หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไสยศาสตร์กับพุทธศาสตร์ในปัจจุบัน

เนื้อหาโดย เจ้านางละอองคำ

 

...ขอออกตัวก่อนนะค่ะ ว่าเนื้อหานี้เป็นความเข้าใจของเจ้านางเอง

หากผิดพลาด หรือบกพร่องประการใด ก็ขอรับไว้แต่ผู้เดียว... 

 

 


บางคนเข้าใจผิดมหันต์ ไม่นับถือพระเกจิที่ไปทางไสยศาสตร์

พาลบอกว่าไม่ใช่พุทธบ้างล่ะ งมงายบ้างล่ะ 

ขอให้เข้าใจเสียใหม่ตามเนื้อหาของกระทู้นี้นะค่ะ...    

 

 

ใช่ค่ะ ไสยศาสตร์ ไม่ใช่พุทธ อีกทั้งตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่จริง...

สิ่งที่คุณไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มี ถูกรึเปล่า

คุณอาจจะไม่เคยเห็นทวดของทวดของคุณ ไม่มีพยานหลักฐาน แต่คุณก็รู้ว่าท่านมีอยู่จริง ฉันใดก็ฉันนั้น

อีกทั้งก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ท่านก็ไปศึกษากับ อาฬารดาบส, อุทกดาบส, ฤาษีวิศวามิตร เป็นต้น

ซึ่งก็เป็วิชาไสยศาสตร์ทั้งนั้น

 

...พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธถึงการมีอยู่จริงของวิชาเหล่านี้ แต่ถือว่าเป็น เดียรรัจฉานวิชชา

แม้แต่พระโมคคัลลานะ ผู้เป็นสาวกเอก ยังได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็น เอตทัคคะด้านมีฤทธิ์

ไม่ใช่ว่าพลังจิตด้านนี้จะไม่มีจริง แต่มันไม่ใช่ทางหลุดพ้นเฉยๆ!    

 

 

พระเกจิบางท่าน ที่ท่านมอบวิชาบารมี ไว้ส่งเสริม-คุ้มครองลูกศิษย์นั้น.. 

แท้จริงแล้ว คือ การบำเพ็ญเพียรเป็น 'พระโพธิสัตว์' อย่างหนึ่ง

(อ้างอิงจากส่วนหนึ่งของถ้อยคำที่ตอบคำถามลูกศิษย์ ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

หมายถึง พระที่ยังอาจไม่หลุดพ้นนิพพาน แต่เป็นผู้ตั้งมั่น ทำดีด้วยบารมี 10 ประการ 

เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นความทุกข์ร้อน เช่น ทานบารมีของพระเวสสันดร 

--- และเพื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ในชาติอนาคต (หรือวาระจิตในอนาคต)........ 

 

นอกจากจะปลุกเสกอาคมอะไรแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ยังถือปฏิบัติในการฝึกจิต วิปัสสนากรรมฐานด้วย..

ของแบบนี้มันจะเข้มขลัง ต้องคู่กับการฝึกจิตไปด้วย

เนื้อแท้แล้วท่านสั่งสอนให้ศิษย์ฝึกจิตอยู่เสมอ ยึดเอาความดีเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่พึ่งสิ่งที่ท่านเสกอย่างเดียว 

แต่ให้ไว้เป็นสัญลักษณ์ในการเตือนสติ มิให้หลงลืม

 

มรรค หรือ หนทางไปสู่การหลุดพ้นมีหลายทาง 

เหมือนกับการทำกรรมฐานก็มีหลายวิธี บางวิธีก็ใช้การพิจารณาซากศพเป็นต้น

คนเราจะเลือกนับถือทางไหน มันก็แล้วแต่จริตคน

ไม่ใช่ว่าไปทางนี้แล้วจะไม่ถูกต้องเสมอไป.. แต่เมื่อไหร่ที่จิตเหนือสิ่งเหล่านี้แล้วจึงหลุดพ้น


เช่น การทำกรรมฐาน บางทีก็เห็นนิมิตร เห็นภพชาติ เห็นกรรม
ถ้าไปยึดติดกับสิ่งที่เห็น ก็เหมือนติดที่เปลือก ยังไม่ถึงแก่น
แต่ถ้าละวาง....... ไม่สนใจสิ่งที่เห็น ทำสมาธิขบต่อไปอีก ก็หลุดพ้น (เคยได้ยินมาเจ้าค่ะ)

 

ถ้าถามว่าปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ อยากถึงนิพพานมั้ย? ก็คงไม่ 

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการมีหลักให้ยึดในความดี และฝึกใจให้สงบเป็นก็พอ

อีกอย่างนอกจากความเพียร มานะของตนแล้ว การมีครูบาอาจารย์วิชาเหล่านี้ไว้เป็นตัวช่วยเสริม

ช่วยให้ดำรงชีวิตคล่อง ทำมาหากินง่าย ติดต่อใครก็สะดวก .......ก็น่าจะเป็นการดี

แต่หลักๆ จงพึงระลึกว่าต้องพึ่งตัวเองก่อน หากทำเป็นแต่อ้อนวอนขอ ก็คงไม่มีครูใดอยากช่วย

และห้ามใช้วิชาเหล่านี้ไปในทางที่ผิด!!

