แฟชั่นยุค 1960s (1960 -1969)
ยุค 1960s (1960 -1969)
เหตุการณ์: สืบเนื่อง จากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พอสงครามจบ คนก็มีลูกหลานกันมากมาย (รุ่นพ่อแม่สมัยนี้จึงถูกเรียกว่า Baby boomers) ลูกหลานเหล่านั้นก็โตทันใช้ในยุคนี้ กลายเป็นกลุ่มวัยรุ่นกว่า 70 ล้านคนที่หลงไหลแฟชั่น ทางด้านวิทยาการต่างๆ ทั้งศิลปะ ดนตรี ก็พัฒนา เศรษฐกิจก็ฟูเฟื่องดี
ลักษณะชุด :
คีย์ของแฟชั่นยุค 60's มีไม่มากค่ะ เรียกรวมๆ ว่าเป็นแนว "Mod look" (แนวม้อด)
Mod look = มินิสเกิร์ต หรือเดรส สีเมทัลลิก ถุงน่องหลากสี โดยรวมสีสันจัดจ้าน ลายแนวเรขาคณิตอะไรแบบนี้
ปกเสื้อแบบ Peter pan collar
หรือที่เรียกกันว่า เสื้อคอบัว ซึ่งสาวๆ วินเทจหลงรัก ก็มาจากยุค 60 จ้า
หลายคนคิดว่ามินิสเกิร์ตเป็นสัญลักษณ์ของทั้งยุค 60s
แต่จริงๆ แล้ว มินิสเกิร์ต และ ลุคแบบม้อดนั้น เพิ่งจะมาฮิตในช่วงปี 1966 (คือยุค 60 ตอนปลายๆ)
ก่อนหน้านั้นคนยังฮิตแฟชั่นกระโปรงบ๊านบานเท่าเข่าสมัย '50 อยู่
เอารูปมาให้ดูว่าสาวสมัยนั้นเขาใส่กันสั้นจริงๆ
ที่นิวยอร์คจะใส่เหนือเข่า 4-5 นิ้ว ส่วนในลอนดอนใส่กันเหนือเข่า 7-8 นิ้วเลยทีเดียว
จะดูแฟชั่นยุค 60 จ๋า แบบง่ายๆ เลยก็ดูทวิกกี้เป็นต้นแบบจ้ะ
การแต่งหน้าก็ต้องปากซีดตาแบ๊ว เขียนตาสองเส้น ติดขนตาปลอมทั้งบนล่างแบบนี้
เดรสสีเงินทองเงาแว้บ ขาดไม่ได้ในยุคห้วงอวกาศ
เดรสกับสูทเป็นทรงตรงๆ เข้ารูป ด้วยตะเข็บด้านหน้าสองเส้น (อารมณ์ชุดแอร์โฮสเตส)
เส้นตะเข็บสองเส้นนี้เขามีศัพท์เรียกว่า Princess line นะเออ
ที่ฮิตอีกอย่างคือเสื้อโค้ตกระดุมสองแถว น่ารักเน้อ
sweater ก็มาแรงทีเดียว ทั้งแขนสั้นแขนยาว
โดยเฉพาะแบบคอเต่า แขนกุดตามรูป มักใส่คู่กับมินิสเกิร์ต หรือไม่ก็ใส่เป็นเดรสสั้น
ตัวอย่างจากยุคนี้:
The Beatles ต้นแบบของผู้ชายยุค 60 กับผมทรงหน้าม้าหัวเห็ด
Mary Quant ดีไซน์เนอร์ชาวลอนดอนผู้ออกแบบมินิสเกิร์ต
Twiggy นางแบบสาวที่ดังเปรี้ยงแตกในยุคนี้
เป็นผู้นำเทรนด์ทุกสิ่ง โดยเฉพาะเทรนด์ผอมไม้เสียบผี
เธอเป็นคนที่เรายอมรับว่า ผอมเป็นก้างแล้วก็ยังดูดี เก๋ เปรี้ยวจัดๆ ชอบบ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุค 1970s (1970 -1979)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์: ยุค สงครามเวียดนาม สงครามในตะวันออกกลาง กระแสการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิพลเมือง คนแคร์เรื่องมลภาวะ กลัวพลังงานหมดโลก ตระหนักในปัญหาของโลกกันมากขึ้น
มีการรับเอา วัฒนธรรมหลากหลายของตะวันออกเข้ามาด้วย ยุคนี้เป็นยุคที่คนเริ่มใช้แฟชั่นเป็นการแสดงออกถึงตัวตน เลยมีการแต่งตัวสไตล์ต่างๆที่หลากหลาย
ลักษณะชุด : "แล้วแต่อารมณ์" คงเป็นวิธีการเลือกของสาวยุคนี้
