โอไรอัน (Orion) ตำนานดาวนายพราน
กลุ่มดาวนายพราน (Orion Constellations) เป็นกลุ่มดาวที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ในซีกโลกภาคเหนือในฤดูหนาว เป็นกลุ่มดาวที่มนุษย์เราจับให้มาเข้ากลุ่มเดียวกัน มานานนับพันๆปีแล้ว จึงมีเรื่องเล่าขานผูกกันเป็นตำนานมากมาย มาตั้งแต่โบราณกาล แรกสุดนั้นถูกเรียกว่า Tammuz โดยชาว Chaldeans ชาวซีเรียนก็เรียกว่า อัลจับบาร์(Al Jabbar) ชาวอียิปต์โบราณเรียกว่า ซาฮู(Sahu) หรือดวงวิญญาณของ โอซีรีส(Osiris) เทพแห่งความตาย จนในที่สุด มาเป็นนายพราน โอไรอัน ตามชาวกรีก และโรมัน ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันมาจนทุกวันนี้
ตำนานที่เก่าแก่ที่สุดที่เราทราบก็มาจากตำนานเทพของชาวอียิปต์ ซึ่งยกย่องให้เทพ โอซีรีส (Osiris) เป็นจ้าวแห่งชีวิตหลังความตายทั้งมวล ในขณะที่ รา(Ra) หรือเทพอาทิตย์เป็นจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ในช่วงปลายของอาณาจักรอียิปต์โบราณ สังคมอียิปต์ให้ความสำคัญกับชีวิตหลังการตายเป็นอย่างมาก ความรู้เกี่ยวกับการรักษาศพมิให้เปื่อยเน่า คือการทำมัมมี่ นั้น ก็ได้พัฒนาไปจนสูงสุด ปิรามิด หรือที่จริงแล้วก็คือที่เก็บรักษามัมมี่เหล่านี้ เพื่อรอการฟื้นคืนมารวมตัวกับเทพโอซีรีส ก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอลังการสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ เทพโอซีรีสก็ได้รับการบูชายกย่อง ให้มีอำนาจเหนือสุด ในยุคปลายของอารยธรรมอียิปต์โบราณนี้เอง
ว่ากันว่า ภาพชาวอียิปต์โบราณ โดยเฉพาะภาพของฟาโรห์ ที่เราเห็นนุ่งผ้าชายเป็นสามเหลี่ยม และไหล่กว้าง เอวคอด นั้น เป็นการเลียนแบบรูปร่างของ กลุ่มดาวนายพรานนี้เอง
รูปชาวอีบิปต์โบราณ โดย Robert Bauval เทียบกับรูปทรงของ กลุ่มดาวนายพราน |
ตามตำนานอียิปต์ โอซีรีส เป็นกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรยิ่งนัก ทรงมีพระมเหสีนามว่า ไอสิส พระนางไอสิส เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์กว่าใคร โอซีรีส ทรงมีพระอนุชามากมาย พระอนุชาองค์รองของพระองค์นั้น ริษยาอาฆาต ต้องการที่จะเป็นใหญ่ จึงออกอุบายให้ช่างทำโลงศพ ที่ประดับประดาอย่างสวยงามอลังการ โดยแอบวัดขนาดองค์ของ โอซีรีส ให้พอดีกันอย่างเหมาะเจาะ แล้วก็เชิญชวนเหล่าพระเชษฐาอนุชา มางานเลี้ยงเพื่อชมความงามของโลงนั้น แล้วบอกว่า เป็นโลงที่สร้างอย่างงดงามที่สุด แต่จะมอบให้องค์ใดที่มีส่วนสัดเหมาะเจาะกับขนาด ทุกองค์ก็ต้องลองเข้าไปนอนดู เมื่อถึงคราว โอซีรีส เข้าไปในโลง พระอนุชาก็ตอกฝาโลงปิดสนิทจน