ตุงล้านนา พุทธบูชาบนผืนผ้า
“ ตุง ” เป็นภาษาล้านนาใช้เรียก “ ธง ” ทุกชนิดว่า ตุง ไม่ว่าจะเป็นแบบผืนยาวๆ ผูกติดยอดเสาปล่อยชายห้อยลงมา หรือ แบบเป็นผืนสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมสั้นๆ ผูกให้ห้อยลงมาหรือผูกด้านขวางให้ชายตุงไปทางด้านข้างๆ ตุงมีหลายขนาดหลายแบบหลายสี ทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ผ้าทอเป็นผืนทึบตลอดทั้งผืน หรือทอทึบสลับกับลายโปร่งตลอดทั้งผืน ทำจากกระดาษสา กระดาษสี ไม้กระดานเป็น โลหะทองคำ ทองเหลือง เหล็ก สังกะสี ตะกั่ว ดีบุก
ตุง มีหลายชนิดหลายแบบ แต่ละแบบแต่ละชนิดมีรูปร่าง สี การประดับตกแต่ง วิธีทำและใช้ประโยชน์เนื่องในงานพิธีกรรม แตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรณีความเชื่อในเรื่องตุงหรือการ “ ตานตุง ” และใช้ตุงในพิธีกรรมต่าง ๆ ดังนี้
๑ . เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ชัยชนะ ความปิติชื่นชม เกียรติยศ ความสำเร็จ
๒ . เป็นเครื่องหมายแสดงที่ตั้ง สถานที่จับจอง
๓ . เป็นการอุทิศ ส่วนบุญกุศลแก่ตัวเอง และแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้อยู่สุขสบายหลุดพ้น จากห้วงนรก
๔ . ใช้เป็นเครื่องบูชาเทวดา ภูตผี ในพิธีสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๕ . เป็นเครื่องหมายนำขบวนแห่เครื่องไทยทาน (ริ้วธง) เช่น ตุงจ้อจ้าง และนำขบวนแห่ศพเข้าสู่ป่าช้า คือตุงสามหาง
ผู้คนสมัยก่อน เลื่อมใสนับถือพระพุทธศาสนาอย่างลุ่มลึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงได้มีการกล่าวถึงพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ และได้คิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ ตุงไจย (ธงชัย) เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ด้วยตุงไจยที่มีองค์ประกอบดังนี้
- ประดิษฐ์ ตัวไก่ จับบนก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันโธ
- ประดิษฐ์ตัวตุงให้ยาวดั่ง ตัวนาค เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคม
- ประดิษฐ์ลวดลายตารางตกแต่งตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสโป
- ประดิษฐ์ลูกตาวัว เครื่องประดับตัวตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ (องค์ปัจจุบัน)
- ประดิษฐ์ก๊าง (ค้าง) ตุงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตร ซึ่งจะมาบังเกิดอีกราว ๒๕๐๐ ปีข้างหน้า
ประเพณีปอยหลวง ใช้ตุงไจยเป็นสัญลักษณ์บอกบุญ
เมื่อประดิษฐ์ตุงไจยเสร็จจะนำน้ำขมิ้นส้มป่อยมาประพรมไล่เสนียดจัญไรสิ่งไม่พึงประสงค์ออกไปจากตุง ให้หมดใสงดงามไร้มลทิน หลังจากนั้นจัดทำสวย (กรวย) ดอกไม้ จัดขัน (พาน) เพื่อนำตุงวางในขันแล้วนำไปถวายพระด้วยจิตใจปลื้มปิติ ก้มกราบรับพระในรำลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ ด้วยเชื่อและหวังให้ตุงนำวิญญาณขึ้นสวรรค์เมื่อตนเองสิ้นชีวิตไปแล้ว
