หลังจากได้เขียนบทความที่เเล้วเกี่ยวกับเรือเดินสมุทร Lusitania
ครั้งนี้ก็จะมาขยายรายละเอียดถึงรูปแบบเรือเดินสมุทร 4 ปล่องควัน
ทำไมต้องมาขยายเรื่องนี้นะหรือ?
สำหรับในอดีตเเล้ว เรื่องความเร็ว ความหรูหรา เเละขนาดของเรือเดินสมุทร คือสิ่งสำคัญ!!!
สำคัญยังไง?
ลองคิดดูสิว่าในยุค 1900 หลังจากเริ่มมีการปฎิวัติมาใหม่ๆ ผู้คนในยุคนั้นเริ่มมุงเเสวงหาความทันสมัย
ความยิ่งใหญ่ เเละการพัฒนา ไม่ว่าในทางวิศวกรรมเอย สถาปัตยกรรมเอย เเละเเน่นอนในเรื่องการคมนาคม
เรือเดินสมุทรเป็นเสมือนตัวเเทนอีกอย่างที่สามารถอธิบายถึงความเจริญ เทคโนโลยีได้มากเช่นกัน
เเล้วมันเกี่ยวอะไรกับปล่องควัน 4 ปล่อง
ปล่องควัน 4 ปล่อง เป็นเสมือนการบ่งบอกจำนวนเครื่องยนต์ที่ส่งผลถึงประสิทธิภาพในเรื่องความเร็ว ความทันสมัย เเละขนาดสำหรับเรือในสมัยนั้น หากลำไหนมีปล่องควัน 4 ปล่อง ก็จะเเสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพเเละความน่าเกรงขาม เเละความทันสมัยของเรือลำนั้นเเละเเน่นอนว่าทำให้มีการกุมตลาดลูกค้าได้ เพราะทุกคนก็อยากโดยสารเรือที่ใหญ่ หรุหรา ทันสมัย เร็วเเละปลอดภัย เเละที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราจะได้มารู้จักเรือเดินสมุทรทั้ง 14 ลำ อันยิ่งใหญ่ที่หรูหรา เเละทันสมัย มากกว่าที่คุณรู้จักเเค่ Titanic..
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Kaiser Wilhelm der Grosse - Specifications: | |
Length: | 655 feet (200.1 m) |
Beam: | 65.8 feet (20.1 m) |
Tonnage: | 14,349 gross tons |
Service speed: | 22 knots |
Engines: | Reciprocating engines turning two propellers at 31,000 horsepower. |
Passengers: | 1,970 people |
เรือสัญชาติเยอรมันลำนี้ ต่อที่อู่ต่อเรือ Vulcan ในสเตติน เพื่อขนส่งผู้คนไป New York เรือลำนี้ เป็นลำเเรก ที่มี 4 ปล่อง เเละกลายเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้นทันที เรือ Kaiser Wilhelm der Grosse ยังทำความเร็วได้สูงสุดกว่าเรือในยุคนั้น 22 น็อต และคว้ารางวัล Blue Riban (รางวัลที่บันทึกสถิติว่าเรือลำไหนทำความเร็วได้มากที่สุด)
- การตกเเต่งภายใน
เรือ Kaiser Wilhelm der Grosse ได้รับรูปแบบ Baroque ทั้งหมด เน้นผนังไม้ลงรักปิดทอง เเละลายฝ้าเพดานอลังการ เเละเป็นลำเเรกที่สร้างภายในด้วยโถงสูงๆ นำเอา space ของพระราชวังมาตกเเต่งเรือให้สมชื่อ พระราชา Kaiser Wilhelm
ห้องนั่งเล่นสุดหรู ชนิด ไททานิคชิดซ้ายเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรือหรูหราขนาดนนี้ก่อนปี 1900
ห้องทานอาหารรวม ที่เป็นต้นแบบให้เรือลำอื่นๆๆเอารุปแบบนี้ไปประยุกษ์กับเรือตนเอง
ห้องเเสดงดนตรี เว้อได้ใจมาก
ห้องสุภาพบุรุษ จัดเต็มจริงๆๆ
บันได
ห้องสูบบุหรี่
- จุดจบ
ในปี 1914 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เรือดันไปอยู่ในเส้นทางสมภูมิ Battle ship ทำให้โดนลูกหลงระเบิดเเละจมลงอย่างน่าเศร้า
โดน เรือรบอังกฤษ ยิ่งระเบิดใส่ช่วงท้ายเรือ ทำให้ท้ายเรือจมนำก่อนเเละเอียงกราบซ้าย เเละค่อยๆๆจมลง
(สุดท้ายเยอรมันก็จม Lusitania กลับ กรรมตามสนอง....)
ถือว่าเป็นเรือพาณิชย์ลำเเรก ที่จมในสงครามโลกครั้งที่ 1......
