เทพเจ้ากรีก ขอนำเสนอ ตอนที่ทุกท่านอยากรู้มานาน ตอน แนะนำตัวละครที่มีอยู่ในสงครามกรุงทรอย

ได้ข้อมูลดีๆมาจากสาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ ส่วนน้อยที่เคยอ่านนะคะ ก็ขอลอกมานิดนึง อ้อ ถ้าใครไม่รู้จักประวัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องอ่านนะคะ

เพราะจะทำให้งงเงยสับสนได้ค่ะ กรุณาไปหาอ่านมาก่อนแบบเบื้องต้นก่อนนะคะ ท่านผู้อ่าน

         กรุงทรอย เป็นนครที่รุ่งเรื่องที่สุดอีกเมืองหนึ่งในตำนาน ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกสุดของทวีปเอเชีย ปัจจุบันคือประเทศตุรกีนั่นเอง หากข้ามที่ช่องแคบเฮลเลสปอนต์ ก็จะเป็นฝั่งของประเทศกรีซ และทวีปยุโรป โดยมีทะเลอีเจียน เป็นพื้นที่น้ำกั้นกลาง ท่านผู้อ่านลองนึกถึงแผนที่ทวีปยุโรป ระหว่าง ประเทศกรีซ และตรุกี และตรงเกาครีตดูนะคะ

กรุงทรอย ชื่อนี้เรียกตามนามของพระราชาทรอส ผู้เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองนี้   หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์  อิลัส ผู้เป็นโอรสองค์โตได้ขึ้นครองราชย์ต่อท้าวอิลัส   รัชสมัยท้าวอิลัส เป็นกษัตริย์ กุรงทรอยนั้นได้มีอีกชื่อหนึ่งว่า กรุงอิเลียม โฮเมอร์ผู้เป็นกวีเอกตาบอดจึงมาตั้งเป็นชื่อของเรื่องที่ประพันธ์นี้ว่า มหากาพย์ อีเลียด หรือสงครามกรุงทรอยที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่านอยู่นี่ไง              ยุคของท้าวอิลัสเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากและยังได้สร้างกำแพงเมืองที่เเข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย       จอมเทพซุส(ซีอุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้าและราชาสวรรค์แห่งโอลิมปัส) (ขอเรียกว่าซุสละกันนะ) ทรงพอใจในพระราชาและเมืองนี้มาก จึงได้ประทานเทวรูป เทพีอธีนา(ผู้เป็นเทพีแห่งปัญญาและสงคราม) มาประดิษฐานไว้ ในเมืองเรียกว่พัลเลเดียม โดยให้พรว่า หารูปพลเลเดียมยังอยู่ที่เมืองทรอย จะไม่มีศัตรูใดๆยกทัพมาโจมตี หรือทำลายกรุงทรอยนี้ได้ แต่แล้ว ต่อมา พระราชา เลือมมิดอน ผู้เป็นโอรสของท้าวอิลัส ได้ขึ้นครองราชแทนท้าวอิลัส  แต่พระองค์นั้น เป็นคนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ปัญหาของเรื่องมีอยู่ว่า ท้าวเลือมมิดอนต้องการจะสร้างกำแพงเมืองทรอยให้สูงและแกร่งขึ้นมากกว่าเดิน     นั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เทพโพไซดอน(เทพแห่งมหาสมุทร) คิดจะโค่นบัลลังก์จอมเทพซุส จึงเกิดการต่อสู้ขึ้นแต่พระองค์ไม่สามารถสู้จอมเทพซุสได้ ซุสจึงให้โพไซดอน ให้มาเป็นทาสรับใช้มนุษย์เป็นเวลา1ปี เพื่อสร้างกำแพงเมืองทรอย

ท้าวเลือมมิดอน " หากพระองค์สร้างกำแพงเสร็จ ข้าพเจ้า จะถวายลูกโคท้องแรกเป็นเครื่องเซ่นบูชาถวาย ให้แก่ท่านพะย่ะค่ะ"

เทพโพไซดอน " ตกลง "