หลังจากถวายตุงแล้วนำตุงมัดปลายก๊างติดปลายเสา นำเสาตุงไปฝังใกล้ขอบทางเดินแล้วนำหลักสั้นไปตอกใกล้โคนเสาตุงเพื่อผูกมัด เสาตุงติดหลักให้มั่นคงแล้วปล่อยให้ตุงแขวนติดก๊างให้ปลายตุงด้านล่างสูงราวศีรษะของเจ้าของเชื่อว่าตุงได้พ้นจากผิวพื้นดินไม่ปนเปื้อนฝุ่น ปล่อยให้ตุงโบกไสวสง่างามบอกให้เทวดาฟ้าดินรับทราบถึงศรัทธาใบบุญ
แต่เจ้าของตุงบางคนไม่นิยมนำตุงไจยไปปักกลางแจ้ง ก็จะนำตุงไปแขวนบูชาไว้ในพระวิหาร แขวนในโบสถ์ให้ตุงเป็นเครื่องสักการะพระพุทธเจ้าอย่างถาวร หลังจากนั้นจึงทำการหยาดน้ำตาน (ทาน) ตุงอีกครั้ง ฝากบอกเทวดาฟ้าดินขอให้ปกปักรักษาตุงมิให้เสียหาย
- อานิสงส์การทานตุงจึงเกิดความเชื่อนิยมกันมาเป็นลำดับมิเสื่อมคลายในมวลหมู่ชาวพุทธในดินแดนล้านนา
- เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันคนบางกลุ่ม บางคนกลับนำตุงไจยที่หมายถึงถึงชัยมงคล ชัยชนะแก่สิ่งเลวร้าย ชนะอาถรรพ์เสนียดจัญไร กลับนำตุงไจยมาประดับตามร้านค้าไม่เว้นแม้แต่บาร์คลับ ผับเทค สถานที่อโคจร
ประเภทของตุง
ตุงมงคล
๑ . ตุงไจย (ธงชัย , ธงไชย) โดยมากทำด้วยผ้าขาว อาจมีสีอื่นบ้าง เช่นเหลือง เขียว เป็นผืนยาว ประดับตกแต่งด้วยลวดลายเป็นรูปดอก พานดอก ปราสาท คน เทวดา ช้าง ม้า นาค ทำเป็นปล้องๆ หรือขั้นๆ แต่ละขั้นมีไม้สอดแบ่งไว้ ตรงหัวไม้ขั้นจะตกแต่งด้วยมาลัย สร้อยดอก ช่อดอกใบ ให้ทั้งสองข้างแกว่งไหวสวยงาม ส่วนชายตุง หรือตีนตุง หรือเสื้อตุงก็จะตกแต่งด้วยมาลัย สร้อยร้อยลูกเดือย เป็นตาข่ายห้อยด้วย ดอกจุมบี๋กระดาษสวยงามส่วนหัวตุง จะทำเป็นลวดลายด้วยไม้ เป็นห่วง (ว้อง) ประมาณ ๓ ห่วง หรือทำเป็นลวดลายต่าง ๆ นำไปผูกกับไม้คานที่เสียบกับคันตุง ตรงหังตุงนี้หมุนได้ตามแรงลมพัด อาจจะมีการตกแต่งยอดคันตุงให้สวยงามพิศดารออกไปแล้วแต่ “ สล่า ” ตุงทำเป็นท่อน ๆ ยาวไม่ต่ำกว่า ๗ ท่อน แต่ละท่อนยาว ๙ นิ้ว ในช่วงแต่ละท่อนหรือข้อ ใช้ไม้ตึงขวางไว้ เพื่อไม่ให้ ตุงพับพันกันเมื่อลมพัดและไม่ให้ตุงยับยู่ยี่
ตุงไจยยังแบ่งออกเป็น
ก. ตุงใย ทำด้วยเส้นด้ายเรียงกันเป็นแผงโดยมีไม้คั่นเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่หัวถึงตีน (ชาย) ตุง
จะทอทึบเฉพาะส่วนตรงกลาง ระหว่างคั่นที่มีไม้สอดเท่านั้น
ข. ตุงตั๋น (ทึบ) ทำด้วยเส้นด้ายทอทึบเป็นผืนมักจะทอเป็นรูปต่าง ๆ มีทั้งทอยก และทอจก
ซึ่งเรียกตามภาษาชาวบ้าน ว่า “ เก็บดอก ” บางแห่งใช้วิธีทำสลับกัน คือทอทึบสลับโปร่ง
เป็นช่วงๆ หรือโปร่งเฉพาะหัวตุง ชายตุง หรือตรงกลาง หัวตุงก็มี
ตุงไจย ใช้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงชัยชนะ ความสำเร็จ ความปิติยินดีชื่นชม เป็นเกียรติ จึงใช้ร่วมขบวนแห่ หรือปักไว้ในบริเวณงาน หรือสองข้างทาง เนื่องในงานปอยหลวง ซึ่งอาจจะเป็นการฉลองถวายทานโบสถ์ วิหาร กุฎิ กำแพง และใช้ในเทศกาลอันเป็นมงคลทั้งหลาย