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.) SS .Deutschland (1900-1925) (สายการเดินเรือ Hamburg America Line)
เรือแฝดลำนี้ได้เกิดขึ้นจากการต้องการขยายธุรกิจการเดินเรือ โดยทางสายการเดินเรือเล็งเห็นว่า หากจะสร้างเรืออีกลำที่หรูหรากว่าเรือ SS .Deutschland ก็จะสามารถดึงส่วนแบ่งกลับมาเป็นของตนได้อีก โดยได้สร้าง The Kaiser Wilhelm II ให้เป็นเรือที่หรูหราที่สุดเเละเร็วที่สุดของเยอรมันเพื่อหวังจะเป็นมาตรฐาน เเละเป็นที่สุดของเจ้าเเห่งมหาสมุทรแอตเเลนติคเหนือให้ได้ เรือได้เปิดตัวในวันที่ 14 เมษายนปี 1903 พร้อมกับความหรูหราขีดสุดของหินอ่อน เเละไม้ เเม้จะกลายเป็นเรือที่หรูหราที่สุดในยุคนั้น เเต่ก็ไม่สามารถโค่นเเชมความเร็วจากเรือ SS .Deutschland ได้เเม้จะทำความเร็วได้ 23.58 น้อต แต่ก็ไม่ได้รับการบันทึกลง Blue Riband
สายการเดินเรือคิวนาดของอังฤษ ได้เเข่งขันกับสายการเดินเรือเยอรมันมาอย่างยาวนาน เเละในที่สุด พวกเขาได้คิดออกแบบเรือที่เร็วที่สุดเเละหรุหราที่สุดจนได้ ด้วยเทคโนโลยีการต่อหมุด เเละเหล็กที่ดีที่สุดในยุคนั้นทำให้เขาสามารถสร้างเรือที่ใหญ่กว่าเรือของเยอรมันได้ โดยได้ออกแบบเป็นเรือแฝด 2 ลำ lusitania กับ Mauretania เเละเขาก็ได้สร้างสถิติความเร็วของ Blue Riban ได้ที่ 28 น็อต เเละเป็นความเร็วที่เร็วที่สุดในยุคนั้นเเละไม่มีใครโค่นได้มานานถึง 20 ปี รวมถึงเรือที่หรุหรา เเละมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้นเช่นกัน
The Deutschland/Victoria Luise/Hansa - Specifications: | |
Length: | 684 feet (209 m) |
Beam: | 67 feet (20.5 m) |
Tonnage: | 16,502 gross tons |
Engines: | Quadruple expansion engines powering two propellers. |
Service speed: | 23 knots |
Passengers: | 2,050 people |
เรือสัญชาติเยอะมันอีกลำเเต่คนละสายการเดินเรือ ได้สร้างเรือ SS .Deutschland เพื่อสร้างเเละดีงตลาดลูกค้าใหม่ เเละเเน่นอนว่า ต้องดีกว่าเรือ SS. Kaiser Wilhelm der Grosse ในทุกๆๆด้านไม่ว่าความเร็ว ความหรูหรา ความทันสมัย เเละเป็นเเม่เเบบให้เรือให้เรือในยุคหลังนำมาใช้ เรือได้ทำลายสถิติความเร็วที่ 23 น็อต
เรือลำนี้ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 เฉกเช่นเดียวกับเรือเพื่อนๆ เนื่องด้วยปัฐหาเครื่องยนต์ที่มีปัญหาบ่อยเเละไม่ได้ความเร็วตามมาตรฐาน เเต่กระนั้นเรือลำนี้ก้ได้อยู่ใช้งานจนปลดระวางในปี 1925 เเละทุกวันนี้
SS .Deutschland ก็ยังเป็นที่จดจำของอดีตเรือเดินสมุทรที่หรูหราที่สุดอีกลำในยุคนั้น
- การตกเเต่งภายในเรือ
เรือรับรูปแบบ Victoria , Luise , Baroque มาใช้เต็มภายในทั้งหมดทำให้มีความหรูหรามากที่สุด เเละยังทำให้กลายเป้นเรือที่สวยที่สุดในยุคนั้น เเละเป็นเรือลำเเรกที่เล่น เพดานสูงโดมเเก้ว glass dome ทำให้เป็นที่ฮือฮาเเละสร้างความประทัปใจเเก่ผู้โดยสารอย่างมาก
โดมแก้วอันลือลั่น เเละเป็นต้นแบบให้เรือเดินสมุทรแทบทุกลำใช้โดมแก้วไปตกเเต่งภายใน (ห้องทานอาหาร)
ห้องนั่งเล่น
ห้องสูบบุหรี่
ห้องนั่งเล่นสุภาพสตรี
บันไดกลาง
เป็นเรือที่ตกเเต่งหรูหราที่สุดของเยอรมัน..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Kronprinz Wilhelm - Specifications: | |
Length: | 664 feet (202.8 m) |
Beam: | 66 feet (20.2 m) |
Tonnage: | 14,908 gross tons |
Engines: | Steam quadruple expansion engines turning two propellers. |
Service speed: | 22 knots |
Passengers: | 1,761 people |
หลังจาก สร้าง SS. Kaiser Wilhelm der Grosse สายการเดิน Norddeutscher Lloydเรือยังได้ออกแบบเรือ 4 ใบเถา(แฝด 4 )เพื่อครองความเป็นเจ้าสมุทรโดยในปี 1901 ได้ต่อเรือลำใหม่ที่ชื่อว่า Kronprinz Wilhelm โดยเลียนแบบเรือพี่เป๊ะทุกอย่างรวมถึงการตกเเต่งภายใน เเต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า เรือลำนี้ได้ทำหน้าที่้เข้าร่วมสงครามในปี 1917 เเละปลดระหว่างในปี 1923
ช่วงเป็นเรือรบ
-การตกเเต่งภายใน
เหมือนเรือ SS. Kaiser Wilhelm der Grosse ทุกประการ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Kaiser Wilhelm II - Specifications: | |
Length: | 707 feet (215.9 m) |
Beam: | 72 feet (22 m) |
Tonnage: | 19,361 gross tons |
Engines: | Steam quadruple expansion engines turning two propellers. |