 

ในความคิดของเจ้านาง การที่พระสงฆ์บางรูปปลุกเสกพระเครื่องของขลังมาแต่โบราณนั้น

ไม่ได้เป็นการ "อวดอุตริ" แต่อย่างใด.. เพราะการอวด คือ ต้องทำให้เห็น

หากท่านไม่ได้เอามีดมาทดลองฟันให้เห็น ไม่ได้เหาะเหินให้เห็น 

ไม่ได้นั่งจุ่มน้ำมันโชว์ให้เห็น  ดังนั้นก็มิใช่การโอ้อวดแต่อย่างใด 

(ยกเว้นบางรูปที่อาจจะเสื่อมเสียจริงๆ ที่เห็นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์) 

และการทำสิ่งเหล่านี้ เจ้านางถือว่าเป็นการ "เล่นปาh'ee" ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส เจ้านางก็ไม่นับถือ


จึงอยากฝากผู้ที่เข้าใจผิด และปรามาสพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ..... 

เพราะสิ่งที่คุณอคติอาจจะเป็นบาป ย้อนมาถึงตัวคุณได้ เพราะเท่ากับว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น "พระโพธิสัตว์"

ของหรือศาสนาอ่ะ มันไม่เสื่อมหรอก แต่มันเสื่อมที่ตัวคุณ ที่ปากคุณนั่นแหล่ะ

 

 

ยายเจ้านางสอนอยู่เสมอๆ ว่า ไม่ให้ด่าว่าลบหลู่ผ้าเหลือง ไม่ว่าท่านจะผิดหรือชอบ.. 

เราอาจจะไม่ศรัทธาที่ตัวคนหรือพระบางรูป แต่การที่เราลบหลู่สัญลักษณ์ของพระศาสนานั้นเป็นบาป




แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้านางไม่ได้มีเจตนามาชักจูงให้เชื่อ หรือชักนำให้หลงงมงายนะค่ะ 

ถ้าคุณไม่เชื่อ หรือไม่นำมาเป็นที่พึ่ง นั่นแลคือสุดยอดของคน ที่เป็นไปตามหลักคำสอนของศาสนา... 

เพียงแต่เจ้านางอยากให้เปลี่ยนมุมมอง ว่า เออ.. มันก็เป็นทางหนึ่งของการปฏิบัติ และช่วยกำกับคนให้มีศีลธรรม

อย่างไรก็ตามให้เลือกนับถือโดยใช้วิจารณญาณด้วยนะค่ะ ว่าท่านไหนปฏิบัติดี ปฏิชอบ ใครทำเป็นพุทธพานิชย์

พระเครื่องของขลังของพระเกจิดังๆ ในอดีต ที่มีราคาสูง ผู้คนนิยมในปัจจุบัน 

ล้วนเป็นวัตถุที่ท่านตั้งใจสร้างไว้ช่วยลูกศิษย์จริงๆ บ้างก็เป็นพระที่แจกให้คนที่มาทำบุญ 10 20บาท ท่านก็แจก

มิใช่ทำเพื่อขายตามท้องตลาดแบบปัจจุบันที่มีอยู่ซะเป็นส่วนมาก

 



ด้วยความเคารพศรัทธาใน หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ และหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ




ถ้ามีโอกาสเจ้านางแนะนำให้ไปกราบ หลวงปู่หงษ์ แห่งสุสานทุ่งมน นะค่ะ ท่านเป็นพระเกจิที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปเถอะเมื่อยังมีโอกาสเจอท่าน.. แล้วคุณจะได้พบกับความเจริญในชีวิตค่ะ

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


 

สำหรับผู้ที่ถือของ หรือเรียนวิชาธรรมกับหลวงปู่หงษ์นั้น จะมีข้อห้ามที่เคร่งครัดมาก ดังนี้

1. ห้ามกินเหล้า ของเมา เด็ดขาด!!

2. ห้ามผิดลูกเมียเขา

3. ห้ามด่าแม่ ครูอาจารย์

4. ห้ามบ่นว่าเหนื่อย เบื่อ ในหน้าที่การงาน

5. รักษาศีล 5 อยู่เป็นนิจ พึงระลึกถึงศีล 5 เป็นหลักในการดำเนินชีวิต


เนื้อหาโดย: เจ้านางละอองคำ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
76 VOTES (4/5 จาก 19 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รวมความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการอาบน้ำ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นะสุดอัศจรรย์! ถ้ำใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใกล้ประเทศไทย"ลุงดอนใจดี" ย้ำอาหารที่ร้านไม่แพง และยังคงขายราคาเดิมเคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เงินดิจิตอล 10,000 บาท ช้อปปิ้งอะไรคุ้ม? เตรียมตัวให้พร้อมก่อนใช้ฮือฮาทั้งโซเชียล พระเอกเกาหลีพูดชื่อเต็มกรุงเทพฯ ชัดมาก "Frankly Speaking พูดตรงๆ คงต้องรัก""แสวง" เลขาฯ กกต. ไม่ห้ามสื่อเสนอข่าว-จัดเวทีฯ ขู่จับตาดูผู้สมัคร ชี้ "ธนาธร" ทำได้ชวนลง สว."แจ็คแฟนฉัน" แจกพัดลมให้พี่น้องชาวไทย300ตัว
ตั้งกระทู้ใหม่