๒ . ตุงกระด้าง ทำด้วยไม้กระดานเป็นแผ่น แกะสลักลวดลายทึบและโปร่งด้วยการฉลุลาย เรียกว่า “ต้องลายผดหล่าย” ลงรักปิดทอง หรือทา ด้วยน้ำหาง (ชาด) บางอันอาจประดับด้วยแก้วสีสวยงาม เมื่อถวายทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยตั้งหรือแขวนสองข้างพระประธาน
๓ . ตุงซาววา ลักษณะเหมือนตุงไจยทุกประการ แต่มีความยาวถึง ๒๐ วา แต่ต่อมาอาจจะสั้นหรือยาวกว่าเล็กน้อยก็คงเรียกว่า ตุงซาววา
เมื่อทานแล้วใช้ประดับในวิหารโดยพาดกลับไปกลับมาบนขื่อวิหารที่พาดกลับไปกลับมาก็เพราะตุงยาวมาก หากใช้ร่วมขบวนแห่ ต้องให้คนหลาย ๆ คน ช่วยถือตั้งแต่หัวถึงหางตุง หากจะเก็บหรือประดับนอกวิหารนอกอาคารก็ต้องใช้เสาหลักทำเป็นราวห่างกัน ประมาณ ๑ วา เป็นช่วงๆ แล้วนำตุงนี้วางพาดบนราวนั้น
๔ . ตุงใส้จ้าง (ไส้หมู ตุงพญายอ) เป็นตุงรูปร่างทรงกลมรี ยาวประมาณ ๑ ศอก ใช้ประดับคัวตานเพื่อความสวยงาม หรือใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวัน ป๋าเวณีปี๋ใหม่ ตุงไส้จ้างทำด้วยกระดาษสี สองสีขึ้นไปซ้อนกัน ๒-๓ แผ่น พับหลายชั้นแล้วพับทะแยงมุมเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม ใช้มียับ (กรรไกร) ตัดสลับกันซ้ายขวา แต่อย่าให้ขาดจากกันส่วนปลายแหลมไปจนถึงส่วนที่เป็นฐานสามเหลี่ยม
แล้วตัดเป็นรูปลวดลายดอกต่างๆ แล้วแต่ถนัด เสร็จคลี่ออก ใช้มือล้วงเข้าไปจับส่วนปลายแหลมด้านในกลับออกมา ( ปิ้นในเป๋นนอก) แล้วสลัด ( สะวัด) ให้กระดาษยืดออก จะทำให้ตุงมีสปริง สลับสีสวยงาม
๕ . ตุงตั๋วนาม ( ตุงสิบสองราศี ) ทำด้วยกระดาษหรือผ้าขาว ถ้าเป็นกระดาษมักจะเป็นกระดาษสา ตุงนี้โดยมากไม่ค่อยเห็นมีลูกคั่น หรือไม่คั่นเป็นท่อน ๆ ในตัวตุงจะเขียนหรือพิมพ์ เป็นรูปสัตว์ตามราศี ทั้งสิบสองราศี เรียกว่า “ ตั๋วนามปี๋เกิด ” ตั้งแต่ปีแรก คือ
ไจ้ (หนู)
เป้า (งัว : วัว)
ยี (เสือ)
เม้า (กระต่าย)
สี (นาค)
ไส้ (งู)
สะง้า (ม้า)
เม็ด (แป๊ะ , แพะ)
สัน (อี่วอก)
เล้า (ไก่)
เสด (หมา)
ไก๊ (จ๊าง : ช้าง) ไทยเรียกปีกุน (หมู)
ขนาดของตุงประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาว ๒ ศอก ใช้ถวายทานเจดีย์ทราย โดยนำไปปักบนกองเจดีย์ทรายในวันพญาวันเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่) และ บางครั้งใช้ในพิธีกรรมสืบจ๊ะต๋า (สืบชะตา)
๖ . ตุงจ้อจ้าง ทำด้วยผ้า หรือ กระดาษ เป็นผืนขนาดใหญ่รูปสามเหลี่ยม บางทีก็เรียกว่า “ ตุงสามเหลี่ยม ” เพราะมีขนาดใหญ่จึงเรียกว่า “ จ้อจ้าง ” ขนาดความกว้างตรงฐานสามเหลี่ยมประมาณ๒ ศอก ความยาวประมาณ ๑ วา การตกแต่ง อาจจะปักลวดลาย ดอก รูป สัตว์ในนิยาย หรือทำเป็นลายปรุโปร่ง ขลิบขอบตุงทั้งสองด้าน ใช้เสียบกับคันที่ยาวพอเหมาะโดยพับผ้าตรงฐานสามเหลี่ยม เป็นตุงที่ปล่อยชายไปทางด้านขวางคล้ายธง ใช้เป็นตุงร่วมขบวนแห่คัวตานในงานปอยหลวง กฐินบางแห่งเรียกว่า “ ตุงจ้อนำตาน ”