Service speed: | 23 knots |
Passengers: | 1,888 people |
เเต่กระนั้น เรือลำนี้ก็เป็นเรือที่เร็วที่สุดเเละหรูที่สุดในยุคนั้นจึงกระทั้ง 1907 โดนเรือ Lusitania แย่งไป ในปี 1914 The Kaiser Wilhelm II จำต้องถูกเปลี่ยนเป็นเรือขนส่งทหาร เเละถูกปลดระหว่างในปี 1940
- การตกเเต่งภายใน
เหมือนเรือ SS. Kaiser Wilhelm der Grosse ทุกประการเเต่เพิ่มเติมให้หรูหรากว่าด้วยhall ที่สูงเเละโดมแก้ว
ห้องดนตรี
ห้องนั่งเล่น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Kronprinzessin Cecilie - Specifications: | |
Length: | 707 feet (216 m) |
Beam: | 72 feet (22 m) |
Tonnage: | 19,360 gross tons |
Engines: | Steam quadruple expansion machinery powering two propellers. |
Service speed: | 22.5 knots |
Passengers: |
1,970 people
|
เป็นเรือลำสุดท้ายของตระกูล 4 ใบเถา เรือลำนี้ถูกต่อที่อู่เรือในสเตติ Vulcan, ตอนเหนือของประเทศเยอรมนี ในเดือนกรกฎาคม 1907 โดยจะเเย่งชิงความหรูหราเเต่ไม่เน้นความเร็วจาก เพื่อเเข่งขันกับสายการเดินเรือ คิวนาด ที่กำลังสร้าง Rms. Lusitaniaเรือมีขนาดใกล้เคียงกับ Kaiser Wilhelm II ได้มีการสร้างห้องสูทครั้งเเรกเเละมีการนำตู่ปลาขนาดใหญ่มาประดับข้างในอีกด้วย ทำให้เป้นเรือที่น่าประทัปใจเเก่ผู้โดยสารอีกลำ ในปี 1907 ได้กลายเป็นเรือรบอีกลำ เเละถูกปลงระหว่างในปี 1940 พร้อมกับเรือพี่น้องทั้งหมด
- การตกเเต่ง
เหมือนเรือ SS. Kaiser Wilhelm der Grosse ทุกประการเเต่เพิ่มเติมให้หรูหรากว่าด้วยอคอเรียม ตู้ปลาขนาดยักษ์
ห้องทานอาหาร
ห้องนั่งเล่น
ห้องทาอาหาร
ห้องทานอาหาร
บันไดกลาง
ห้องสูบบุหรี่
ห้องพักของทหาร(หรูมากกก)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Lusitania - Specifications: | |
Length: | 785 feet (239.8 m) |
Beam: | 88 feet (26.9 m) |
Tonnage: | 31,550 gross tons |
Service speed: | 28 knots |
Engines: | Steam turbines turning four three-bladed propellers. |
Passengers: | 2,165 people |
- การตกเเต่งภายใน
เรือนำรูปแบบ Victoria , Luise13,Luise14,Luise16, Baroque, Romantic มาตกเเต่งภายในอย่างอลังการ เเละใช้หินอ่อนทั้งหมด รวมถึงกระจกทรงสูง ชนิดตัดลอกมาจากเเวร์ซายไม่ผิดเพี้ยนเลย ทำให้กลายเป็นเรือที่หรูหรา เเละดึงดุดลูกต้าไฮโซ มีชื่อเสียงที่สุด ได้เป้นจำนวนมาก
ห้องทานอาหารที่หรุหรายิ่งกว่าไทาทานิคหลายเท่า ประดุจดั่งอยู่ในวังเเวร์ซาย
เป็นเรือลำเเรกที่นำลิฟมาใช้
- จุดจบ
เรือ Mauretania เป็นฝาแฝดผู้น้องของ Lusitania มีการาร้างเเละตกเเต่งภายในเหมือนกันหมดทุกอย่าง รวมถึงขนาดที่ใหญ่กว่า เรือพี่นิดหน่อย ทำให้สายการเดินเรือคิวนาด มีอิทธิพล เเละ คุมเจ้าเเห่งความเร็วเเละความหรูหราที่สุดในแอตเเลนติคเหนือ เเละนี่เองที่เป็นสาเหคุให้ สายการเดินเรือที่เรารู็จักันดี เจ้า้ของเรือ Titanic สายการเดินเรือ whit star line ได้ออกแบบเรือแฝด 3 ลำ เพื่อที่จะโค่นเรือฝด 2 ของคิวนาดให้ได้ เรือลำนี้เป็นเรือลำหนึ่งที่มีความเร็วสูงกว่าเรือแฝดพี่ เเละได้รับความนิยมเหมือนกัน เป็นเสมือนหน้าตาของ สายการเดินเรือคิวนาด
เรือOlympic เป็นเรือลำเเรกที่สร้าง ในโปรเจค 3 ใบเถา(แฝด 3 ) มีดังนี้ Olympic ,Titanic,Britannic ซึ่งสายการเดินเรือ White Star Line คาดหวังที่จะเอาตลาดผู้คนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเสียให้กับเรือ แฝด 2 ของสายการเดินเรือคิวนาดมาเกือบ 4 ปี โดยครั้งเเรกเรือลำนี้ม่เเค่ 3 ปล่องควัน เเต่มาเพิ่มเป้น 4 ทีหลัง เพื่อหลอกคู่ต่อสู้ว่าเร็วเเละยิ่งใหญ่ เรือโอลิมปิค ได้สร้างปรากฎการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรือที่ทันสมัย หรูหรา มีความแปลกใหม่ ทำให้มีการสร้าง titanic ติดๆๆกันตามมา เเละtitanic ก็มีความเหมือนโอลิมปิคทุกประการเช่นกันเเต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า
12.) RMS Britannic (1914-1915) (สายการเดินเรือ White Star Line)
