่เลือก ยังไงก็ขอให้รอดตายนะลูก
อันดับที่ 2: Triops
Triops หรือ กุ้งไดโนเสาร์ หรือ กุ้งโบราณ(แล้วแต่จะเรียกนะคับ) เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ เกิดในยุคไทรแอสสิก หรือเมื่อ 200 ล้านปีที่แล้ว ถูกยกให้เป็นฟอสซิลมีชีวิต ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยในน้ำจืด มีขนาดเล็ก ขนาดตัวประมาณ 1-3 นิ้ว ลักษณะลำตัวเป็นแท่งยาว แบ่งเป็นปล้องๆ บริเวณหัวเป็นกระดอง มีลักษณะแบนปกคลุม 2 ใน 3 ส่วนของช่องอก มี 3 ตา มีขามากถึง 35-71 คู่ รูปร่างคล้ายแมงดาทะเล ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่ประเภทเดียวกับสัตว์น้ำจืดที่มีเปลือกแข็งจำพวกกุ้งหรือปู
สัตว์โบราณ ชนิดนี้มีทีเดียว 2 เพศ สามารถผสมพันธุ์ได้ในตัวเองแต่พบไม่บ่อย ส่วนใหญ่เป็นเพศผู้ หรือเพศเมีย อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งกุ้งไดโนเสาร์ตัวเมียจะใช้ขาสร้างถุงใส่ไข่ ดังนั้นไข่จะถูกหุ้มด้วยเปลือก ทั้งนี้เพื่อรักษาตัวอ่อนให้มีชีวิตอยู่ได้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อ การฟักตัว เช่น ร้อนจัด หนาวจัด ไข่จะถูกฟักเป็นตัวต่อเมื่อไข่แห้งเต็มที่ แล้วกลับมาเปียกน้ำอีกครั้งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ตรงนี้เป็นสาเหตุว่าทำไม ตระกูลมันจึงอยู่รอดได้มาจวบจนทุกวันนี้ ปัจจุบันมีประเทศต่างๆกำลังนิยมเลี้ยงกุ้งไดโนเสาร์ รวมถึงประเทศไทยด้วย
อันดับที่ 1: Lamprey
ปลาแลมเพรย์ เป็นปลาที่ถูกจัดว่าไม่มีขากรรไกร ลักษณะคล้ายปลาไหล ลำตัวด้านหลังมักจะเป็นสีดำ มีครีบหลังและครีบหาง แต่ไม่มีครีบคู่ ไม่มีเกล็ด ปากจะอยู่ค่อนลงมาทางด้านท้อง มีลักษณะเป็นวงกลมใช้สำหรับดูด มีฟันแหลมคมจำนวนมากอยู่ในอุ้งปาก รูจมูกมี 1 รูซึ่งอยู่กึ่งกลางด้านบนของหัว มีตา 1 คู่ ถุงเหงือก 7 ถุง และมีช่องเหงือก 7 ช่อง โครงร่างเป็นกระดูกอ่อนและเส้นใย เส้นประสาทหลัง มีการพัฒนาเป็นสมองซึ่งมีเส้นประสาทสมอง 8-10 คู่ ทางเดินอาหารไม่มีกระเพาะอาหาร ส่วนลำไส้บิดเป็นเกลียว มีลักษณะเพศแยกออกเป็นเพศผู้และเพศเมียชัดเจน
ปลาแลมเพรย์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แบบธรรมดา กับ แบบปรสิต
แบบธรรมดานั้น จะอาศัยอยู่ตามลำธาร ช่วงชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นระยะตัวอ่อนที่กินอาหารแบบกรอง ตัวเต็มวัยมีชีวิตอยู่ 3-4 สัปดาห์ โดยไม่กินอาหารเนื่องจากทางเดินอาหารสลายตัว เหลือเพียงสายของเนื้อเยื้อที่ไม่มีหน้าที่การทำงานและจะตายไปหลังวางไข่
ส่วนแบบปรสิต จะมีปากคล้ายแว่นดูดและมีอุ้งปาก คล้ายถ้วยลึกลงไปในอุ้งปาก และลิ้นมีฟันที่เจริญดีอยู่ มันจะใช้ปากเกาะเหยื่อและใช้ฟันและลิ้นครูดเอาเนื้อออก และให้เลือดของเหยื่อไหลผ่านได้สะดวก ปลาแลมป์เพรย์จะสร้างสารป้องกันการตกตะกอนของเลือดส่งไปที่ปากแผล เมื่อดูดเลือดของเหยื่อจนตัวเหยื่อแห้งก็จะปล่อยแล้วหาเหยื่อใหม่