โอซีรีสสิ้นพระทัยในโลง พระนางไอสิส กลับจากการเดินทางมาทราบข่าวก็โศกาอาดูร พยายามไปตามพระศพของ โอซีรีส ปรากฏว่า พระอนุชาได้ตัดพระศพเป็นสิบสี่ท่อนโยนทิ้งไปคนละทิศ พระนางไอสิส ก็ไปตามเก็บมาหมด ขาดส่วนที่สำคัญหนึ่งชิ้นคือ อวัยวะชาย ซึ่งถูกโยนลงแม่น้ำไนล์และถูกปลากินไป พระนางจึงเอาไม้สน ซึ่งเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอียิปต์ (คงเนื่องจากหาได้ยากในทะเลทราย) มาเหลาติดต่อให้เป็นเทวลึงค์ แล้วห่อพระศพด้วยผ้าลินินพันไปรอบๆ พร้อมด้วยกรรมวิธีต่างๆ อันเป็นแบบแผนของการทำมัมมี่ในยุคหลัง เสร็จแล้ว นางก็เป่าลมหายใจวิเศษ(บา) นำวิญญาณกลับคืนสู่ร่างมัมมี่ โอซีรีส ก็ฟื้นคืนองค์ ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปปกครองผืนฟ้า เป็นเจ้ามนุษย์หลังจากความตายไป ว่ากันว่า ปิรามิดเมืองกีซ่า นั้น สร้างขึ้นเพื่อเลียนตำแหน่งของ เข็มขัดโอไรอัน แต่จะจริงเท็จอย่างไรคงต้องรอพิสูจน์กันอีก
ส่วนทางด้านกรีกนั้น ก็มีตำนานต่างกันอย่างน้อยๆสองตำนานเกี่ยวกับดาวกลุ่มนี้ ตำนานหนึ่งกล่าวว่า โอไรอัน เป็นนายพรานหนุ่มรูปงาม บางตำนานว่าเป็นยักษ์ใหญ่ เป็นบุตรของจ้าวสมุทร โพไซดอน(Poseidon) และ เจ้าหญิงลุ่มน้ำอเมซอนยูเรียล (Euryale) โอไรอัน เป็นพรานที่มีความสามารถที่สุดในหมู่มนุษย์ ตำนานทางหนึ่งกล่าวว่า ความสามารถนี้ทำให้เขามีความยะโสโอหังเป็นยิ่งนัก เที่ยวอวดอ้างศักดาว่าจะฆ่าสัตว์ใหญ่น้อยให้หมดจากโลก จนพระนางเจ้าแห่งธรณี กายยา(Gaia) ทรงพิโรธจนต้องสั่งให้แมงป่องมาฆ่า เพื่อรักษาชีวิตสัตว์ป่าในความคุ้มครอง โอไรอัน ถูกแมงป่องต่อยจนสิ้นใจ แต่เทพผู้รักษา โอฟีอุสคุส Ophiuchus มาปราบแมงป่องร้าย แล้วให้ยารักษาแก่ โอไรอัน เทพธิดา Artemis หรือ Diana ตามชื่อโรมัน ผู้หลงรัก โอไรอัน ได้ไปขอร้องเทพบิดร คือ ซุส (Zeus) ให้ชุบชีวิต โอไรอัน ให้เป็นอมตะ โดยให้ไปเกิดเป็นดาว ส่วนเจ้าแมงป่องก็ได้ไปเกิดเป็นดาวเหมือนกัน (คงจะเพราะมีความดีความชอบที่รับใช้เทพกายยา) แต่เพื่อความปลอดภัยของ โอไรอัน ซุส จึงวาง กลุ่มดาวแมงป่อง (Scorpius) ให้อยู่คนละฟากฟ้ากับ โอไรอัน และจะขึ้นและตกจากท้องฟ้าคนละเวลากัน เพื่อจะได้ไม่มาเจอกัน
อีกตำนานหนึ่งก็ว่าตรงกันเกี่ยวกับพ่อแม่ของ โอไรอัน แต่เขาต้องระหกระเหินไปเป็นพรานล่าสัตว์ให้เทพ Artemis(ไดแอนน่า) ผู้เป็นเทพแห่งการล่าสัตว์ และมีหน้าที่ชักรถนำดวงจันทร์ มาส่องแสงในเวลากลางคืนด้วย นางก็มาลุ่มหลง โอซีรีส ด้วยความที่เป็นหนุ่มรูปงาม และมีความสามารถในการล่าสัตว์เป็นอย่างยิ่ง จนละเลยหน้าที่ที่ต้องนำดวงจันทร์มาส่องโลกในยามค่ำคืน ชาวโลกจึงพากันเดือดร้อน เพราะไม่มีอะไรมาส่องแสงนำทางตอนกลางคืน เทพอะพอลโล พระเชษฐาของนาง ซึ่งมีหน้าที่ชักรถนำพระอาทิตย์ มาส่องสว่างบนฟ้าในเวลากลางวัน ก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จนคิดจะกำจัด โอไรอัน เพื่อให้น้องสาวเลิกลุ่มหลงและกลับมาทำหน้าที่ของตัว