เรือบริเเทนนิค เรือแฝดผู้น้องคนสุดท้ายของตระกูลโอลิมปิค ได้ถูกสร้างก่อนไทานิคจม เเต่ก็ต้องมาซ่อมเเละเปลี่ยนโครงสร้างภายหลังเรือไทาทานิคจม ตอนเเรกเรือลำนี้ชื่อว่า gigantic เเต่ก็ก็มาเปลี่ยนเป็น Britannic ตอนเเรกเรือลำนี้ก็คาดหวังที่จะเอาชนะเรือของสายการเดินเรือคิวนาด เเต่สุดท้าย มาสร้างเสร็จในช่วงสงครามโลก ทำให้ ภายในเรือ ตกเเต่งได้แบบไม่เสร็จบางส่วนหรุหราเเต่บางส่วนเรียบๆๆเพื่อให้มาใช้งานเป็นเรือพยาบาล ฉะนั้น คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยเห็นว่าเรือ บริเเทนนิคหรุหรายังไง เรือมีบันไดกลางที่หรูหราไม่เเพ้เรือพี่ เเละมีห้องทาอาหารที่หรูหราเช่นกัน เเต่ส่วนอื่นๆๆกลับเรียบง่ายๆ เเละดูธรรมดา
เรือลำนี้ก็เเช่นเดียวกับเรือแฝดพี่ ได้เปิดตัวในวันที่ 9 มีนาคม ปี1921 เเละได้รับส่งผู้โดยสารไปกลับเส้นทางเดียวกัน ความพิเศษของเรือนี้คือจะเน้นฟังชันค์การผ่อนคลาย โโยเอากีฬาต่างๆๆมาเล่นบนเรือมากขึ้น ตั้งเเต่ว่ายนำ้ เบดมินตัน ตีล฿กบอล ปิงปอง เเละลานโล่งในเรือไว้ทำกินกรรมหมู่ เป้นเสมือนการบ่งบอกถึงค่านิยมที่เปลี่ยนไปว่า ไม่จำเป้นต้องเอาวัง คฤหาสมาตกเเต่ง เริ่มมีการพัฒนทางเทคโนโลยีมากขึ้น เเละทำให้คนเริ่มมีความคิดใหม่ กล้าทำสิ่งใหม่ การที่เอาสระว่ายนำ้มาไว้ดาดฟ้า เป็นเสมือนการเปิดเผยเรือนร่างต่อสาธารณชน เมือ่ก่อนผู้หญิงจะไม่โชวืเนื้อ ขาอ่อนเด็ดขาด เเต่เมื่อมีสระว่ายนำ้บนดาดฟ้า ก็เสมือนการปฎิวัติรุปแบบ ทำให้กล้าที่จะทำ กล้าที่จะเเสดงควาเมท่าเทียมมากขึ้น เเละเรือก็ตอบสนองวิัฒนาการของยุคสมัยตลอดไป...
ห้องทานอาหาร
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1915 จากการบอกเล่าของผู้รอดชีวิต บอกว่า อากาศเวลานั้นแจ่มใสดีมาก ไม่มีใครนึกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้ แม้ว่าจะเคยได้ยินคำขู่ของฝ่ายเยอรมันก็ตาม
โฉมหน้าเรือดำนำของเยอะมันที่จมเรือลูซิทาเนีย
ขณะที่ผู้โดยสารชั้นที่ 1 กำลังรับประทานอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายโมง เรือถูกเรือดำน้ำเยอรมัน (U-boat U-20) ยิงตอปิโด 2 ลูกใส่กลางลำเรือ
เกิดเสียงระเบิดดังอย่างมาก มีการแตกตื่นในหมู่ผู้โดยสาร หลายคนเริ่มคิดว่าเรือกำลังจม ตอร์ปิโดได้ทะลุเข้าไปที่ห้องถ่านหินข้างหัวเรือ ขณะเรือกำลังเดินอยู่ 18 น็อด และทำให้เรือเเล่นต่อไปไม่หยุด เริ่มมีการเเตกตื่นของผู้โดยสารทันที
ช่วง8-10 นาทีเเรก มีการพยายามปล่อยเรือช่วยชีวิต เเต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเรือเเล่นด้วยความเร็วสูงถึง 18 นอต ในขณะที่หัวเรือเริ่มจม เเละเกิดเสียงระเบิดภายในเรือไปเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มเเตกตื่น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหย่อนเรือเเละทำหน้าที่ ได้ มีเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
มีการเเย่งลงเรือช่วยชีวิต เรือเริ่มเอียงทางกราบขวา ทำให้เรือช่วยชีวิตด้านกราบขวา หลุดจากเสาเพราะนำหนักที่มากเกินไป เเละหล่นลงไปในนำ้ในขณะที่มีคนนั่งเป็นจำนวนมาก (เรือแตก) ทำให้มีการสูญเสียชีวิต บางลำไม่สามารถหย่อนได้ ทำให้คนหนีไปพึ่งเรือช่วยชีวิตฝั่งกราบซ้าย
บางลำหย่อนลงได้ เเต่กลับโชคร้ายโดนใบพัดเรือที่ยังไม่หยุดหมุน ดูดเรือช่วยชีวิตเเละบดพัดจนตายยกลำ!ไม่มีใครกล้ากระโดดลงนำ้ เพราะกลัวจะโดนใบพัดดูดเเละฟันจนถึงเเก่ความตาย
ฝั่งกราบขวาเรือ ไม่สามารถหย่อนเรือช่วยชีวิตได้ จึงทำให้ ฝั่งกราบซ้ายเเน่นไปด้วยผู้คนที่พยายามเเย่งลงเรือ สุภาพบุรุษเเย่งที่นั่ง เด็ก สุภาพสตรี มีการเเย่งเสื้อชูชีพอย่างบ้าคลั่ง มีการสูญเสียครอบครัว พ่อเเม่พี่น้อง เเม่ตามหาลูก ลูกร้องไห้วิ่งหาเเม้ เเสดงถึงความทุกข์เวทนา มีผู้โดยสารชั้น 3 จำนวนมากถูกขังภายในเรือ บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็พยายามเอาตัวรอดในขณะที่นำ้เข้าเรือจำนวนมาก (เอาสถาณการณ์ความเศร้า เเละความวุนวาย ของไททานิค มา X3 ก็จะได้สถาณการณ์ ของเรือลูซิทาเนีย )
หลักจากช่วง 10 นาทีเเรก เรือเริ่มเอียงไปกราบขวาอย่างหนัก ผู้คนเริ่มบ้าเเละวิ่งไปทางท้ายเรือ หัวเรือเริ่มจมทำให้เรือหยุดเคลื่อนที่ ที่นี้ จึงมีการปล่อยเรือชูชีพ ผู้คนต่างพยายามเยื่อเเย่งกันอีกครั้ง น้ำเิริ่มเข้ามาในเรืออย่างรวดเร็วมาก หลักจากหัวเรือจมไป 3 นาที นำ้ได้ท่วมมาถึงหอบังคับการ กัปตันเรือได้ตัดสินใจ จมตัวเองไปพร้อมกับเรือ เช่นเดียวกับ กัปตันเรือไททานิค
เมื่อน้ำมาถึงห้องทานอาหารผู้โดยสารชั้น 1 มีผู้โดยสารชั้น 1 หลายคนยังออกมาไมไ่ด้ เพราะยังติดอยู่ในลิฟ( เข้าใจว่าพยายามจะขึ้นลิฟหนีขึ้นมาข้างบน เพื่อเลี่ยงบันไดกลางเพราะมีคนจำนวนมาก ) เเละทำให้จมนำ้ตายในลิฟเเทน.........