ต่อมา เทพอพอลโล(ผู้เป็นเทพแห่งดวงตะวันและการดนตรี) ผู้เป็นหลาน ก็ได้มาช่วยสร้างด้วยการดีดพิณวิเศษให้ก้อนหินลอยขึ้นเป็นการทุ่นแรงทุ่นเวลาไปได้อย่างมาก

เทพโพไซดอน " เย้ ไม่ต้องออกแรง ขอบใจมากนะ อพอลโลหลานรัก "

เทพอพอลโล " ไม่มีปัญหาอยู่แว้ว "

ในที่สุด กำแพงเมืองทรอยก็เสร็จสิ้น กลายเป็นกำแพงเมืองที่สูงและแข็งแกร่ง ไม่มีใครฝ่าหรือทำลายลงได้    แต่ที่แท่นบูชาของเทพโพไซดอน กลับว่างเปล่า พระราชาเลือมมิดอน กลับบิดพลิ้ว ไม่ถวายตามสัญญา

เทพโพไซดอน " ฮึ พระราชาเจ้าเล่ห์ คิดจะบิดพลิ้วลบหลู่ข้ารึ มันต้องได้รับการลงโทษจากข้า "

เทพโพไซดอนเป็นเทพแห่งมหาสมุทร จึงปล่อยอสุรกายใต้น้ำทะเล และบันดาลให้เมืองทรอยน้ำท่วม

นักปราชญ์ " โอ้ ท่านจะต้องส่งหญิงสาวพรหมจรรย์ เป็นการเซ่นสังเวยมันพระเจ้าค่ะ "

ท้าวเลือมมิดอน ส่งลูกชาวบ้านที่เป็นสาวพรหมจรรย์ไปเซ่นสังเวย ปีแล้วปีเล่า เป็นเช่นนี้ทุกปี จนชาวบ้านชาวเมืองเขาไม่พอใจ ชาวบ้านจึงบอกคำนี้คำเดียว " ส่งเจ้าหญิง ส่งเจ้าหญิงเฮไซโอนี " (สงสัยไม่มีพันธุ์เอาไว้ผสม)

เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ท้าวเลือมมิดอนจึงส่งพระธิดาไปเซ่นสังเวย แต่โชคชะตาของพระธิดานั้น โชคดีเหลือเกิน ที่ฟ้ายังไว้ชีวิต  ขณะเดียวกันเหล่าทหารป่าวประกาศหาผู้อาสาปราบมันโดยท้าวเลือมมิดอนมีข้อเสนอว่า จะให้ม้าพันธุ์ดีไป1ฝูงเป็นรางวัล  ซึ่งเฮอร์คิวลิสอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ12ประการจากท้าวยูริสธัส(พระราชาขี้ขลาดขี้โรค) เฮอร์คิวลิสรับอาสา จึงสังหารมันด้วยตะบองคู่กาย  แต่แล้วท้าวเลือมมิดอนก็ยังจะคดโกงอยู่จึงกล่าวแก่เฮอร์คิวลิสชายผู้นี้ว่า " เอาอย่างงี้สิ ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองพร้อมสาวงานให้แก่ท่านแทน ม้า1ฝูงตามที่ตกลงแทน

เฮอร์คิวลิส " จำไว้ เจ้าเลือมมิดอน เมื่อข้าเสร็จภาระกิจทุกประการแล้ว ข้าจะกลับมาคิดบัญชีเจ้าให้สมสาที่สุด ฮึ "