วัน นึงเธออาจเลือกใส่มินิสเกิร์ตสั้นปริ๊ด อีกวันใส่ maxi dress ยาวกรอมเท้า แล้ววันต่อมาก็นึกอยากใส่ Hot pants สั้นกุดไปเลยก็ได้
โฉมหน้าของ maxi dress ที่ออกมาในยุคนี้
เก๋ดีมะ? มีทั้งแบบแขนสั้น แขนยาว คอจีน กระโปรง กางเกง ฮิปสุดๆ
(ล่าสุดดาราฮอลลีวูดหลายคนเอา maxi dress กลับมาฮิตใหม่อีกแล้ว)
ชุดสูทแบบกางเกง ก็เริ่มมีในยุคนี้เหมือนกัน
การแต่งกายที่ unisex(ใส่ได้ทั้งหญิง-ชาย) เริ่มเป็นที่นิยม
กระโปรงยุคนี้ ยังคงความสั้น
แต่เค้าเลิกฮิตมินิเสกิร์ต หรืออะไรที่ ทรงตรงๆ แล้ว
ชอบทรงตัว A บานออกด้านล่างเล็กน้องแต่ไม่พอง (ตามรูป)
สิ่งที่ยังอยู่จาก 60s คือ Princess line และกระดุมสองแถวคู่จ้ะ
ซ้าย Princess line กับกระโปรงจีบเข้าข้างใน ทางขวาชุดกระดุมสองแถว ใส่เนคไท นิยมในยุค 70s
ตัวอย่างภาพเดรสแบบอื่นๆ ในยุคนี้ น่ารักดีเหมือนกัน ^^
สังเกตว่ากระโปรงจะเป็นทรงเอนะคะ ไม่บานฟูเหมือนยุค 50
สังเกตบรรดา princess line แถวคู่ ใส่แล้วเพรียวๆ ^ ^
อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในยุค 70s ก็คือ "ฮิปปี้"
เป็นแนวแฟชั่นที่ผสมผสานความเป็น Ethnic style (พื้นเมือง)
จุดเด่นคือลายผ้าที่ดูซับซ้อน แนวตะวันออก สีสันสดใส เว่อร์ๆ ทั้งหลายค่ะ
แฟชั่นฮิปปี้ ประกอบด้วย เสื้อเชิ้ตผ้ามัดย้อม แขนยาวบานๆ รุ่ยๆ รุงรังๆ เซอร์ๆ กางเกงขาบ๊านบาน ผมฟูๆ กับที่คาดหัว
ตัวอย่างจากยุคนี้:
Jimi Hendrix ผู้นำเทรนด์ผ้ามัดย้อม
(มันคือผ้าบาติกของปักษ์ใต้บ้านเรานี่เอง...)
Farrah Faucett ผู้นำเทรนด์ทรงผมสาวๆ สมัยนั้นค่ะ ฟูๆ ฮิปปี้ๆ
ยุคนี้ทรง Afro(แอฟโฟ่ร์) มาแรงด้วยจ้ะ
คนดัง ที่ทำผมทรงนี้คือ Michael Jackson (ซ้าย สมัยยังเอ๊าะ) และวง The Jackson 5 (ขวา)
แอฟโฟ่ร์สุดยอดดดดดดดดดด
John Travolta ไม่ได้มีส่วนอะไรกับแฟชั่น
เอามาให้ดูเฉยๆ ว่าเขาดัง ฮ่าๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุค 1980s (1980 -1989)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์: เศรษฐกิจเฟื่องฟู เมื่อสันติภาพเบ่งบาน สงครามทั้งหลายสงบ กำแพงเบอร์ลินพัง ยุคนี้วัยรุ่นไม่ได้กำหนดเทรนด์แล้ว อำนาจเงินตกอยู่ในมือพวกผู้ใหญ่เจ้าของกิจการ พวกมีอำนาจ
คนหันมาบ้าแบรนด์เนม ตั้งแต่น้ำหอม เสื้อผ้ากีฬา ไปจนถึงรถยนต์
ลักษณะชุด :
ผู้หญิงหันมาแต่งกายให้ดูภูมิฐาน น่าเชื่อถือ เรียกว่า "Power dressing"
ยิ่งไหล่กว้างๆ ยิ่งดี
ยุคนั้นเค้าว่า "Get Big Shoulders and Get Noticed"
ต้นแบบของ Power dressing มาจาก มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ และเลดี้ไดอาน่า
โดยเฉพาะเลดี้ไดฯ เป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ของยุค 80s เลยค่ะ อยากรู้ว่าสมัยนี้เขาแต่งยังไงก็ดูเธอได้เลย
เลดี้ไดอาน่าก็ "ไหล่ใหญ่" กะเขาเหมือนกัน
เอาการแต่งตัวของเธอมาให้ดู เธอชอบสีแดงม้ากมากค่ะ
เลดี้ไดอาน่านำเทรนด์แฟชั่นแบบโรแมนติกกลับมาใหม่ จากชุดแต่งงานฟู่ฟ่าชุดนี้
เรียกว่าเป็น The New Romantic ค่ะ ก็ใส่กันในโอกาสพิเศษๆ
เมื่อกล่าวถึงยุค 80s
สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลย ก็คงเป็น แฟชั่นแนว "Punk" นะคะ
จริงๆแล้ว พังค์ มีมาตั้งแต่ปลายยุค 1970
แต่มาบูมสุดๆ เอาช่วง 80 นี่เอง
จุดกำเนิด มาจากกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 200 คนในลอนดอน
แรกเริ่มเดิมที พังค์ เป็นพวกต่อต้านสังคม ต่อต้านแฟชั่น
ส่วนใหญ่อารมณ์เด็กเรียนไม่จบ พวกว่างงาน ทำตัวแรงๆ
อะไรที่คนอื่นเค้าว่าสวย ว่างาม ก็จะไม่ทำหรอก จะทำตรงข้าม แบบว่าแร๊งงงง
แฟชั่นแบบ Punk original สมัยนั้น = เนื่องจากตังค์ไม่มี จึงใส่ชุดเก่าๆ เอามาทำให้ขาดๆ เซอร์ๆ เสื้อหนัง กางเกงหนัง ปักหมุดมากมาย เจาะทั่วตัว ผมสีสดๆ ทรงผมฟูๆ หรือโกนสกินเฮดก็ว่ากันไป
ตัวอย่างจากยุคนี้:
แฟชั่นไอคอน นอกจากเลดี้ไดอาน่าแล้วก็ยังมี โรนัลด์ เรแกน กับภรรยา
คุณสามีหล่อสมกับที่เป็นดารา แถมแต่งตัวดีเนอะ
รูปขวานั้น คุณภรรยาก็ ไหล่กว้าง กะเค้าด้วย
Designer แนวพังค์ที่หลายคนหลงไหล
เจ๊ Vivienne Westwood นั่นเองจ้ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุค 1990s (1990 -1999)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เหตุการณ์: ยุคปัจจุบันนี่แหละค่ะ นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในรุ่นพ่อแม่และรุ่นของเราเอง น่านนนน แหละ!
(ออกแนวขี้เกียจบรรยาย -*- )
ลักษณะชุด : เอาเข้าจริงแล้ว แฟชั่นแบบ 1990 มันคือ.... สิ่งที่เราใส่กันในยุคปัจจุบัน!! (แป่ว)
ขออธิบายคร่าวๆ ไม่ใส่รูปประกอบมากนะคะ
คงจินตนาการกันออก
- ที่สุดของ Minimalism = Less is more ไหล่ใหญ่ๆ หายไป ชุดเข้ารูป เรียบเท่
- เสื้อแจ็กเก็ตเข้ารูป
- ใครๆ ก็ใส่กางเกงได้ โดยเฉพาะยีนส์
- Blazer
- เสื้อไหมพรม และคาร์ดิแกน
- ผ้ายืดแบบเสื้อวอร์ม อารมณ์ Adidas, Nike
- นอกจากนี้ยังมี ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้ากำมะหยี่ ไลครา และโพลีเอสเตอร์ (ใยสังเคราะห์ต่างๆ) ที่วิวัฒนาการขึ้นใหม่มากมาย
- Pashmina หรือผ้าพวกแคชเมียร์
- ดีไซน์เนอร์อเมริกันทั้งหลาย เช่น Donna Karan, Tommy Hilfiger, Calvin Klein และ Ralph Lauren.
ตัวอย่างจากยุคนี้:
แต่ถ้าจะพูดถึงดีไซน์เนอร์ที่ล้ำ แหวกสุดแห่งยุค
ก็ต้องยกให้ Donna Karan (แบรนด์ DKNY)
เธอได้ชื่อว่าเป็นดีไซน์เนอร์ที่รู้จักสรีระผู้หญิงดีที่สุด
เป็นผู้เริ่มการจัดตู้เสื้อผ้าแบบ Capsule Dressing ซึ่งจัดมาให้เหมาะกับ lifestyle ที่เร่งรีบ
ประกอบด้วยชุดสีเรียบเท่ หลากหลายชิ้น(ส่วนใหญ่จะสีดำ)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------