นาทีจมในช่วงสุดท้าย
ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ท้ายเรือได้ยกขึ้นและเอียงทางกราบขวาอย่างหนัก เรือช่วยชีวิตทางกราบซ้ายไม่สามารถปล่อยลงนำ้ได้เเม้เเต่ลำเดียว (รุปบน) ผู้คนตกตกลงน้ำเป็นจำนวนมาก (คิดถึงฉากตอนท้ายเรือไททานิคยกตัวสูงเเล้วคนไหลลงนำ้ เเต่ลูซิทาเนีย จะเป็นเอียงทางกราบขวาเเทน )
หลายคนที่ยังติดในเรือ ก็โดนข้าวของหล่นใส่ หรือ จมน้ำอย่างรวดเร็ว เเละสุดท้าย เรือก็ตะเเคงขวาเอียงเเละจมลงอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีผู้โดยสารติดอยู่ภายในเรือจำนวนมากที่ต้องขาดอาการหายใจตายหรือไม่ก็โดนเเรงดันภายในน้ำอัด หรือจมน้ำตายในที่สุด (เป็นการตายที่ทรมาณมาก สู้ลอยน้ำเย็นตายแบบไททานิคยังดีกว่าต้องตายภายในเรือที่จมน้ำเเล้ว)
หลังจากที่เรือจม เรือช่วยชีวิตเพียง 10 ลำต้องต่อสู้กับคนที่ลอยนำ้จำนวนมากที่พยายามเเย่งขึ้นเรือ ทำให้มีเรือเเตก เเละควำ่ (ไอที่จะรอดสุดท้ายก็ไม่รอดมาตายโดนเเย่งเรือ จนเรือควำ่) เเละที่น่าสงสารคือ เเม้เรือจะเเจ้งขอความช่วยเหลือเเล้ว เเต่ก็ยังไม่มีเรือลำใดมาช่วย ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องลอยคอในนำ้ถึง 3 ชม !!จนมีเรือสินค้ามาช่วยเอาไว้....จึงทำให้มีคนตายเพิ่มขึ้น เเม้น้ำจะไม่หนาวเย็นมากก็ตาย
(ประมาณเรือไทาทานิคที่จมเเล้วเเต่ยังไม่มีใครมารับคนที่ลอยคอในนำ้ ต้องรอสัก 1 ชม.ให้เงียบ เเละสงบลงก่อยถึงจะพายมารับ เเต่ของลูซิทาเนียต้องรอ 3 ชม. บางข้อมูลก็บอกว่า 2 ชม. )
มียอดผู้เสียชีวิต ทั้งผู้คนพลเรือน ผู้หญิงและเด็กเสียชีวิตมากถึง 1,198 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,959 คน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Mauretania - Specifications: | |
Length: | 790 feet (241.3 m) |
Beam: | 88 feet (26.9 m) |
Tonnage: | 31,938 gross tons |
Service speed: | 25 knots |
Engines: | Steam turbines powering four propellers. |
Passengers: | 2,335 people |
เข้าร่วมสงครามในปี 1916 เเละปลดระหว่งในปี 1934
- การตกเเต่งภายใน
เหมือนกับเรือแฝดพี่ทุกประการ เเต่จะมีความเเตกต่างเฉพาะห้องทานอาหารชั้น 1 ที่ตกเเต่งด้วยไม้เเทนหินอ่อนเท่านั้น
ห้องทานอาหารจะทำด้วยไม้เเทน ต่างจากแบบเรือพี่ ที่เป็นหลุยห์หินอ่อน
ห้องสมุท
ห้องนั่งเล่น
ลานคาเฟ่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Olympic - Specifications: | |
Length: | 882.9 feet (269.68 m) |
Beam: | 92.6 feet (28.19 m) |
Deep draught: | 34.4 feet (10.51 m) |
Tonnage: | 45,324 gross tons |
Engines: | Triple-expansion engines powering two wing-propellers and one exhaust steam turbine powering the centre propeller. |
Service speed: | 21 knots |
Passengers: | 2,764 people |
สังเกตว่าเรือโอลิมปิค ช่วงชั้น 2 นับจากดาดฟ้าจะมีการเปิดช่องหน้าต้างทั้งเเถวเลย คนละเเบบกับไททานิคที่ปิดช่องไปบ้างบางส่วน ในช่วงสงครมโลก เรือโอลิมปิคก้เช่นเดียวกับเรืออื่น ที่ต้องเป็นเรือรบ เรือขนส่งทหาร
- การตกเเต่งภายใน
เพื่อสร้างความเเตกต่างจากเรือแฝดของคิวนาด เรือจึงตกเเต่งเเบบ Jacobean, Georgian, Dutch, Louis XIV, Empire เน้นใช้ไม้โอ๊ค หรือไม้ประดับผิวสีเข้มขัดมันวาว เเละตกเเต่งด้วยหรอบสีของ กระจกสี ประดับด้วยต้นปาล์มสีเขียว เเละลวดลายธรรมชาติ ที่ไม่รกรุงรังเเบบเรือลูซิทาเนีย เน้นสร้างบรรยากาศ เเละความมี style เเละอบอุ่น มากกว่าที่จะโอ่อ่า โอ่โถง เเละเวิงว้างเเบบเรือลูซิทาเนีย ใช้โดมเเก้งในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปแบบที่เรือลำอื่นทำกัน เน้นspace แบบครอบครัว ที่ทำให้มีความรู้สึกถึงคฤหาสที่อบอุ่น เเละโรเเมนติค ไม่ใช่อยู่ในวัง ที่space กว้างขวางเเละเกิดความรู้สึกเลื่อมลำ้ซึ่งกันเเละกัน เเละด้วยที่กล่าวมา ทำให้การตกเเต่งของโอลิมปิคเเม้จะไม่หรุหราแบบเอาวังเเวร์ซายมาวาง เเต่กลับให้มีความอบอุ่น โรเเมนติค เเละนุ่มนวล เกิดสุนทรียภาพได้ดีกว่าตกเเต่งอย่างฟู่ฟ่าแบบเรือลูซิทาเนีย
