หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มหากาด 100 ปีกาดหลวงของคนเชียงใหม่

โพสท์โดย kittyviolin

“กาดหลวง” - “ตลาดวโรรส”“กาดต้นลำไย” ซึ่งทั้งสามตลาดอยู่ย่านเดียวกัน เป็นกาดที่ผมผูกพันมาตั้งแต่เด็กเพราะเมื่อ 20-30 ปีก่อนเชียงใหม่มีตลาดช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดคือกาดต้นลำไย กาดหลวง  แถบนั้นต้องการอะไรมีหมด เหตุที่ผมต้องไปบ่อยเพราะแม่มีอาชีพเย็บผ้าต้องไปซื้อผ้า กระดุม ไหม อุปกรณ์ต่าง ๆ และต้องนั่งสามล้อไปด้วย ที่ติดใจคืออาหารหลายร้านก็อร่อย ทั้งขนมจีน ก๊วยเตี๋ยว ฯลฯ และในใกล้ ๆ กันก็มีตรอกเหล่าโจ้ว  และห้างตันตราภัณฑ์ บนถนนท่าแพอันเป็นห้างที่เด็ก ๆ อยากไปมากที่สุดในขณะนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมาเวลารวดเร็วเหลือเกินที่ตลาดนี้ครบรอบ 100 ปีแล้ว และมีเสน่ห์ของตลาดที่ไม่เสื่อมคลายเป็นตลาดที่มีชีวิตและยังเป็นที่นิยมอยู่ แม้ว่าปัจจุบันตรอกเหล่าโจ้ว ซึ่งอยู่ใกล้กาดหลวงจะกลายเป็น China Town, ห้างตันตราภัณฑ์สาขาท่าแพยังปล่อยทิ้งร้างหลังปิดตัวเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา,ถนนสายท่าแพ สายไฟลงดินทั้งหมด ฝรั่งมังค่าเดินขวักไขว่ตามถนน และมีเกสท์เฮาส์อยู่เต็มไปหมด

100 ปีของกาดหลวงน่าสนใจไม่แพ้ตลาดเก่า ๆ ในประเทศไทย มีเรื่องราวที่เล่าได้อย่างมีสีสัน เพราะมีชีวิตผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนาอยู่ในตลาดนั้น ผุ้คนชาวเชียงใหม่ผูกพันเป็นตลาดคู่เมือง มากกว่าความรู้สึกที่มีต่อ Modern Trade ที่ตีโอบล้อมเมืองเชียงใหม่ดักกินกำลังซื้อผู้บริโภคอยู่ทุกวัน

 

 

 ข้อมูลของศูนย์สนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้เก็บรวบรวมประวัติและภาพถ่ายเก่าของ อ.บุญเสริม ศาตราภัยได้บันทึกไว้ว่า กาดทั้งสามตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ตั้งขึ้นในช่วงที่การค้าทางเรือระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ มีความเจริญเติบโตมาขึ้น ในช่วงนั้นมีเรือสินค้าเข้ามาจอดรับส่งสินค้าที่ท่าน้ำทางฝั่งตะวันตกเป็นจำนวนมาก ท่าเรือสำคัญทางฝั่งนี้คือ คุ้มท่าซึ่งตั้งอยู่หน้าคุ้มเจดีย์กิ่ว (ปัจจุบันคือสถานกงสุลอเมริกัน) ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือสำหรับจอดขบวนเรือของเจ้าหลวงและเรือหางแมงป่องที่เดินทางไปมาระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ

 

 

เล่ากันว่า ในแต่ละวันมีเรือมาจอดเรียงรายยาวจากคุ้มท่าจนถึงคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ (ปัจจุบันคือกาดเจ๊กโอ้ว) ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนค่อยๆ ทยอยเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน บางคนเป็นพ่อค้าคนกลางซื้อขายสินค้าที่มาจากกรุงเทพฯ และซื้อสินค้าจากภาคเหนือส่งลงไปขายที่กรุงเทพฯ บางคนทำการค้ากับพ่อค้าคนกลางขายสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหาร พืชผัก เนื้อสัตว์ ของแห้ง และเสื้อผ้า เป็นต้น เมื่อรถไฟมาถึงเชียงใหม่ สะพานข้ามน้ำปิงสร้างเสร็จก็ยิ่งทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาตั้งร้านค้าทำมาหากินหนาแน่นมากขึ้น ทำให้ตลาดทั้งสามแห่งนี้ค่อยๆ เติบโตขึ้นตามการหลั่งไหลของผู้คนที่เข้ามาทำมาหากิน

