ทะเลสาบเดดซีกำลังจะตายซ้ำ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พบกันอีกแล้วครับ หลายคนคงรุ้จักทะเลสาบเดดซีกันเป็นอย่างดีซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเรียก "ทะเลเดดซี" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทั้งสวยและแปลก มันอยู่คู่กับโลกมานานคนกว่าสามล้านคนต่อปีจะมีนักท่องเที่ยวไปสัมผัสความสวยและแปลก ณ ที่แห่งนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าสิ่งมหัศจรรย์แห่งนี้กำลังจะตายไปจากโลกเรา
เพื่อความเข้าใจถึงต้นเหตุของปัญหาจึงจำเป็นที่ต้องกล่าวในรายละเอียดของทะเลเดดซีสักหน่อยก่อน ในบรรดาทะเลสาบในโลกเราคงไม่มีทะเลสาบแห่งใดโด่งดังไปกว่าทะเลสาบเดดซี ที่ซึ่งชื่อของมันก็บ่งบอกเป็นนัยแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอาศัยอยู่ได้ และมิหนำซ้ำเป็นทะเลที่เราสามารถนอนลอยคออยู่ได้อย่างไม่มีวันจม
ทะเลสาบเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของจอร์แดนและอิสราเอล ทะเลสาบเดดซีครอบคุลมพื้นที่ราว 810 ตารางกิโลเมตร โดยมีความลึกเฉลี่ยที่ 120 เมตร และมีจุดที่ลึกที่สุดอยู่ที่ 330 เมตร ในขณะที่พื้นที่ตั้งของทะเลสาบเดดซีก็ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 423 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดที่มีระดับต่ำที่สุดในโลก ดังนั้นหากวัดจากพื้นที่ลึกที่สุดของทะเลสาบแห่งนี้ก็จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลราว 800 เมตร ทะเลสาบเดดซีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยมีแหลมอัลลิซานกั้นกลาง ทะเลสาบทางตอนเหนือกินพื้นที่ราว 3 ใน 4 ซึ่งมีความลึกและเค็มกว่า
นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นทะเลสาบแบบปิด คือไม่มีทางไหลออกของน้ำ โดยได้รับน้ำจากต้นน้ำ เพียงแหล่งเดียวเท่านั้นคือแม่น้ำจอร์แดน เมื่อการเกิดการระเหยอย่างมากของทะเลสาบเดดซี ส่งผลให้ความเข้มข้นในทะเลสาบดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เพราะนอกจากระเหยจะทำให้ทะเลสาบเดดซีเข้มข้นมากขึ้นแล้ว น้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำจอร์แดนก็ยังคงอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เช่น โซเดียมและแมกนีเซียม เมื่อไหลลงมาก็จะทำปฎิกริยากับน้ำพุร้อนในทะเลสาบเดดซีจึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อความเค็มของทะเลแห่งนี้
ทะเลสาบเดดซี ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทราย ที่สภาพภูมิอากาศจะมีลักษณะหนาวจัดในตอนกลางคืนและร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยในบางปีทะเลสาบเดดซีจะมีอุณภูมิสูงถึง 51 องศาเซลเซียส อีกทั้งมีปริมาณน้ำฝนตกลงในพื้นที่เพียงเล็กน้อยเพียงแค่ราว 65 มิลลิเมตรต่อปี จากอากาศที่ร้อนจัดและมีฝนน้อยนี้เองที่ทำให้ระดับน้ำจากทะเลสาบเดดซีค่อยๆระเหิดระเหยแห้งขอดลงทุกปี โดยพบว่าในปัจจุบัน ระดับน้ำในทะเลสาบลดลงเฉลี่ย 1 เมตรต่อปี ในบางจุดน้ำแห้งจนกระทั่งมองเห็นก้นทะเลสาบ
ผลการสำรวจพบว่า สาเหตุเกิดจากน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนที่หล่อเลี้ยงทะเลสาบถูกนำไปใช้ในการเกษตรกรรมหรือผลิตน้ำประปา โดยมิรา เอเดลสไตน์ กลุ่มนักสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อว่า เฟรนด์ส ออฟ ดิ เอิร์ธ - มิดเดิลอีสต์ เปิดเผยว่า แม่น้ำจอร์แดนเคยนำน้ำปริมาณถึง 1.3 พันล้านคิวบิคฟุตลงสู่ทะเลสาบเดดซีต่อปี ขณะที่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 50 ล้านคิวบิกฟุต หรือคิดเป็น 2% เท่านั้น
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ต่างตักตวงน้ำเพื่อนำไปใช้หาผลประโยชน์ โดยในช่วงตอนล่างสุดของทะเลสาบ บริษัท เดด ซี เวิร์คส์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากแร่โปแตชขนาดใหญ่อันดับ 7 ของโลกจากอิสราเอล ได้สูบน้ำจากทะเลสาบเพื่อตักตวงแร่ธาตุดังกล่าว ขณะที่ฝั่งจอร์แดนก็กระทำในสิ่งที่ไม่ต่างกันนัก ผลที่ปรากฏเมื่อรวมกับภาวะแห้งแล้งก็คือทะเลสาบกำลังแห้งขอด เอเดลสไตน์กล่าวว่า "ไม่แปลกใจที่ทะเลสาบเดดซีกำลังจะตาย"
คลองที่แท้จริงของเดดซีคือแม่น้ำจอร์แดน และไม่มีที่ใดที่จะเหมือนกับแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเรากำลังฆ่ามันอย่างช้าๆ การที่จะช่วยให้เดดซีกลับมามีชีวิตอีกครั้งคือการแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศที่ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำจอร์แดน ทั้งอิสราเอล จอร์แดน และซีเรีย
เอเรียล เคเด็ม นักอนุรักษ์รายหนึ่งกล่าวว่า สิ่งเดียวที่จะช่วยให้เดดซีมีลมหายใจต่อไปคือ การที่เดดซีได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก ซึ่งจะนำการท่องเที่ยวเข้ามา และการท่องเที่ยวนี่เองจะเป็นสิ่งที่ช่วยพิทักษ์ทะเลสาบแห่งนี้ให้อยู่รอด
ก็หวังว่าทะเลสาบเดดซีสิ่งมหัศจรรย์บนผืนทะเลทรายแห่งนี้จะยังอยู่คู่กับเราไปอีกยาวนาน ผู้อ่านคงได้ประโยชน์จากการที่ได้เห็นผลเสียของการกอบโกยของมนุษย์จากธรรมชาติแบบเกินพอดีเป็นแง่คิดในกรณีอื่นๆ ต่อไป แล้วพบกันในบทความหน้านะครับ...mata
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ภาพประกอบ Google.co.th
ที่มา: wikipedia.org