เรือโอลิมปิคมีโดมเเก้วเช่นเดียวกับไททานิคทุกอย่าง(เรือแฝดอะไรมันก็เหมือนทั้งในเเละนอก)
ห้องทานอาหาร
ลิฟแบบหรูหรา
บันไดผู้โดยสารชั้น 2
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Titanic - Specifications: | |
Length: | 882.9 feet (269.68 m) |
Beam: | 92.6 feet (28 m) |
Tonnage: | 46,328 gross tons |
Deep draught: | 34.6 feet (10.8 m) |
Service speed: | 21 knots |
Engines: | Triple-expansion engines powering two wing-propellers and one exhaust steam turbine powering the centre propeller. |
Passengers: | 2,435 people |
เเละเเล้วก็มาถึงเรือที่ทุกคนรู้จักกันดี เรือที่โด่งดังทั้งในเเละนอกประวัติศาสตร์ คงจะไม่พูดอะไรมากเพราะเป็นที่รู้จักดีอยู่เเล้ว ไททานิค แปลว่า ยักษ์ เป็นการเปรียบเปรยว่า "มันคือเรือใหญ่ที่สุดที่เเม้เเต่พระเจ้าก็จมมันไมไ่ด้"
ไททานิคมีหลายฉายา เช่น เรือแห่งความฝัน(The ship of dream) เรือที่ไม่มีวันจม(The Titanic’s unsinkability)
ณ ตอนนั้น 1912 ตั้งเเต่เรือปรากฎตัวขึ้น เป็น กระเเส อย่างรุนเเรง ทั้งสื่อต่างๆๆก็ประโคมความหรุหราอันอลังการ ความใหญ่ที่ทำให้ เรือแฝดของ Mauretania เเละ Lusitania ตกกระป๋องไปเลย เเถมยังมีฉายาว่า เป็นเรือที่ไม่มีวันจม ยิ่งเเสดงให้เห็นถึงความทันสมัย ชนิดที่ สายการเดินเรือยังไม่กล้ามาประกาศว่าเรือของตนไม่มีวันจมเเม้กระทั้งพระเจ้า!! ทำให้สายการเดินเรือคิวนาด ถึงกับกุมขมับว่า จะทำยังไงให้ตลาดลูกค้ากลับมาอยู่ฝั่งตน เเละนี่ก็เป็นที่มาของเรือที่ดังเเละยิ่งใหญ่ลำหนึ่งของคิวนาด Aquitania กลับมาที่ไททานิค หลังจากประกาศกร้าวอย่างอาจหาจ ก็ทำให้เรือลำนี้เป้นที่หมายปองของเศรษฐีดังๆๆเเละมีชื่อเสียง ถึงขนาดเเข่งกันจองห้องให้เป็นคนเเรกให้ได้
เรือได้เดินทางเที่ยวเเรกเเละก็เป็นเที่ยวสุดท้ายเช่นกัน.......
- การตกเเต่งภายใน
เรือตกเเต่งเเบบ Jacobean, Georgian, Dutch, Louis XIV, Empire เช่นเดียวกับเรือโอลิมปิคทุกประการ
โดมเเก้วอันลือลั่น
จำได้ไหมว่าได้รับรูปแบบการใช้โดมแก้วจาก เรืออะไร.....
ห้องนั่งเล่นสุภาพสตรี จำฉากนี้ได้ไหม..
ห้องสูบบุหรี่
รูปแบบการเล่นกระจกสี
คาเฟ่
ห้องทานอาหารชั้น 1 จำได้ไหม..
ห้องสมุด
- จุดจบ
เวลาเที่ยงคืน เรือได้ชนกับภุเขานำ้เเข็งทางกราบขวา ทำให้เกิดรอบฉีกเล้กๆๆยาวไปถึงอับเฉา 5 ห้อง ทำให้นำ้เริ่มเข้าไปในเรือ เเละสุดท้ายเรือที่ไม่มีวันจม มันทำด้วยเหล็ก+นำ้เข้าเรือ ยังไงก็ต้องจม ไม่ต้องให้พระเจ้าจมเลย
นำ้ท่วมห้องอับเฉาไป5 ห้องทำให้นำ้เริ่มเข้าเรือไปเรือๆๆ หัวเรือเริ่มจม มีการปล่อยเรือชูชีพ
นำ้ท่วมถึงดาดฟ้า ผู้คนกรีดร้อง เกิดวามดกลาหล มีฉากอันน่าเศร้า การพลัดพลากการสูญเสีย
ช่วงเวลา ตี2 .30 นาที เรือได้หักเป้น 2 ส่วนเป็นผลจากนำ้หนักท้ายเรือเเละเเรงเฉือนของเรือ ทำให้เราเเตกเป็น 2 ส่วน เเละสุดท้ายก้จมลง ใช้เวลาทั้ง 2 ชั่วโมง 40 นาที (เรือ Lusitania จม 18 นาที เอ้งงงงงงง)
เวลาผ่านไป 80 ปีหลังการจม มีการค้นพบเรือ
ภาพภูเขานำ้เเข็งที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เรือจม
สามี-ภรรยา ที่รอดมาได้ นับว่าโชคดีมาก เพราะส่วนใหญ่ สามีตายบนเรือหมด..