 

 

กาดหลวงหรือตลาดวโรรส ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นข่วงเมรุหรือสุสานเก่าของเจ้านายฝ่ายเหนือ ในปีพ.ศ. 2452 พระราชชายาเจ้าดารารัศมีโปรดให้ย้ายสุสานไปไว้รวมกันที่วัดสวนดอก และในปีพ.ศ. 2453 พระองค์ได้พัฒนาพื้นที่นี้ขึ้นเป็นกาด เพื่อให้คนได้แลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ชื่อกาดวโรรสนำมาจากพระนามของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์ที่ 8

 

 

กาดต้นลำไย หรือตลาดต้นลำไย ในหนังสือเรื่องเล่าจาวกาด เล่ม 2 กล่าวว่า เดิมบริเวณนี้เป็นแหล่งเลี้ยงช้างและที่อาบน้ำช้างของเจ้าหลวงผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่ ต่อมาหลวงโยนการพิจิตร (หม่องปันโหย่ว อุปโยคิน) เข้ามาขอเช่าที่เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยงช้างชักลากซุง ล่องตามน้ำปิงของบริษัทบอร์เนียวและบอมเบย์เบอร์มา พร้อมกับสร้างห้องแถวติดแม่น้ำปิงให้คนงานอาศัยอยู่ ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นชุมชนย่อยๆ และมีพ่อค้าแม่ค้าทยอยนำสินค้ามาตั้งขายใต้ต้นลำไยให้กับคนงานและคนที่สัญจรไปมา เมื่อแรกตั้งมีลักษณะเป็นกาดก้อมเล็กๆ ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็นตลาดขนาดใหญ่ เรียกว่ากาดต้นลำไย

 

 

กาดเจ๊กโอ้วหรือตลาดนวรัฐ ตั้งขึ้นตามชื่อของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงองค์ที่ 9 (พ.ศ.2452-2482 ) ทั้งนี้เพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นคุ้มของเจ้าแก้วนวรัฐ ในปีพ.ศ. 2488 เถ้าแก่โอ้ว (นายชู โอสถาพันธุ์) ได้ซื้อคุ้มหลังนี้ และอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ ในปี พ.ศ. 2500 เถ้าแก่โอ้วได้รื้อคุ้มออกและพัฒนาพื้นที่ให้เป็นตลาด เพราะเห็นว่าบริเวณนี้อยู่ติดกับแม่น้ำปิง มีผู้คนสัญจรไปมามาก ประกอบกับตัวคุ้มเองก็ชำรุดและเสื่อมโทรมลงมากแล้ว

 

 

เมื่อแรกตั้งกาดทั้งสามยังเป็นลานโล่งๆ ติดตลาดไม่นาน เริ่มตั้งแต่เช้ามืดพอสายหน่อยแดดแรงก็กลับบ้าน เมื่อมีคนเข้ามาค้าขายมากขึ้น จึงมีการสร้างอาคารร้านค้าถาวรเรียงรายอยู่บนสองฝั่งถนน เป็นอาคารไม้บ้าง ตึกบ้าง ความน่าสนใจของกาดทั้งสามนี้คือ การทำมาหากินร่วมกันอย่างลงตัวระหว่างชุมชนต่างเชื้อชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือชาวจีน ชาวพื้นเมือง และชาวซิกข์ ชาวจีนและชาวพื้นเมืองขายของจิปาถะทั้งของกินและของใช้อยู่ในตลาด ส่วนชาวซิกข์ ที่เรียกว่านายห้าง ตั้งร้านขายผ้าเมตรจากโรงงานอยู่รอบนอกตลาดจากตรอกเล่าโจ๊วอ้อมไปทางถนนช้างม่อยทั้งสองฝั่ง ชาวซิกข์กลุ่มนี้ย้ายมาจากแคว้นปัญจาบ ทางตอนเหนือของอินเดีย นับถือศาสนาซิกข์ ส่วนหนึ่งเป็นนิกายนามธารี ศูนย์กลางของชาวซิกข์กลุ่มนี้อยู่ที่วัดนามธารี บนถนนช้างม่อยตัดใหม่ใกล้ๆ กับกาดหลวงนี้เอง

 

 

