ผิวสวย ไร้สิวเสี้ยนด้วยวิธีง่ายๆ
สิวเสี้ยน มาป้วนเปี้ยนหน้าได้อย่างไร?
สิวเสี้ยนที่ขึ้นๆ กันอยู่บนใบหน้าเรานั้นมีอยู่ 2 ประเภทค่ะ โดยชนิดแรก เกิดจากการอุดตันของไขมันในท่อต่อมไขมัน (comedone) ถ้าปากรูขุมขนปิดจะเรียกว่า "สิวหัวขาว" ต่อมาสิ่งอุดตันอาจดันให้รูขุมขนเปิดเรียกว่า "สิวหัวดำ" ส่วนชนิดที่สอง เกิดจากการอุดตันของกระจุกเส้นขนเล็ก ๆ ในรูขุมขน โดยเห็นเป็นจุดดำ ๆ เล็ก ๆ ซึ่งพบได้บ่อยเช่นกัน แต่มักพบในผู้ใหญ่ ในขณะที่ชนิดแรกพบบ่อยในวัยรุ่น
สิว เสี้ยนทั้ง 2 ชนิดนี้มักเกิดบริเวณจมูกและข้างแก้ม บางคนอาจจะขึ้นได้ที่คางหรือหน้าผาก การแก้ไขปัญหาสิวเสี้ยนด้วยการบีบและแกะ อาจทำให้ผิวหนังอักเสบและติดเชื้อลุกลาม บางครั้งอาจกลายเป็นสิวอักเสบและทิ้งร่องรอยที่น่าเศร้าเป็นจุดด่างดำบนใบ หน้าเราอีกด้วย
เรา จึงมีวิธีง่ายๆ ในการลดสิวเสี้ยนมาฝากสาวๆ กันค่ะ ตั้งแต่วิธีเบาๆ อย่างสมุนไพร และจัดหนักด้วยยาจนถึงวิธีการทางแพทย์ต่างๆ แต่จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ไร้สิว (เสี้ยน) ผิวสวยได้ง่ายๆ
1. จัดเบาๆ ด้วยมาส์กไข่ขาว
อีกหนึ่งวิธีที่ Classic เสียเหลือเกิน ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ มันก็น่าจะมีอะไรดีบ้างล่ะจึงส่งต่อกันมาได้ยาวนานจนถึงทุกวันนี้ สูตรนี้ขอเพิ่มมะนาวสักหน่อยค่ะ เพราะในมะนาวมีกรดอัลฟาไฮดร็อกไซด์ที่สามารถจัดการกับสิวเสี้ยนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ส่วนไข่ขาวนั้นมีส่วนช่วยตรึงอิลาสตินในผิว ทำให้รูขุมขนกระชับ และยังดูดซับน้ำมันส่วนเกินในผิว ที่สำคัญยังช่วยบำรุงผิวที่เริ่มมีริ้วรอยได้อีกด้วย
สูตรนี้เริ่มที่ผสมน้ำมะนาว 1/4 ถ้วย กับไข่ขาวล้วน 2 ฟองในชาม ผสมให้เข้ากันส่วนผสมลงบางๆ บนใบหน้า เน้นส่วนที่ต้องการกำจัดสิวเสี้ยนมากเป็นพิเศษ จากนั้นให้ตัดแบ่งกระดาษเช็ดปากเป็นสี่เหลี่ยมทั้งหมด 5 ชิ้น แล้วแปะลงบนหน้าผาก จมูก คาง และแก้มทั้งสองข้าง ปล่อยทิ้งไว้จนกระดาษเริ่มแข็งตึง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่อยๆ ลอกกระดาษเช็ดปากออก จะเห็นว่ามีสิวเสี้ยนติดออกมาด้วย จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัดเพื่อปิดรูขุมขน เท่านี้ก็ได้วิธีเบาๆ ที่จะกำจัดสิวเสี้ยนได้ด้วยตัวเองค่ะ
2. จัดเต็มด้วยยา
สำหรับใครที่สิวเสี้ยนเริ่มเยอะและวิธีธรรมชาติเอาไม่อยู่อีกต่อไป ก็มียา 2-3 ชนิดที่นิยมใช้รักษาสิวเสี้ยน เช่น ยาเบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ (BP) และกรดวิตามินเอ เป็นยาทาที่แพทย์และเภสัชกรมักแนะนำให้ใช้รักษาสิวเสี้ยน และกรดผลไม้ (AHA) ก็เป็นอีกตัวที่นิยมใช้ แต่อย่าได้ซื้อมาใช้เองเป็นอันขาดนะคะ เพราะยาเหล่านี้มีโอกาสทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ง่าย ถ้าใช้ร่วมกันแบบงงๆ ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผิวแพ้ระคายเคืองได้อีก ต้องใช้ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้นนะคะ
ที่สำคัญการทายานี้ไม่ได้ทำให้สิวเสี้ยนหายไปอย่างถาวรนะคะเพราะใช้ยาพวก นี้ 3-4 อาทิตย์ สิวเสี้ยนจะค่อย ๆ หายไป แต่หยุดยาสัก 3-4 สัปดาห์ สิวเสี้ยนใหม่อาจจะเกิดขึ้นอีกยาเหล่านี้เพียงประทังแค่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ
3. กดมันออกไป ดูดมันออกไป
สำหรับใครที่ทายาแล้วสิวยังไม่หนีหายไปไหน ก็ต้องมาพบแพทย์ผิวหนังเพื่อ "กดหรือดูดสิว" ตามระเบียบ เพราะการกดหรือดูดสิวถ้าเรากดเองหรือไปทำตามร้านเสริมสวย อาจจะไม่หมด หรืออุปกรณ์ไม่สะอาดพอ เสี่ยงต่อการอักเสบอีก โดยแพทย์ผิวหนังจะใช้ที่กดสิว กดสิวเสี้ยนออกในบางจุดที่อ่อนลงหลังจากทายาไปประมาณ 3-4 อาทิตย์แล้ว
4. จัดหนักกว่าด้วยเลเซอร์
เลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวเสี้ยนเหมาะกับคนที่กระเป๋าหนักค่ะ เพราะครั้งหนึ่งก็ต้องจ่ายไม่ใช่น้อย แต่ก็เห็นผลจริงอะไรจริง โดยการกำจัดสิวเสี้ยนจะใช้เลเซอร์สำหรับกำจัดขนเส้นเล็กชนิด Non-Q-Switch Ruby Laser จากการติดตามดูคนไข้ที่ใช้เลเซอร์รักษาสิวเสี้ยนจำนวนหลายร้อยคนพบว่า ได้ผลดีพอควรถึงดีขึ้น 60-70% จากการรักษาแค่ 1 ครั้ง ถ้าทำมากกว่า 1 ครั้ง อาจได้ผล 70-80 %
ข้อดีของวิธีนี้ คือ ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาทา และไม่พบผลข้างเคียงเลย ยกเว้นคนที่ผิวคล้ำมาก ๆ อาจมีสะเก็ดบาง ๆ พอสัก 3-7 วันก็หายไป แต่ผิวคนไทยโดยทั่วไปหลังยิงเลเซอร์แล้วจะไม่มีรอยใด ๆ สิวเสี้ยนจะเป็นแค่ปัญหาสิวๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะเรามีวิธีรับมือเจ้าสิวชนิดนี้อย่างหลากหลาย ที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายและทานอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นการดูแลสุขภาพให้ดีจะได้ไม่มีสิว เสี้ยนมากวนใจนะคะ