หนังสือพิมพ์พาดหัวโตๆๆๆๆ สร้างความช็อกเเก่คน ณ ตอนนั้นมากก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The France - Specifications: | |
Length: | 713 feet (217.8 m) |
Beam: | 75 feet (23 m) |
Tonnage: | 23,666 gross tons |
Engines: | Steam turbines powering four propellers. |
Service speed: | 23 knots |
Passengers: | 2,026 people |
เรือจากสายการเดินฝรั่งเศสลำนี้ เป็นเรือที่ดังมากเเละสร้างมาเพิ่มจะโค่นเรือแฝด MauretaniaเเละLusitania ของคิวนาดให้ได้ เส้นทางการเดินเรือระหว่างอังกฤษเเละเยอรมัน ทำให้เป้นที่จับตามองของฝั่งเยอรมันเช่นกันว่าจะโค่นความหรูหราของเรือSS. Kaiser Wilhelm der Grosse เเละก็เ้ป็นดังคาด เรือได้ทำชื่อเสียงของฝรั่งเศสในฐานะต้นแบบการตกเเต่งภายในมาเป็นที่ 1 ของตนอีกครั้ง เเน่นอนว่าความหรูหรา ก็อย่างที่รู้กันว่าต้องหนีไม่พ้น Louis ต่างๆๆเเน่นอน ในปี 1919 ได้กลายมาเป็นเรือพยาบาลเเละปลดระหว่าง 1935
- การตกเเต่ง
เรือของฝรั่งเศส ก็ต้องตกเเต่งแบบฝรั่งเศส เรือ ได้เอา Louis XIV เเบบเพรียวๆๆมาเเต่งทั้งลำทั้งหมดเเละเอาบรรยากาศแบบ Versailles มาใช้ เเต่มาสร้างให้เป็นคฤหาส มากกว่าที่จะเป็นพระราชวังเเบบ Lusitania ทำให้เกิดความรู้สึกโรเเมยติค เเละเเปลกใหม่ สำหรับผู้โดยสารที่จะได้เสมือนนั่งอยู่ในคฟหาสของจักรพพรรคหลุยห์จนมีคำพุดติดปากว่า คลีโอพัตตาคงไม่มีวันใช้ฟุ่มเฟือยได้เท่านี้เเน่
เป็นไง บันไดกลางของเรือ ยอมเเพ้ยังเรือลำอื่นๆๆๆ....
เอาเเวร์ซายมาจริงๆๆต้องแบบนี้...
ห้องเด็กอ่อน
ห้องนั่งเล่นนะ
ห้องสูบบุหรี่
ห้องทานอาหาร ให้ตายเถอะ หรูจริงๆๆ
บันได
ใบปิดโฆษนา อยากขึ้นมาโดยสารมากกกกก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Aquitania - Specifications: | |
Length: | 901 feet (275.2 m) |
Beam: | 97 feet (29.6 m) |
Tonnage: | 45,647 gross tons |
Engines: | Steam turbines powering four propellers. |
Service speed: | 23 knots |
Passengers: |
3,230 people
|
้เรือของสายการเดินเรือคิวนาดลำสุดท้ายที่โด่งดัง และ เป็นน้องฝาแฝดคนสุดท้องของเรือตระกูลคิวนาด Mauretania Lusitania เจ้าของฉายา The ship beautiful (เรือที่สวยเเละงดงามที่สุด) สาเหตุที่ได้เพราะเรือลำนี้ได้เพื่อนอย่าง SS.France มาเป็นอิทธิพล เเละได้เรียนรู้ถึงการใช้ความงามแบบหลุยห์ยังไงถึงจะรุ่ง ไม่ใช่รกรุงรังแบบ 2พี่ฝาแฝด เรือ Aquitania ตกเเต่งหรูหรา เรียบง่าย เเละ พอดี ทำให้มันดูสวยสง่า เเละสร้างบรรยากาศ สุนทรียภาพ เเละอารมณ์แก่ผู้โดยสารได้ดีที่สุดในยุคนั้น เรือสร้างในช่วงหลังจากคนเริ่มเลิกเห่อความหรุหราแบบฟู่ฟ่า ทำให้ต้องเปลี่ยนรุปแบบภายในให้หรูหรามีสไตย์ เเละพอดี เรือลำนี้ยังเป็นฉากโฆษนาหลายตัวในยุคนั้น เเละเป็นการโปรโมทความทันสมัย ของคนในยุคนั้นด้วย เลยเป้นสัญลักษณืทางวัตถุที่เปรียบเปรย ค่านิยม บรรทัดฐาน รสนิยมของคนในยุคหลังสงครามโลกได้อย่างดี เเละที่เเน่นอน เมื่อเรือลำนี้สร้างเสร็จ สายการเดินเรือไวท์ สตา ไลน์ก็จำใจต้องยอมอำลาตำเเหน่งเรือที่หรุหราเเละใหญ่ที่สุดไปให้เรือลำนี้ครอง หลังจากเรือไททานิคจม เรือลำนี้ก้ออกแบบ เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ความหรุหรา เเละความเร็วเป้นรองตามลำดับ ..
ในปี 1914 ได้เข้าร่วมสงครามเเละเปลี่ยนเป้นเรือพยาบาล เเละหลังจากจบสงคราม เรือลำนี้ได้ถูกใช้จนปลดระหว่างในปี 1950
- การตกเเต่งภายใน
เรือได้รับรูปแบบ Louis ,Romantic มาใช้อย่างพอดี เเละสง่างามเน้นเพดานยกสูง space โอ่โถ่งเเต่อบอุ่น สร้างบรรยากาศหวานๆเเละโรเเมนติค เเต่มีกลิ่นอายความทันสมัยเเละเทคโนโลยี ผสมลงไปอย่างเเนบเนียน ทำให้เป็นที่ตราตรึง เเละประทัปใจเเก่ผู้ดดยสาร
สมกับฉายา The ship beautiful ..