และเป็นอย่างที่เฮอร์คิวลิสพูด ต่อมาจึงยกทัพสหายมาบุกกรุงทรอย งานนี้ เหล่าเทพเจ้าได้เปิดทางให้ เฮอร์คิวลิส เข้าไปในเมืองได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากต่างก็ไม่มีใครชอบนิสัยของพระองค์ จึงทำให้ เฮอร์คิวลิสและสหายบุกฝ่ากองทหารเข้าไปสังหารกษัตริย์เจ้าเลห์ได้สำเร็จ  และได้จับเจ้าชายโพดาร์เซสกับเจ้าหญิงเฮไซโอนี ซึ่งเป็นโอรสและธิดาของท้าวเลือมมิดอนพาทั้ง2ไปประเทศกรีซ จึงยกเจ้าหญิงเฮไซโอนี ให้อภิเษกสมรสกับท้าวเทลามอน แห่งเมืองซาลามิส สหายผู้ร่วมรบครั้งนี้   ส่วนเจ้าชายโพดาร์เซส ต่อมาชาวเมืองทรอยไถ่ตัวคืน เพื่อกลับมาเป็นผู้สืบทอดบัลลงก์ต่อไป โพดาร์เซสได้ขึ้นครองราชย์และได้เปลี่ยนชื่อว่า ไพรอัม(หรือเพรียม) ต่อมาได้อภิเสกกับพระนาง เฮกคิวบา มีโอรสและธิดาทั้งหมด 19คน(ทำไมไม่เอา20คนไปเลยฟะ) แต่ที่เป็นตัวสำคัญมีอยู่3พระองค์นั่นคือ เจ้าชายเฮกเตอร์ เจ้าหญิงคาสสันดรา(คาด- สัน- ดา) และ เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ เมื่อครั้งพระนางเฮกคิวบาตั้งครรภ์ ก็ได้ฝันไปว่า นางได้ให้กำเนิดโอรสเป็นคบเพลิง ลอยไปเผาบ้านเมืองจนไหม้เป็นทะเลเพลิง

ไพรอัม " ว่าไง โหรหลวง ฝันเช่นนี้ดีหรือไม่

โหร " ขอทำนายว่า หากบุตรที่เกิดเป็นพระโอรส เมื่อเติบโตจะนำภับพิบัติอย่างใหย่หลวง ผู้คนจะล้มตาย ไฟจะลุกท่วมเมืองพะย่ะค่ะ "

บางตำนานกล่าวว่า

ชาวเมืองก็เชื่อ    พระนางเฮกคิวบา " โธ่ ลูกแม่ ฮือๆๆ ๆๆๆ " (ร้องให้เป้นวักเป็นเวนเลย)

เมื่อครบกำเนิดคลอด ก็เป้นลูกชาย

เฮกคิวบา " โอ้ ท่านเสด็จพี่ ข้า กำเนิด เป็น พระโอรส เพคะ "

ไพรอัม " โธ่ เป็นพระโอรส " ..... " ทหาร เจ้าจงนำพระโอรสองค์น้อยโยนลงหน้าผาเสีย "    ทหาร " พะย่ะค่ะ " 

ว่าแล้วทหารก็นำพระโอรสน้อยออกจากเมือง แต่ " ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้หรอก ข้อให้เทพเจ้าเป็นผู้กำหนดชะตาของท่าน อโหสิกรรมให้ข้าด้วย พะย่ะค่ะ "

โชคดีจริงๆ มีชายเลี้ยงแกะคนนึง นามว่า อจีเลออส มีภรรยาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูก จึงขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจึงเก็บมาเลี้ยงดู

จึงตั้งชื่อนามให้พระองค์ใหม่ว่า ปารีส     ปารีสเติบโตอยู่บนเขาไอดา มีหน้าที่ต้อนฝูงแกะ-แพะ ไปหากินตามทุ่งหญ้าทุกวัน อย่างขยันขันแข็ง

กรุงทรอย ท้าวไพรอัม ก็ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุขตลอดมา แต่ช่างน่าสงสารพระนางเฮกคิวบาเหลือเกิน ซึ่งนางนึกว่าพระโอรสสิ้นพระชนม์ไปเสียแล้ว ลึกๆ นางก็งยังเสียใจและยังคิดถึง อเล็กซานเดอร์อย่าไม่ลืมเลือน          ส่วนเจ้าชายเฮกเตอร์ โอรสองค์ได้รับการฝึกฝนอย่างทหารที่แข็งแกร่ง ดุดัน และมีฝีมือเป็นยอด และต่อมา เขาก็ได้เป็นแม่ทัพแห่งกรุงทรอย  สำหรับเจ้าหญิงคาสสันดรานั้น เมื่อเยาว์วัย ได้รับพรวิเศษจาก           เทพอพอลโล แต่กลับดันมาเป็นเรื่องที่น่าขำ เมื่อโตมา เทพอพอลโลมาขอเป็นสามีของนาง แต่นางไม่ยอม จึงถูกสาปให้ว่า เมื่อนางพยากรณ์ออกมาจะไม่มีผู้ใดเชื่อคำพยากรณ์ของนาง อ้าว      ข้ามทะอีเจียนกันดีกว่า ต่อแนะนำตัวละครเลยนะ กรุงทรอยยาวเหยียดเลย