วันหนึ่ง อะพอลโล เห็น โอไรอัน กำลังลงเล่นน้ำทะเลอยู่แต่ไกล จนเห็นแค่หัวดำๆโผล่ขึ้นมาเท่านั้น อะพอลโล จึงไปท้าน้องนางว่า คงไม่ยิงธนูเก่งขนาดจะยิงกวาง ที่เห็นแต่หัวโผล่น้ำขึ้นมาอยู่ไกลๆ นั้นได้หรอก อาร์ทีมิส ก็ไม่ยอมให้พี่ชายมาดูหมิ่นได้ง่าย จึงไม่รีรอชักธนูยิงไปที่หัวดำๆนั้นในทันที เมื่อไปถึงจึงทราบว่า ได้ปลิดชีวิตชายอันเป็นที่รักไปเสียแล้ว ด้วยความเศร้าโศกหัวใจแทบสลาย ก็นำร่างของ โอไรอัน ขึ้นรถทรงที่ใช้ชักพระจันทร์ขึ้นฟ้า ไปฝากฝังไว้บนแผ่นฟ้าให้เกิดมาเป็นดาว ให้นางได้ชื่นชมตลอดไป
สำหรับผู้ที่อยู่ซีกโลกภาคเหนือ ก็จะเห็น กลุ่มดาวนายพราน นี้ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม และทางซีกโลกภาคใต้ก็จะเห็นในเวลาสลับกันไป
ตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพรานบนท้องฟ้าหน้าหนาว จากทิศใต้ ภาพ โดย BBC World Service |
คนโบราณให้จินตนาการว่า ภาพของโอไรอัน บนท้องฟ้านั้นกำลังสู้กับวัว หรือ กลุ่มดาววัว (Taurul อ่านว่า ทอรัส) และ โอไรอัน มีสุนัขสองตัวติดตามมา ตัวใหญ่คือ กลุ่มดาว Canis Major ส่วนตัวน้อยก็คือ Canis Minor และมีกระต่ายน้อย (Lepus) ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวตาย อยู่ที่ใต้เท้าของ โอไรอัน นายพรานใหญ่
ที่นำเรื่องนี้มาเสนอก็เพราะว่าได้เขียนเรื่อง "ปิรามิด พลังงานและความลับของจักรวาล ตอนที่ 4" ไว้ เผื่อเพื่อนๆ ได้อ่านบทความนี้ก็จะได้จินตนาการในการอ่านเรื่อง ปิรามิด พลังงานของจักรวาล ง่ายขึ้นน่ะครับ
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับเทพนิยายกรีก
http://www.sciencenet.org.uk/astron/const/ConstList/orion.html
2 Greek Mythology: Carlos Parada maicar@swipnet.se
http://hsa.brown.edu/maicar/
3 The Mythology of the Constellations by Cathy Bell, Brown University
http://www.emufarm.org/~cmbell/myth/myth.html
In association with http://www.princeton.edu/~rhwebb/myth.html
4 Orion Mystery: The Piramids of Giza allignment
http://ds.dial.pipex.com/ritson/quest/orion/correl8.htm
5 Constellation Lore
http://www.csulb.edu/~gordon/constel.html