บันไดกลาง
ห้องทานอาหาร
ห้องทานอาหารอีกแบบ
ห้องสุภาพสตรี
ห้องสุภาพบุรุษ
ห้องศิลปะ
ลานข้างนอก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
12.) RMS Britannic (1914-1915) (สายการเดินเรือ White Star Line)
The Britannic - Specifications: | |
Length: | 903 feet (275.8 m) |
Beam: | 94 feet (28.7 m) |
Tonnage: | 48,158 gross tons |
Machinery: | Reciprocating engines developing 32,000 HP for the two wing-propellers and a steam turbine developing 18,000 HP for the centre propeller. |
Service speed: | 21 knots |
Launch date: |
February 26th, 1914
|
เรือได้รับการเปลี่ยนเรือพยาบาลทำให้ต้องเปลี่ยนฟังค์ชั่น เเละรุปแบบเรือใหม่ เเต่ก็ยังไม่ทิ้งความสวยเเละความยิ่งใหญ่ น่าเสียดายหากเรือไม่มีได้มาเป้นเรือพยาบาล เรือบริเเทนนิคก็จะเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นเเละอาจหรุหราที่สุดด้วย เเต่ยังไงสุดท้าย เรือ Aquitania ก็จะมาเเย่งกลับทีหลัง อยู่ดี
- การตกเเต่งภายใน
ตั้งใจจะให้เหมือนเรือไททานิคทุกประการเเต่สุดท้านก็ทำได้เเค่บางส่วนเพราะต้องเเปลงเป็นเรือพยาบาล ก็สรุปคือ สวยครึ่งหน้า ครึ่งหลังก็เรียบๆๆๆ
ยังมีบันไดเหมือนกับเรือไททานิค เเต่สังเกต่าไม่มีน่าฬิกา จะเปลี่ยนเป็นกรอบรุปแทน
โดมเเก้งดูใหญ่กว่าเเละมีการเพิ่มdetail ไปด้วย
ห้องเต้นรำ
- จุดจบ
เรือ Britannic มีจุดจบเช่นเดียวกัยเรือ lusitania ถูกยิงด้วยตอปิโด เเล้วยังมีการระเบิดจากภายในตัวเรือเอง
ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นพยาบาล หลังจากเรือระเบิด นำ้ก้เริ่มเข้าเรือ เรือก็เริ่มเอียงกราบขวา เเละก้เล่นต่อไปเรื่อยๆๆ จนใบจักรเริ่มลอยจากนำ้ เริฃือจึงหยุด เเละก้เริ่มค่อยๆๆตะเเคงขวาจมไปเรื่อยๆๆใช้เวลาทั้งสิ้น 56 นาที
จมในเวลาเช้า 9.45 น.
ถูกพบหลังจมมาเกือบ 80 ปี
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Arundel Castle - Specifications: | |
Length: | 661 feet (201.9 m), lengthened to 686 feet (209.5 m) during 1937 refit. |
Beam: | 72 feet (22 m) |
Tonnage: | 18,980 gross tons |
Engines: | Steam turbines powering two propellers. |
Service speed: | 17 knots. 20 knots after 1937 refit. |
Passengers: | 1,170 people |
สายการเดินเรือนี้ ก็เป็นสายการเดินเรือหนึ่งที่ต้องเเข่งขันกับเรือใหญ่ๆ อย่าง Lusitania titanic France เเละด้วยเส้นทางแอฟริกาใต้ - อังกฤษมีการเติบโตทางการตลาดมากขึ้น ทำให้จำเป้นต้องสร้างเรือี่มากกว่าเเค่เดินทางไปกลับ เเต่ต้องเร็ว ขนาดใหญ่เเละหรุหรา เพื่อไม่ให้น้อยหน้าสายการเดินเรืออื่น ได้เปิดตัวเรือในวันที่ 19 กันยายน ปี 1919 เเละเดินทางครั้งเเรกในวันที่ 22 เมษายน 1921 โดยสิ่งที่น่าดึงดูดคนมานใจเรือลำนี้คือ มันทันสมัยมากๆๆ เเ้มจะไม่หรูหรา เเต่เน้นความเรียบง่าย โมเดิร์น เเละที่สำคัญการเดินทางผ่านทะเลไปแอฟริกา อากาศจะร้อนอบอ้าวอย่างมาก ไม่หยาวเหมือนเส้นทางการเดินเรืออื่น เรือลำนี้จึงมีเครื่องปรับอากาศลำเเรก จึงให้ความสะดวกสบาย เเละทันสมัยถึงที่สุด เเละยังมีเรือชูชีพที่พอดีกับจำนวนผู้โดยสาร ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยได้ เรือได้ใช้งานเเละปลดระวางในปี 1953
- การตกเเต่งภายใน
โมเดิร์น ไม่หรูหรามาก เน้นความสะดวกสบาย เเละเรียบง่าย
ไม่มีรูปภายใน ก็เลยเอาแปลนมาให้ดุเเล้วกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The Windsor Castle - Specifications: | |
Length: | Originally 661 feet (201.9 m), 686 feet (209.6 m) after 1937 refit. |
Beam: | 72.5 feet (22.2 m) |
Tonnage: | Originally 18,967 gross tons, 19,141 after 1937 refit. |
Engines: | Steam turbines turning two propellers. |
Service speed: | Originally 17 knots, 20 knots after 1937 refit. |
Passengers: | 870 people, reduced to 604 during 1937 refit. |
- การตกเเต่งภายใน
โมเดิร์น ไม่หรูหรามาก เน้นความสะดวกสบาย เเละเรียบง่ายเช่นเดียวกับเรือ Arundel Castle
ห้องสูบบุหรี่
บาร์เหล้า
- จุดจบ
โดนเรือพิฆาตของเยอรมันจมในปี 1943
------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------END--------------------------------------------------