๗ . ตุงเจดีย์ทราย นอกจากตุงตั๋วนามแล้ว ยังมีตุงที่ทำด้วยกระดาษหลากสีเล็กๆ รูปร่างเรียวยาวหลายขนาดแต่ไม่ใหญ่โต กว้างประมาณ ๓-๔ นิ้ว ยาวประมาณช่วงแขน หรือเล็กกว่านี้ผูกติดคัดไม้เดี่ยวและเป็นกลุ่ม โดยผูกติดกับกิ่งไม้หลายอัน ใช้ปักบนเจดีย์ทรายในวันขึ้นปี๋ใหม่
๘ . ตุงจ้อน้อย คือ ตุงจ้อจ้าง ตุงสามเหลี่ยม ขนาดเล็ก สีต่าง ๆ ใช้ประดับคัวตานและร่วมกับตุงอื่นๆ เพื่อความสวยงาม
๙ . ตุงสามเหลี่ยม (ตุงกฐิน) ทำด้วยผ้าขาว เขียนรูป ตะขาบ จระเข้ ปลา เงือก ปัจจุบันมีรูปร่างทั้งสามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้ร่วมขบวนแห่กฐิน และนำ ไปปักไว้หน้าวัดที่มีศรัทธา “ จองทอดกฐิน ” เมื่อมีตุงนี้ปักไว้ที่วัดแสดงว่าวัดนี้มีผู้ “ จองกฐิน ” แล้วผู้อื่นจะมาทอดซ้ำมิได้
๑๐ . ตุงร้อยแปด ทำด้วยกระดาษเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ง่าย ๆ หลายสี ใช้ในพิธีกรรมสืบชะตา สะเดาะเคราะห์
๑๑ . ตุงปันจ้อ (พันช่อ) ทำด้วยกระดาษขาวเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ มีจำนวนถึงหนึ่งพันช่อติดคันสั้นปักบนฟ่อนหญ้าคา ผูกติดตามเสาวิหาร หรือแขวน ไว้ตามขื่อวิหาร ใช้ในการบูชากัณฑ์เทศน์มหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ รวม ๑ , ๐๐๐ คาถา มักใช้ในงานวัน “ ยี่เป็ง ”
๑๒ . ตุงค่าคิง ทำด้วยผ้าหรือกระดาษ สีขาวกว้าง ๔ - ๖ นิ้ว ความยาวยาวเท่าความสูงของตัวคนที่จะทานตุง หรือทำพิธีสืบชะตาของตัวเอง
๑๓. ตุงพระเจ้าสิบจาด (ตุงทศชาติ , ทศปรามี) เป็นตุงที่ทำด้วยวัสดุต่างๆ เพื่อบูชาพระปัญญาบารมีแห่งการเสวยพระชาติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๑๐ ชาติ ก่อนที่จะจุติเสวยพระชาติที่ ๑๑ เป็น “ พระพุทธเจ้า ” ตุงนี่จึงมีถึง ๑๑ ตุง แต่เรียกว่า “ ตุงพระเจ้าสิบจาด ”
มีทั้งหมดดังนี้แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ
- ตุงดิน บูชา พระชาติเตมียะ
- ตุงทราย บูชา พระชาติชน
- ตุงไม้ บูชา พระชาติสุวรรณสาม
- ตุงจืน (ตะกั่ว) บูชา พระชาติเนมิราช
- ตุงเ...ยก ( ดีบุก) บูชา พระชาติมโหสถ
- ตุงเหล็ก บูชา พระชาติภูริทัต
- ตุงตอง (ทองเหลือง) บูชา พระชาติจันทกุมาร
- ตุงข้าวเปลือก บูชา พระชาตินารทะ (นารอท)
- ตุงข้าวสาร บูชา พระชาติวิฑูร
- ตุงเงิน บูชา พระชาติเวสสันตระ (เวสสันดร)
- ตุงทองคำ หรือ ตุงคำ บูชา พระชาติสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า)
๑๔ . ตุงพระบด (พระบฏ) เป็นผืนใหญ่ ขนาด ๒ X ๔ ศอก เขียนรูปพระพุทธเจ้าไว้ตรงกลาง ใช้ประดับฝาโบสถ์วิหาร ทำเป็นคู่ ๆ ประดับฝาทั้งสองด้าน คล้ายตุงกระด้าง
๑๕ . ตุงยอดพระธาตุ (จ้อตุง) ทำด้วยโลหะที่มีค่า เช่น เงิน ทองคำ ทองเหลือง เป็นรูปสามเหลี่ยม ขนาดไม่จำกัด ใช้ประดับบนยอดพระธาตุเหนือจากฉัตรขึ้นไป ที่ประเทศพม่านั้น “ จ้อตุง ” ทำเป็นคัดสวมลงในกระบอกสามารถหมุนได้ เมื่อลมพัดมา นอกจากจะสวยงานแล้ว ยังสามารถบอก ทิศทางลงได้อีกด้วย ตุงยอดธาตุ ถือว่าเป็นของมีค่าและสำคัญ