  ฮะ แฮ้ม มาในดินแดนกรีซบ้างดีกว่า กษัตริย์อะกาเมมนอน (อะ-กา-เมม-น่อน) แห่งกรุงเมืองไมซินีและอาร์กอส กำลังขยายเขตอิทธิพลรวบรวมเมืองต่างให้เป็นบึกแผ่นอยู่ในอำนาจของ ท้าวอะกาเมมนอนสืบเชื้อสายมาจากท้าวแทนทารัส ซึ่งครองแคว้นลิเดียหรือฟรีเจียซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ทวีป  เอเซีย (พิมพ์ไม่ผิดหรอกค่ะ เอเซีย) ไมเนอร์ที่ใกล้กับกรุงทรอย วแทนทารัส มีธิดานาม ไนโอบี ผู้มีโอรสและธิดารวมถึง14คน และมีโอรสนาม      พีลอปส์  ต่อมาพีลอปส์ได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองอิลิสหรือเมืองปิซาในดินแดนกรีซ และได้อภิเสกสมรสกับพระนาง ฮิบโปดาเมีย พระธิดาของท้าวอีโนมอส จนมีโอรสด้วยกัน2องค์ คือเอเทริส(เอ-เท-ริด) และไธเอสทิส       เอเทริส มีชายานามว่าฮิโรพี  แต่เรื่องมีอยู่ว่า ไธเอสทิสผู้เป็นน้องชายลอบมีชู้กับางฮิโรพีพระชายาผู้เป็นพี่ชาย  เอเทริสทราบเรื่องจึงสังหารบุตรของไธเอสทิสผู้เป็นน้องชาย แล้วนำร่างของเด็กคนนั้นไปทำเป็นอาหารให้ไธเอสทิสเสวย 

เอเทริส " ที่เจ้ากำลังกินอยู่นั่นน่ะ มันเป็นเนื้อของลูกชายเจ้าไงเล่า 555   ฮึ ดีนะ ที่ข้ายังไว้ชีวิตเจ้า นี่คือการลงโทษที่เจ้าลอบมีชู้กับกับเมียของข้า "

ไธเอสทิส ยังมีโอรสอยู่อีก1องค์ นามว่า อิจิสธัส(อิ-จิส-ทัส)  สำหรับเอเทริสกับนางฮิโรพีมีโอรสด้วยกัน2องค์เช่นกัน นามว่า อะกาเมมนอน และเมเนเลอัส  ต่อมาอะกาเมมนอน ได้สร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ จนสามารถได้สร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่  โดยมีเมเนเลอัสผู้เป็นน้องชายเป็นแม่ทัพเคียงข้าง

ท้าวอะกาเมมนอน มีพระชายานามว่า ไคลเทนเนสทรา ผูเป็นพระธิดาของท้าวทินดารูส (ไคล-เทน-เนส-ทะ-ร่า) ที่เมืองสปาร์ตา

ในพิธีนี้มีบรรดาเจ้าเมืองไปร่วมงานหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เมเนเลอัส  โอดิสซุส( ชื่อโรมันคือ ยูลิสซิส) เจ้าเมืองอิธากา ผู้ชาญฉลาด มีปัญญาไหวพริบ     อาจักซ์ ชายร่างใหญ่จอมพลังเป็นโอรสของ้ทาวเทเลมอนแห่งเมืองซาลามิส    ทูเซอร์ นักแม่นธนูน้องชายของอาจักซ์ แต่มารดาคือนางเฮโซไอนี    ฟิลอคทีลิส  นักแม่นธนูที่ได้รับคันธนูจากเฮอร์คิวลิส คันธนู ลูกศรชุบเลือดมังกรไฮดราจากเฮอร์คิวลิส  อันติโลคัส เเห่งเมืองไพลอส  อคิลลิส วีรบุรุษที่มีฝีมือยอดเยี่ยม แห่งเมืองแคว้านเทสซาลี ปิโตคลัส เพื่อนสนิทของอคิลลิส  แต่แล้วพวกเขาที่กล่าวรายชื่อมาทั้งหมดนี้ได้ตกหลุมรักเจ้าหญิงเฮเลน 

  เจ้าหญิงเฮเลนเป็นลูกสาวของท้าวทินดารูส มีพี่น้องอีก3คน    ทั้งพระราชา วีรบุรุษ เหล่านั้นต่างเอ่ยปากทาบทามเจ้าหญิงเฮเลน แต่ท้าวทินดารูส

ไม่อาจตัดสินใจ ยกให้ผู้ใดได้  จนกระทั่ง โอ้โห ตัดใจง่ายจริง ที่ดิฉันกำลังกล่าวถึงนั่นคือ โอดิสซุส พระราชาแห่งนครอิธากา ผู้ได้ชื่อว่ามีความฉลากปราดเปรืองคนหนึ่ง  ได้แอบชอบพึงพอใจเจ้าหญิงเพเนโลพีผู้เป็นหลานของท้าวทินดารูส จึงหักห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ จึงขอเข้าพบกับท้าว ทินดารูสในวัง 

โอดิสซุส " ข้าขอเสนอแก้ไขปัญหาเรื่องคู่ครองของเจ้าหญิงเฮเลน แต่มีข้อตกลง ท่านจะต้องตกลงกับข้าเพียงข้อเดียว ข้าแค่ขอเจ้าหญิงเพเนโลพีหลานสาวของท่านให้เป็นมเหสีของข้า "

ทินดารูส " อ้อ ตกลง ไปถามเจ้าตัวเขาดูก่อนสิ ว่าเขาจะยอมแต่งรึเปล่านะ เฮอะ เฮอะ

เพเนโลพี " อ้อ ได้สิ ท่านลุง ข้ายินดี และตกลงที่จะเป็นพระมเหสีกับโอดิสซุสเพคะ "

ทินดารูส " ฮา ฮา เอาล่ะ ไหนเจ้าลองว่ามาซิ ว่าจะแก้ไขยังดีล่ะกับเจ้าหญิงเฮเลน "

โอดิสซุส " เมื่อชายหลายคนต่างมุ่งหมายปองหญิงงามเพียงหนึ่งเดียวเช่นนี้  ดังนั้น  ข้าขอเสนอให้เฮเลนเป็นผู้เลือกคู่ครองตามความพึงพอใจของนางเองจะดีกว่า ซึ่งชายทุกคนต้องยอมรับการตัดสินใจของแม่หญิงเฮเลนด้วย   และเพื่อไม่ให้ผู้ใดคิดจะยกทัพมาเพื่อช่วงชิงนางไป  ข้าขอเสนอให้ทุกคนให้คำสัตย์สาบานว่า หากมีใครชิงเฮเลนไปจากคู่ครอง ขอให้พระราชา เจ้าชาย และวีรบุรุษทุกเมืองนี้ จะต้องร่วมใจกันยกกองทัพไปช่วงชิงนางกลับคืนสู่สวามีของนาง "

พวกชายหนุ่มมาแอบยืนฟังที่หน้าประตูวังจึงกล่าวตะโกนเสียงดังๆว่า " พวกเราเห็นด้วย พวกเราขอสัญญา "

โอดิสซุส " อ้าว นี่พวกท่านมายืนฟังตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย "

ถึงพิธีเลือกคู่ เจ้าหญิงเฮเลนเลือก เมเนเลอัส น้องชายของท้าวอะกาเมมนอน

โปรดติตามตอนต่อไป