เมื่อพ.ศ. 2511 ได้เกิดโศกนาฏกรรมที่สร้างความเศร้าโศกให้กับผู้คนในกาดอย่างใหญ่หลวง กล่าวคือในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้เกิดเพลิงไหม้ที่กาดต้นลำไยและลามมาที่กาดหลวง ด้วยอาคารที่เป็นไม้ และสินค้าที่เป็นผ้า ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดไฟก็เผาผลาญตลาดทั้งสองแห่งเสียหายอย่างยับเยิน ทำให้พ่อค้าแม่ขายประสบปัญหาอย่างมากต้องนำของออกไปขายที่อื่นๆ เช่น บริเวณสี่แยกโรงแรมสุริวงศ์ บนถนนช้างคลาน เป็นต้น ต่อมาจึงได้มีการสร้างตลาดขึ้นใหม่เป็นอาคารแบบตะวันตกตามที่เราเห็นทุกวันนี้ ในสมัยนั้นนับว่าเป็นอาคารที่มีความทันสมัยมาก

 

 

แม้ว่ากาดทั้งสามนี้ตั้งอยู่ใกล้กัน แต่มิได้แย่งลูกค้ากัน เพราะแต่ละแห่งมีลูกค้าคนละกลุ่มเรียกว่าแบ่งเซ็กเมนท์เตชั่นไว้อย่างลงตัวเช่น กาดหลวงเป็นศูนย์กลางของผ้านานาชนิด ทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูป และผ้าเมตร รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางสินค้าของฝาก ตั้งแต่เสื้อผ้าพื้นเมือง พืชผักนานาชนิด และของกินพื้นเมือง

 

กาดเจ๊กโอ้ว เป็นศูนย์กลางของสินค้าจากโรงงานทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค

 

ส่วนกาดต้นลำไย เป็นศูนย์กลางของพืชผลทางการเกษตร ทั้งพืชผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ เป็นต้น

 

 

ส่วนกลางคืนผมก็ว่ามีสีสันและเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่แพ้กลางวันเช่นกัน คือ ตอนนี้เริ่มมีการปิดถนนเพื่อทำเป็นถนนคนเดิน มีสินค้าสารพัดสารเพ และที่น่าสนใจคือเมนูขนมจีนใต้สะพานลอยตลาดต้นลำไย ที่เป็นที่รู้จักของคนเชียงใหม่มานานเกือบ 20 ปี ซึ่งหากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสขนมจีนน้ำเงี้ยวที่มีบรรยากาศเชียงใหม่จริง ๆ ก็ต้องลองลิ้มชิมรส โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่มาซื้อของช็อปปิ้งบนถนนย่านกาดต้นลำไย   

 

 

รสชาติของขนมจีนใต้สะพานตลาดต้นลำไยนั้นมีหลายน้ำให้ชิมกัน ทั้งน้ำเงี้ยว น้ำยาปลา น้ำพริก น้ำยาป่า แกงเขียวหวาน ไข่ต้ม แคบหมู สนนราคาชามละ 12 บาท ซึ่งหากเวลาหิวต้องชิมให้ครบทุกน้ำ ภายใต้บรรยากาศร้านใต้โคมแสงเทียน กินแบบไม่ต้องกลัวใครมองเพราะแสงสลัวโรแมนติกเหลือเกิน

 

 

วันนี้ครบ 100 ปี กาดหลวง หรือ ตลาดวโรรส มีกิจกรรมหนึ่งที่ชาวกาดจำนวนหนึ่งมีความคิดร่วมกันที่จะจัดงานเฉลิมฉลองกับความเจริญรุ่งของ กาดแห่งนี้ที่มีมาตลอดหนึ่งศตวรรษ และเพื่อเป็นการฟื้นฟูย่านกาด,ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี และสร้างสุขภาวะให้เกิดขึ้นในชุมชน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ศิลปิน ไทยเชื้อสายอินเดีย ผู้เกิดและเติบโตมาในครอบครัวค้าขายที่กาดหลวง มีผลงานเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติและเป็นเจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ.2553

 

 นาวินได้ร่วมกับ ทีมงานนาวินโปรดักชั่น รวมถึงร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชน จัดเทศกาล มหากาด” ขึ้นบริเวณกาดหลวงและพื้นที่ใกล้เคียง โดยการสร้างสรรค์กิจกรรมหลายรูปแบบที่เน้นการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนย่านกาดหลวงทุกเชื้อชาติ

 

 

นิทรรศการหลักและศูนย์ข้อมูลจัดขึ้นที่ บ้านหลวงอนุสารสุนทร(บ้านตึก) อาคารเก่าแก่ที่สำคัญในย่าน ซึ่งมีการจัดแสดงภาพถ่ายในอดีตของเมืองเชียงใหม่ฝีมือการถ่ายภาพของ หลวงอนุสารสุนทร ถ่ายขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2450 - 2475 ผลงานส่วนใหญ่ไม่เคยปรากฎต่อสายตาสาธารณชนมาก่อน และภาพถ่ายย่านกาดในอดีตผลงานของช่างภาพอาวุโส บุญเสริม ศาตราภัย รวมถึงภาพวาดและวีดีทัศน์สารคดีบอกเล่าเรื่องราวความทรงจำของชุมชน  ภายใน อาคารพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรเชียงใหม่ ( ซึ่งปีนี้มีอายุครบ 100 ปี เช่นกัน) รวมถึงสะพานจันทร์สม และวัดเกตการาม ถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานของศิลปินหลายท่าน อาทิ ดาว วาสิกศิริ,พรชัย ใจมา,จักรกฤช ฉิมนอก ฯลฯ สอบถามได้ที่ โทร.053-890-213

 

 

งานนี้จะจัดขึ้นระหว่างที่ 25 ธันวาคม - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 ขึ้นเหนือไปแอ่วเชียงใหม่ ก่อนกลับ เป็น The Must อยู่แล้วคือนอกจากแวะซื้อ ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ฯลฯ อย่าลืมแวะเทศกาล "มหากาด” มหัศจรรย์ศิลปะกลางตลาด ฉลอง 100 ปี กาดหลวง วโรรสด้วยนะครับ

 

 

มหากาดของคนเชียงใหม่ และของผม ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะได้ข่าวลือว่าในอนาคตอาจจะมีการปรับปรุงตลาดฝั่งต้นลำไยให้ทันสมัยขึ้นในลักษณะModern Trade ตามกระแสทุนก็ตาม ผมก็คิดว่ามันคงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยากเพราะทุนมักชนะเสมอหากคนท้องถิ่นไม่ออกมาหวงแหน แต่ภาพของ “กาดหลวง” ในอดีตคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป

ขอบคุณภาพเก่าและนิทรรศการ/ประวัติเนื้อหาจาก

 

คุณบุญเสริม ศาตราภัย & Navin Produ

 

http://library.cmu.ac.th/ntic/picturelanna/lannapast.php

 

http://www.navinproduction.com/

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
kittyviolin's profile


โพสท์โดย: kittyviolin
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทยนรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึกเจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้เปิด 2 ข้อหาหนัก "ป้าแอน" แม่บ้านทคดีผสมเดทตอลในขวดนมเด็ก พบประวัติอาชญากรรมเมื่อปี 67"มัดหมี่ พิมดาว" แฉกลลวงสูญเงิน 8 ล้านบาท จากแรงศรัทธาเบสท์ คำสิงห์ เปิดใจข่าวซุบซิบกับ บิ๊ก ผญบ.ฟินแลนด์10 วาทะเด็ดแห่งปี 2568 ที่คนไทยลืมไม่ลงบทเรียนราคาแพง 111 ล้าน เมื่อความเชื่อใจกลายเป็นช่องโหว่ให้คนสนิทฉกฉวยเปิดอายุแท้จริงของ น้องจินนี่ ลูกสาว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดเมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไงแม่บ้านเดทตอลมหาภัยถูกจับกลางรายการ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก เข้าใจผิดคิดว่าเป็นนม พร้อมขอโทษผู้เสียหายจารกรรมพันธุ์พืชเปลี่ยนโลก ปฏิบัติการขโมย "ชา" จากแผ่นดินมังกรสู่อินเดีย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึกเปิดอายุแท้จริงของ น้องจินนี่ ลูกสาว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำให้หลายคนเข้าใจผิดLuxuriate อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขแบบไม่ต้องรู้สึกผิดความหวังใหม่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ชายออสเตรเลียคนแรกของโลกที่ใช้หัวใจเทียมทั้งหมดเมื่อจีนอยากทำหนัง The Shallows เป็นของตัวเอง จะเป็นยังไง"มัดหมี่ พิมดาว" แฉกลลวงสูญเงิน 8 ล้านบาท จากแรงศรัทธา
ตั้งกระทู้ใหม่