๑๖ . ตุงแฮ คือตุงที่ทำด้วย ผ้าแฮ ( ผ้าที่โปร่งบางอ่อน) แต่ไม่ใช่ผ้าแพรซึ่งทึบแต่อ่อนพริ้ว ปัจจุบันมักเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน มีลักษณะ
หลายรูปแบบใช้ประโยชน์หลายอย่างตามรูปแบบตุงเพียงแต่ทำด้วย “ ผ้าแฮ ” เท่านั้น
๑๗ . ตุงไม้ ที่ประดับด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ประดับหรือฉาบด้วยทราย เรียกว่า “ ตุงทราย ” วัสดุอื่นๆได้แก่ ตุงข้าวเปลือก ตุงข้าวสาร ตุงแก้ว ตุงดิน ใช้ในพิธีกรรมและงานบุญต่าง ๆ
๑๘ . ตุงฮาว เป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ทำด้วยกระดาษ หรือผ้า เป็นสีต่าง ๆ ขนาดประมาณฝ่ามือ หรือโตกว่านั้นเล็กน้อย ใช้ประดับอาคาร ประรำผามเบียง เต้น รั้ว โดยทากาวติดกับเส้นด้าย เชือกมัดขึง ใช้ในงานบุญ วันสำคัญ ปัจจุบันมักจะเป็นธงชาติ ธงเสมาธรรมจักร ตุงอวมงคล
ตุงอวมงคล
๑๙ . ตุงแดง ทำด้วยผ้าสีแดง ลักษณะคล้ายตุงไจย แต่ต่างกันตรงสี ที่เป็นสีแดง หากมีคนตายมักจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายโหง หลังจากนั้น ๗ วัน หรือภายใน ๗ วัน จะต้องนำตุงแดงมาปักไว้ตรงจุดที่ตาย พร้อมกองทรายกองใหญ่ ๑ กอง กองเล็ก ๑๐๐ กอง และเครื่องสังเวย ( ขันข้าว) มาทำพิธีตานตุง เพื่อให้วิญญาณผู้ตายหลุดพ้นไปผุดไปเกิด ไม่เป็นผีวนเวียนอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ตุงแดงยังสามารถ ทานแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วในวันปีใหม่ได้อีกด้วย ใช้เป็นเครื่องอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย และสูตถอน
๒๐. ตุงสามหาง ทำด้วยผ้าสีขาว หาง (ชายตุง มี ๓ แฉก) ใช้นำหน้าศพ
ตุงจ้อจ๊าง ตุงใส้หมู ตุงตั๋วเปิ้ง ใช้ปักกองทราย ในวันปี๋ใหม่เมือง
ตุงพระบฎ

ตุงสามหาง ใช้นำหน้าขบวนศพ
เครดิต:
http://www.chiangmai-thailand.net/tong_lanna/toong_lanna.html
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ดาราดัง "บริจิตต์ บาร์โดต์" เสียชีวิตแล้ว
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
ทรัมป์ดีใจ เลยแสดงความยินดี ที่ไทยและเขมรหยุดยิง!!
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
พรรคภูมิใจไทยส่งแคมเปญ ‘พูดแล้วทำ พลัส’ ผ่านบทเพลงฝีมือ"ดี้ นิติพงษ์ - สุเมธ"
เขมรสั่งห้ามจุดพลุฉลองปีใหม่ในกรุงพนมเปญ
การส่งต่อความสุขของคนในเมือง ความสุขเล็กๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนในส่วนของปี
5 อันดับศาสตร์เวทย์ลี้ลับที่คุณไม่เคยรู้
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ความแตกต่างของ มัทฉะ (Matcha) และ ชาเขียว (Green Tea)
ไข่ดาวน้ำเพื่อสุขภาพ
6 เมนูต้อนรับสงกรานต์ เริ่ดไม่ซ้ำบ้านอื่น!
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย




